Members

Views: 827

Reply to This

Replies to This Discussion

ขอบคุณครับ อิอิ (ความรู้แน่นจังพี่ชายผม ^^)
แน่นจริงหรอ ^ ^
อย่าไปเชื่อ
กรีนไม่เคยลองหรอก
เกิดมาผมไม่เคยเสียตูดให้ใคร
แมนซิตี้คือ หนุ่มชาวกรุง
แมนซิตี้คือ นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อบริหาร ทีมฟุตบอล ทีมหนึ่ง
ให้เป็นไปตามบกฎระเบียบของ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ให้เข้าร่วมเล่น
ในแต่ละลีก
ประวัติศาสตร์ของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ย้อนหลังกลับไปถึงปี ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) โดยเริ่มจากการเป็นสโมสรฟุตบอลที่ตั้งขึ้นโดยโบสถ์เซนต์มาร์ค ในเขตเวสต์กอร์ตัน ของเมืองแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ 7 ปีต่อมาทีมก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น อาร์ดวิค เอ.เอฟ.ซี ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่ออย่างถาวรมาเป็นทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างที่เรารู้จักในปัจจุบัน
สโมสรฯ เคยได้เป็นแชมป์ในระดับลีกแชมป์เปี้ยนชิพสองครั้ง แชมป์เอฟเอคัพ 4 ครั้ง ชนะบอลลีกคัพสองครั้ง และเคยชนะได้ถ้วยยูโรเปี้ยนคัพวินเนอร์สคัพมาครองหนึ่งสมัย ยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือที่รู้จักกันดีในนามของ “ซิตี้” หรือ “เดอะบลูส์” อยู่ในยุคปลายทศวรรษ 60 และต้นทศวรรษที่ 70 โดยในช่วงเวลาดังกล่าวภายใต้การนำของโจ เมอร์เซอร์ และมัลคอม อัลลิสัน ผู้ช่วย สโมสรคว้าถ้วยรางวัลมาครองหลายครั้ง บรรดาแฟน ๆ มักจะเรียกช่วงเวลาดังกล่าวว่าเป็นยุคของ “เบล-ลี-ซัมเมอร์บี” สโมสรมีนักเตะฝีเท้าเยี่ยมอยู่ในสังกัดหลายคน เช่น นีล ยัง ไมค์ ดอยส์ และโทนี่บุค
เกียรติยศล่าสุดที่ชาว “ซิตี้” ได้รับคือ ในปี 1976 เมื่อพวกเขาชนะถ้วยลีกคัพและได้มีโอกาสเข้าชิงแชมป์ลีก แชมเปี้ยนชิพในปีถัดมา และทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จครั้งนี้ ประกอบด้วย โจ รอยล์ โจ คอริแกน เดฟ วัทสัน และเดนนิส ทิวอาร์ท
นาทีแห่งความทรงจำที่สำคัญครั้งหนึ่งของทีม “ซิตี้” เกิดขึ้นที่สนามเวมบลีย์ในปี 1999 เมื่อพอล ดิคคอฟ สามารถยิงประตูตีเสมอได้สำเร็จ และทีมก็เอาชนะคู่แข่งในการดวลจุดโทษชี้ชะตาจนทำให้สามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในดิวิชั่น 1 ได้สำเร็จ
“ซิตี้” ย้ายจากสนามไฮด์โร้ดกราวน์ ในถิ่นอาร์ดวิค ซึ่งอยู่ด้านขวาของเมืองมาสู่สนามที่สร้างเพื่อสโมสรโดยเฉพาะที่เมนโร้ด ในปี 1923 และสโมสรก็ปักหลักอยู่ที่สนามนี้นานถึง 80 ปี ก่อนที่จะย้ายเข้ามาครอบครองสนามกีฬา ซิตี้ ออฟแมนเชสเตอร์ ซึ่งเป็นสนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพอังกฤษ ในปี 2002 แม้ว่าจะมีการย้ายสนามแต่สโมสรก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของเมืองแมนเชสเตอร์ สนามเดิมที่เมนโร้ดได้รับการขนานนามว่าเป็น “เวมบลีย์แห่งภาคเหนือ” และที่สนามเมนโร้ดแห่งนี้เองก็เคยรองรับผู้ชมได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังของอังกฤษโดยในนัดที่มีการแข่งตัดเชือกกับสโตค ซิตี้ โดยมีแฟนบอลเข้าชมถึง 83,569 คน เราได้ใช้สนามแห่งนี้ในการแข่งขันเอฟเอคัพ รอบรองชนะเลิศหลายครั้ง และในระยะหลังตั้งแต่ย้ายมายังสนามใหม่นี้ สโมสรก็ได้ใช้สนามในการจัดคอนเสิร์ตและการแสดงต่าง ๆ


สีเสื้อประจำทีมของ “ซิตี้” คือสีฟ้าอ่อน (sky blue)
เหตุการณ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของทีม
1899 : “ซิตี้” เป็นแชมป์ดิวิชั่น 2 ทำให้ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาแข่งขันในดิวิชั่น 1 โดยอัตโนมัติ
1923 : มีการเปิดสนาม “เมนโร้ด” โดยสามารถจุผู้ชมได้ถึง 90,000 ที่นั่ง และในปีฤดูกาลแรกที่เปิดใช้งานก็มีเกมที่มีผู้ชมมากถึง 76,166 คน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยุคนั้น
1926 : เป็นยุคที่ “ซิตี้” ไม่มีผู้จัดการทีม แต่ทีมก็สามารถเป็นทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ทีมแรกที่ได้เข้าไปเล่นที่สนามเวมบลีย์ ในนัดชิงฟุตบอลเอฟเอคัพ (แม้จะพ่ายแพ้ก็ตาม) นอกจากนี้ยังบุกไปชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในศึกดาร์บี้แมตช์ถึงถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดได้ถึง 6-1 ซึ่งเป็นสถิติการทำประตูในศึกแมนเชสเตอร์เดอร์บี้ แมตช์สูงสุดตลอดกาล แม้ว่าจะต้องตกชั้นในฤดูกาลเดียวกันนั้นเอง
1934 : มีการทำสถิติผู้เข้าชมสูงสุดถึง 84,569 คน ในสนาม “เมนโร้ด” ในนัดที่ซิตี้เจอกับสโตคซิตี้ และปีนั้นเองซิตี้ก็มีชัยเหนือปอร์ทสมัธ และคว้าถ้วยเอฟเอคัพมาครองได้สำเร็จ
1937 : “เดอะบลูส์” มีชัยชนะเป็นแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรก
1956 : ซิตี้ คว้าถ้วยเอฟเอคัพมาครองได้อีกครั้ง โดยมีชัยเหนือทีมเบอร์มิงแฮมซิตี้ การแข่งขันในรอบชิงเอฟเอคัพปีนี้เป็นแมตช์ที่อยู่ในความทรงจำของชาว “เดอะบลูส์” ทุกคนด้วยผลงานซุปเปอร์เซฟสุดยอดของเบิร์ท เทราท์แมน ที่ลงเฝ้าเสาทั้ง ๆ ที่ได้รับบาดเจ็บที่หลังจากการสกัดลูกของทีมฝั่งตรงข้าม
1968 : ทีมสามารถมีชัยเหนือ “นิวคาสเซิล” ได้ในการดวลแข้งวันสุดท้ายของฤดูกาล และผลจากชัยชนะวันนั้นเองทำให้สามารถนำถ้วยลีกแชมเปี้ยนชิพกลับคืนสู่ถิ่น “เมนโร้ด” ได้อีกครั้งหนึ่ง
1969 : “ซิตี้” สวมเสื้อลายแดงดำซึ่งออกแบบโดย มัลคอม อัลลิสัน ชนะเอฟเอคัพ โดยมีชัยเหนือเลสเตอร์ไป 1-0 ที่สนามเวมบลีย์
1970 : ชัยชนะยังคงหลั่งไหลเข้ามาสู่ทีม “ซิตี้” เมื่อคว้าชัยเหนือถ้วยยูโรเปี้ยนวินเนอร์คัพ และเข้าชิงถ้วยลีกคัพได้ในฤดูกาลเดียวกัน
1976 : ชัยชนะในรอบชิงถ้วยลีกคัพ พร้อมประตูแห่งความทรงจำโดยการสร้างสรรค์ของ ปีเตอร์ บาร์นส์ และ เดนนิส ทิวอาร์ท
1999 : ชัยชนะในนัดตัดเชือกรอบสุดท้ายทำให้ “ซิตี้” สามารถข้ามชั้นจากดิวิชั่น 2 ขึ้นมาเล่นในดิวิชั่น 1 ได้
2003 : มีการแข่งขันนัดอำลาสนามที่ “เมนโร้ด” ก่อนที่สโมสรจะย้ายไปอยู่ที่สนามกีฬา”ซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์” โดยนัดเปิดสนามเป็นศึกยูฟ่าคัพ
2007 : พตท. ทักษิณ ชินวัตร เข้าซื้อกิจการและเป็นเจ้าของคนใหม่ของสโมสร โดยได้ตั้งสเวน-โกสัน อีริคสัน เป็นผู้จัดการทีม ปีนี้เป็นปีที่ผลงานในช่วงต้นฤดูกาลของสโมสรดีที่สุดในรอบ 105 ปี โดยชนะเกมเหย้าถึง 8 เกมติดต่อกัน
ซิตี้ประสพความสำเร็จในการเสนอตัวเป็นผู้จัดการแข่งขัน “ยูฟ่าคัพ” รอบชิงชนะเลิศ ในปี 2008
ขอบคุณคร๊าบๆๆๆๆๆ
เรือใบสีฟ้า
คือ ทีมที่แสวงหาความสำเร็จ โดยใช้พลังเงินทุึน
ข้อดี หนึ่ง ได้ถ้วยรางวัลไม่ว่าถ้วยใหญ่หรือถ้วยเล็กในเวลาที่รวดเร็จขึ้น
สอง สร้างสีสรรให้กับพรีเมียร์ลีค
สาม อาจสร้างความสุขให้กับกองเชียร์(ในกรณีได้ถ้วยรางวัล)
สี่ ผลประกอบการที่ดี(ในอนาคต) ให้กับผู้ลงทุน
ข้อเสีย หนึ่ง ไม่ได้สร้างความสำเร็จที่สร้างสรรให้กับวงการฟุตบอลในระยะยาว
สอง ผลผลิตนักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรจะเกิดขึ้นน้อย
สาม นักฟุตบอลจะเล่นเพื่อเงิน
สี่ เพดานเงินค่าจ้างจะสูงขึ้นเกินจริงรวมทั้งค่าตัวนักแตะ
คือที่ ที่ทำให้พวกเราในนี้รักกัน
ผมต้องการแค่นี่ล่ะ
รักแบบไหนอ่ะที่ต้องการ...

รักเพศเดียวกันบ่เอาเด้อ..อิอิ
แหม นางต่าย เธอก็ อิอิ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.