ดร. ทักษิณ ชินวัตร ประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รายงานความคืบหน้าของผลงานช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของทีม "ซิตี้" และท่านประธานพอใจกับผลงานของทีมฟุตบอลเป็นอย่างยิ่ง

ดร. ทักษิณ ชินวัตร ผู้เพิ่งซื้อกิจการสโมสร เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาได้แสดงความชื่นชมบุคคลที่เขาดึงเข้ามาเป็นผู้จัดการทีม "เดอะบลูส์" แทบจะในทันทีที่ซื้อกิจการสโมสรสำเร็จ

ท่านประธานสโมสรได้ให้สัมภาษณ์ว่า "สิ่งที่ผมประหลาดใจคือ สเวนมีวิธีการที่สามารถทำให้ผู้เล่นที่มาจากสโมสรต่าง ๆ กัน สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างดี และภายในเวลาอันสั้น และยังสามารถทำให้พวกเขารักษาฟอร์มการเล่นที่ชนะอย่างสม่ำเสมอเอาไว้ได้ เราวางแผนร่วมกันตั้งแต่ต้นปีว่าจะทำให้ผลงานปีนี้ออกมาดีกว่าปีที่แล้ว แต่ผมไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้ดีขนาดนี้"

"ผมเชื่อมั่นในความสามารถของสเวน ต้องยอมรับว่าความสำเร็จที่ได้มาจนถึงวันนี้เป็นผลงานของเขา และผมเชื่อว่าเขาจะสามารถนำชัยชนะมาสู่ทีมได้อย่างต่อเนื่อง"

"มีผู้เล่นหลายคนที่ผมชื่นชอบ แต่คนที่สร้างความประทับใจให้กับผมมากที่สุดและผมรู้จักเป็นการส่วนตัวคือ เอลาโน ตอนเริ่มฤดูกาล ผมบอกเขาว่าเราต้องการเล่นให้ได้เก้าคะแนนจากการแข่งขันสามนัดแรกเพราะจะเป็นวิธีการที่ดีมาก ๆ ในการสร้างความประทับใจให้กับบรรดาแฟนคลับของสโมสร และเขาก็บอกผมว่า "นั่นคือเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่" ตั้งแต่ตอนนั้นผมรู้เลยว่าเขามาอยู่ที่ทีมเราเพื่อชัยชนะ"

ดร. ทักษิณ ยังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับรายการทีวี "พรีเมียร์ ลีก เวิร์ลด" ด้วยว่า "ในประเทศไทยเราเรียกทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ว่า "เรือใบสีฟ้า" และผมก็ชื่นชอบทีมนี้เพราะเป็นทีมที่เก่าแก่ เป็นทีมประเภทที่เรียกว่าเป็น "ยักษ์หลับ" เมื่อเราสามารถปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาได้ เขาก็จะมีพละกำลังมหาศาลและเข้มแข็งได้อย่างรวดเร็ว"

"ผมภูมิใจที่ได้เป็นประธานของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งมีผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมาก และเราก็มีพัฒนาการที่ดีด้วย"

"ผมมีความสนใจในฟุตบอลอังกฤษมาตั้งนานแล้ว และนี่เป็นโอกาสทองที่ผมไม่เคยมีมาก่อนว่าจะมาถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ผมกลายเป็นคนว่างงานไปแล้ว"

และเมื่อความนิยมในทีม "ซิตี้" ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่านประธานสโมสรก็ต้องการที่จะสร้างโอกาสให้นักเตะชาวไทยสามารถมีอนาคตในกีฬานี้นอกประเทศของตนเองบ้าง

"สิ่งที่ผมต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือการที่นักฟุตบอลชาวไทยมีโอกาสที่จะเล่นฟุตบอลในระดับนานาชาติ ช่วงนี้เราอาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้างเพราะสโมสรฟุตบอลในไทยไม่ได้อยู่ติดอันดับทอป 70 ของโลก จึงทำให้การขอใบอนุญาตทำงานหรือเวิร์คเพอร์มิทของนักเตะมีปัญหา แต่ด้วยสถานะของผมในปัจจุบันนี้ ทำให้ผมสามารถสร้างโอกาสให้แก่นักฟุตบอลไทย และชักชวนให้เยาวชนไทยหันมาสนใจในกีฬาฟุตบอลมากยิ่งขึ้น เพราะว่าการเล่นกีฬาเป็นสิ่งที่สำคัญมากและหากเราทำให้เยาวชนหันมาเล่นกีฬากันมาก ๆ ก็จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของประเทศ"

ท่านประธานยังย้ำว่าสิ่งสำคัญลำดับต้น ๆ ของสโมสรคือ การประสพชัยชนะในการแข่งขันและท่านได้แสดงเจตนารมณ์ว่า : "ผมจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก และก็จะพยายามเอาผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย เข้ามามีส่วนร่วมด้วย"

"ผมต้องการให้จำนวนของแฟนคลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเราก็ต้องการให้โอกาสแฟน ๆ ของสโมสรที่จะสามารถให้การสนับสนุนสโมสรเพื่อที่เราจะได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และทำให้แบรนด์ "แมนเชสเตอร์ ซิตี้" กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นหัวใจของทุกสิ่งก็คือ ความสำเร็จของทีม ความสำเร็จหรือชื่อเสียง หรือความนิยมในแบรนด์ทั้งหมดจะมีได้ก็จากการที่ทีมของเราประสพชัยชนะ"

"ผมได้ยินชื่อของเมืองแมนเชสเตอร์มานานมากแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสมาเยี่ยมเยือน จนกระทั่งต้องเดินทางมาเพื่อเจรจาซื้อสโมสร และจากที่ผมได้มีโอกาสพบเห็น ผมว่าชาวแมนเชสเตอร์ เป็นคนที่มีความเป็นมิตร และมีจิตใจดี ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ผมรู้สึกว่าได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น โดยเฉพาะจากบรรดาแฟน ๆ ของสโมสร ผมมั่นใจว่า แมนเชสเตอร์ จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในอังกฤษ และตอนนี้เมื่อผมมาพักอยู่ที่นี่ ผมจะพยายามสนับสนุนและส่งเสริมเมืองแมนเชสเตอร์ ไม่ใช่แค่สโมสรฟุตบอลเท่านั้น ผมจะพยายามช่วยส่งเสริมเมืองแมนเชสเตอร์เท่าที่ผมจะทำได้"

และท่าประธานสโมสรก็พอใจที่บรรดาสาวกเดอะบลูส์ขนานนามท่านว่า "แฟรงก์ ซิเนตร้า" โดยบอกว่า "ผมรู้ว่าพวกเขาเรียกผมว่าแฟงก์ ผมว่าเป็นวิธีการแสดงออกของบรรดาแฟน ๆ ของสโมสรว่าชอบผมนะ การที่ตั้งชื่อเล่นให้ผมก็แสดงว่าพวกเขารู้สึกสนิทสนมและเป็นกันเองกับผม"

สเวน-โกราน อีริคสัน ยืนยันว่าเขาจะเดินทางไปประเทศจีนและประเทศไทย ในช่วงสัปดาห์หน้าซึ่งเป็นสัปดาห์ที่พักการแข่งขันในระดับสโมสร เพื่อเปิดทางให้นักเตะไปเล่นทีมชาติ

ผู้จัดการทีมทิ้งท้ายว่า "ผมจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อสร้างชื่อเสียงของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะนั่นคือเป้าหมายของเรา และก็จะไปพบกับบรรดาผู้ที่พร้อมจะเป็นสปอนเซอร์ให้การสนับสนุนทีมฟุตบอลของเราในอนาคต การเดินทางของผมเหมือนการเป็นทูตให้กับสโมสร เป็นเรื่องของฟุตบอลล้วน ๆ ผมไม่มีแผนการจะกล่าวเรื่องราวใด ๆ ที่จะโยงไปสู่การเมือง เราจะออกเดินทางในวันจันทร์ และกลับถึงแมนเชสเตอร์ในวันเสาร์"

ทิม ออสครอฟท์