Members

เหตุผลที่นักลงทุนไทยถึงลงทุนกับฟุตบอล(อืม อยากรู้เหมือนกัน)

ปรากฏการณ์ "เศรษฐีไทยในสนามฟุตบอลอังกฤษ" จัดเป็นสปริงบอร์ด "ชั้นเยี่ยม" สำหรับกรุยทางแบรนด์ แตกแขนงธุรกิจจากเกมลูกหนัง

"ปฐมบท" การซื้อทีมฟุตบอลอังกฤษของเศรษฐีไทยที่ดังกระฉ่อน คือ การซื้อทีมฟุตบอล "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2550 ด้วยมูลค่าราวๆ 7 พันล้านบาท ก่อนจะ "ขายทิ้ง" หลังถูกบีบให้ชี้แจงถึงที่มาของเงินในการนำมาซื้อทีม บนปัญหาการเมืองรุมเร้า

แม้พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นเจ้าของทีมเรือใบสีฟ้าได้ไม่นาน สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนกำไรจากการนี้ คือ การใช้เป็นพื้นที่ประชาสัมพันธ์ตัวเองต่อชาวโลก ที่ใครๆ จะต้องเอ่ยถึงในฐานะเศรษฐีเจ้าของทีมฟุตบอลเรือใบสีฟ้า โดยแทบไม่ต้องลงทุนลงแรงสร้างแบรนด์ให้มากความ

เจ้าพ่อคิง เพาเวอร์ วิชัย รักศรีอักษร ก็ไม่น่าจะคิดต่างไปจากนี้! การจับคู่ระหว่างกลุ่มคิง เพาเวอร์ กับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ จึงเกิดขึ้น

ทั้งยังมีอีกความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนไทยกับกระแสข่าวต้องการซื้อกิจการทีมสโมสร "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส โดยเลือกใช้ล็อบี้ยีสต์คนเดียวกันที่ช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ เจรจาซื้อทีมเรือใบสีฟ้า

นอกจากการซื้อทีมฟุตบอลอังกฤษมาไว้ในอ้อมกอดเศรษฐีจากเอเชียอาคเนย์ให้สะใจแล้ว ทีมฟุตบอลจากเกาะอังกฤษหลายทีมยังถูกประดาเศรษฐีไทยใช้พื้นที่บนหน้าอกเสื้อล่ำๆ เป็นสื่อโฆษณาเคลื่อนที่

ที่จดจำกันได้เป็นอย่างดี เห็นจะเป็นโลโก้ Chang บนหน้าอกเสื้อทีมเอฟเวอร์ตัน หลังเจ้าสัวน้ำเมา เจริญ สิริวัฒนภักดี เซ็นสัญญาสนับสนุนทีมเอฟเวอร์ตัน ด้วยการซื้อสิทธิ์ติดโลโก้บนอกเสื้อ ทำให้ชาวโลกรับรู้แบรนด์ Chang จากการถ่ายทอดสดเกมฟุตบอลทั่วโลก

ผลลัพธ์ที่ได้คือ สามารถสร้างแบรนด์ช้างให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกในเวลาไม่นานนัก สอดรับแผนโกอินเตอร์ของไทยเบฟ

ด้านคู่ปรับตลอดกาลของไทยเบฟ อย่างค่าย "สิงห์" ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เมื่อประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าสนใจในธุรกิจฟุตบอล ก้าวแรกด้วยการร่วมเป็น Global Partner กับทีมสโมสรสิงโตสีน้ำเงิน เชลซี โดยสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ได้รับสิทธิให้เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ภายในสนามฟุตบอลสแตมฟอร์ดบริดจ์ทุกจุดขายในสนาม และยังมีป้ายสัญลักษณ์ “สิงห์” ติดอยู่ข้างสนามด้วย

นอกจากนี้ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ยังสามารถนำภาพนักเตะในทีม คำพูด ข้อความ รวมไปถึงสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นเชลซีทั้งหมดไปใช้ในการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ในทุกสื่อทั่วโลก ทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และภาพนิ่ง โดยเป็นความร่วมมือในลักษณะ The Global Partner มีระยะเวลานานถึง 4 ปีเต็มนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป

รวมไปถึงการเป็น The Global Partner ร่วมกับทีมผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยได้รับสิทธิ์ในการขายผลิตภัณฑ์สิงห์ทั้งหมดในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด และมีป้ายติดอยู่ข้างสนามด้วยเป็นเวลา 3 ปี

บนเป้าหมายว่าแบรนด์สิงห์จะต้องติด 1 ใน 3 ของแบรนด์เอเชียภายใน 3 ปีพอดิบพอดีกับระยะเวลาการได้รับสิทธิ์

เมื่อเป็นเช่นนี้ธุรกิจฟุตบอลอังกฤษจึงไม่ต่างจากเกมกีฬาระดับเวิลด์คลาสที่เป็นเหมือนใบเบิกทางประชาสัมพันธ์สินค้าและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

เช่นเดียวกับเจ้าของธุรกิจที่สามารถยืดอก มีหน้าตาและชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น

หันมาโฟกัสที่ดีลซื้อทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินเลสเตอร์ ซิตี้ ของเจ้าพ่อดิวตี้ ฟรี แม้วิชัยจะป่าวประกาศเสียงแข็งในงานแถลงข่าวว่า ซื้อเพราะความชื่นชอบ ไม่ได้หวังผลกำไร "เหตุผลการซื้อทีมฟุตบอลครั้งนี้เพราะมีความตั้งใจมานานแล้ว พอมีโอกาสเลยซื้อ ทำให้ดีลนี้จบลงได้ง่ายทั้ง 2 ฝ่าย ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ผมชอบรองจากโปโลที่ผมสนับสนุนมาตลอด 15 ปี" ยืนยันจากวิชัย แต่ประสบการณ์ในการเป็นสปอนเซอร์ให้กับทีมฟุตบอลต่างประเทศของคิง เพาเวอร์ ก็ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์อย่างมาก

“ผมว่าได้เยอะเลย เพราะอังกฤษเป็นลูกค้าของคิง เพาเวอร์ อันดับ 2 เมื่อสัก 10 ปีที่แล้ว เราเข้าไปทำกับเชลซี แต่คนก็ยังไม่รู้จักเรา จนผมต้องเปลี่ยนชื่อป้ายข้างสนามเป็น King Power Thailand คนก็รู้จักเรามากขึ้นว่าเราทำอะไร ทำให้คนเขารู้จักประเทศไทยมากขึ้น เข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ในอนาคตผมอยากจะดึงนักเตะซูเปอร์สตาร์เข้ามาช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวในไทย”

ครั้งนี้ แค่เริ่มสตาร์ท คิง เพาเวอร์ก็เนื้อหอมแล้ว โดยวิชัยบอกว่า ขณะนี้มีนักลงทุนทั้งจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์สนใจเข้ามาร่วมลงทุนด้วย แต่ทางคิง เพาเวอร์ คงต้องพิจารณาและขอดูเงื่อนไขการลงทุนก่อน

หากกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้ต้องการเข้ามาลงทุนในระยะสั้นๆ สร้างทีมขึ้นมาแล้วขายเพื่อทำกำไร ทางคิง เพาเวอร์ คงต้องบอกปัด เพราะต้องการลงทุนในระยะยาว

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า วิชัยควักกระเป๋าซื้อทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยเงินราว 40-50 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,040-2,550 ล้านบาท และพร้อมจะเปิดทางให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ที่สนใจเข้ามาซื้อหุ้นในสัดส่วน 49% โดยเขา (ในนามกลุ่มทุนเอเซีย ฟุตบอล อินเวสเมนต์) จะถือหุ้นในสัดส่วน 51%

“งานนี้ผมใช้เงินส่วนตัวซื้อทีมฟุตบอล เพราะเรามองเห็นโอกาสทำธุรกิจในอนาคตซึ่งมีหลากหลายช่องทาง คนที่อยากจะเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับผมเป็นบุคคลทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นกลุ่มบริษัทก็คงต้องขอดูเงื่อนไขว่าเขามีวัตถุประสงค์อย่างไร เพราะเงื่อนไขในการทำธุรกิจกับผมนั้นมีเยอะ” เขากล่าวพร้อมย้ำรอบแล้วรอบเล่าว่า การซื้อทีมฟุตบอลครั้งนี้ ส่วนหนึ่งต้องการพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้มีมาตรฐานการเล่นเทียบเท่ากับสากลมากขึ้น มากกว่าจะมุ่งหากำไร

วิชัยยังได้ส่ง อัยยวัฒน์ รักศรีอักษร ผู้ช่วยประธานบริหารกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ลูกชายคนเล็กวัย 25 ปี ให้เป็นผู้นำทีมผู้บริหารคนไทยเพื่อบริหารทีมเลสเตอร์ฯ เพราะเขาต้องการวางมือจากธุรกิจที่ทำแล้วเครียดมากๆ อยากจะเกษียณตอนอายุ 55 ปี แล้วไปทำธุรกิจอื่นๆ ที่ตัวเองชอบและไม่เครียดมากกว่า

"ตอนนี้ก็วางตัวลูกๆ ทั้ง 4 คนให้ทำหน้าที่แทนแล้ว ผมอยากให้โอกาสเขาได้ทำงาน อย่างอัยยวัฒน์นี่เขาเองก็ถนัดและชอบด้านฟุตบอลเป็นพิเศษอยู่แล้ว ส่วนลูกๆ ที่เหลือก็ให้ดูแล Duty Free ที่คิง เพาเวอร์“ วิชัย บอก

แม้จะออกตัวว่าธุรกิจกีฬาไม่ใช่ธุรกิจที่จะทำกำไรได้มากอย่างที่คิด แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่ปฏิเสธคือ ดีลนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการโปรโมทแบรนด์ King Power ที่จะติดหราอยู่บนอกเสื้อของนักเตะ และโลโก้ King Power Thailand จะติดอยู่ริมขอบสนาม

นอกจากนี้ สนามฟุตบอลวอล์คเกอร์ สเตเดียม ก็จะถูกเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการใหม่ว่า คิง เพาเวอร์ สเตเดียม รวมไปถึงลิขสิทธิ์การจำหน่ายของที่ระลึกที่เกี่ยวกับเลสเตอร์ ซิตี้ ทั้งหมด

ไม่แค่นั้นวิชัยยังเปรยๆ ด้วยว่า หากแบรนด์คิง เพาเวอร์ติดตา ติดตลาดแฟนบอลทั่วโลกก็ปูทางการทำธุรกิจใหม่ในอนาคต

สอดคล้องกับคำกล่าวของอัยยวัฒน์ที่ว่า

"ทีมเลสเตอร์ ซิตี้จะช่วยต่อยอดธุรกิจของกลุ่มคิง เพาเวอร์ได้หลายอย่างทั้งในแง่ของการสร้างแบรนด์คิง เพาเวอร์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีช่องทางหลายช่องทางในการทำธุรกิจต่อยอดนอกเหนือไปจากทำทีมฟุตบอลเพียงอย่างเดียว"

เมื่อปลายทางการลงทุน มีเป้าหมายกว้างไกล จึงไม่แปลกอะไรที่เศรษฐีไทยจะนิยมของเล่นใหม่เป็นสโมสรฟุตบอลต่างประเทศกัน

๐ วิชัย V& เนวิน ฟุตบอล-ธุรกิจ-การเมือง

ในช่วง 1-2 ปีมานี้ วงการฟุตบอลไทยมักจะมีนักการเมืองเข้ามาลงทุน ไม่ว่าจะเป็น ตระกูล "คุณปลื้ม" กับทีมชลบุรี เอฟซี หรือ เนวิน ชิดชอบ แห่งพรรคภูมิใจไทยที่ทุ่มทุน “เทคโอเวอร์” สโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มายังจังหวัดบ้านเกิดและเปลี่ยนชื่อเป็นสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ

ทั้งยังได้สร้างทีมบุรีรัมย์ เอฟซี ขึ้นมาเพื่อโลดแล่นในศึกดิวิชั่น 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ดังนั้นคำถามที่เกิดขึ้นในงานแถลงข่าวซื้อทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ของคิง เพาเวอร์ คือ “คุณเนวิน สนใจอยากจะเข้ามาลงทุนร่วมด้วยหรือไม่” ด้วยทั้งสองฝ่ายต่างเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น

คำตอบที่ได้รับจากวิชัย คือ "คุณเนวินคงไม่เข้ามาหรอก แต่ทางคิง เพาเวอร์วันนี้ต้องช่วยทีมบุรีรัมย์ ไปก่อน เพราะผมก็สนิทสนมกับคุณเนวิน มันเป็นสัญญาใจน่ะครับ"

วิชัยกับเนวินในวัย 52 ปีเท่ากัน รู้จักกันโดยผ่านการแนะนำของ กนกศักดิ์ ปิ่นแสง เพื่อนสนิทของเนวินและคนใกล้ชิดของวิชัย เพราะเป็นที่ปรึกษาให้กับมูลนิธิคิง เพาเวอร์ และเป็นเลขาธิการสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย ที่วิชัยเป็นนายกสมาคมอยู่

จึงเป็นที่มาว่าทำไมคิง เพาเวอร์ ถึงสนับสนุนทีมบุรีรัมย์ที่เนวินดูแลอยู่ และไม่แปลกอะไร ถ้าจะเห็นกลุ่มก๊วนนักการเมืองแห่งภูมิใจไทยจะเดินเข้าออกที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ บ่อยๆ

ทั้งยังวิเคราะห์กันว่า การเทคโอเวอร์ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ของคิง เพาเวอร์ จะเป็นการต่อยอดให้ทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ให้ได้นักเตะจากเลสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ทีมอันดับ 3 ในตารางไทยพรีเมียร์ลีก

ขณะเดียวกัน ว่ากันว่า คนที่อยู่เบื้องหลังการเข้าซื้อหุ้นทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ราชาที่ดินบ้านฉาง ที่เคยดีลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อทีมเมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว

ไพโรจน์นั้นรู้จักและสนิทสนมกับนักการเมืองดังในนามกลุ่ม 16 ที่มีเนวิน ชิดชอบ เป็นหนึ่งในนั้น

ฟุตบอล ธุรกิจ และการเมือง จึงสามารถเชื่อมโยงวิชัย เนวิน เข้าด้วยกันอย่างลงตัว

อย่างที่วิชัยบอกว่า "การทำธุรกิจกีฬาอย่างฟุตบอลนี้ มันก็เอื้อๆ กันอยู่แล้วกับการเมือง"
บทความจากbangkokbiznews.com

Views: 506

Reply to This

Replies to This Discussion

เข้ามาแล้วทำให้วงการดีขึ้นก็ว่ากันไป
สงสัยต้องการจะเลียนแบบท่านทักษิน อิอิ
ไม่ได้เลียนแบบ ทักกี้ แน่ หนูอ้อม จุดประสงค์ของพวกเค้าคือ
จุดประสงค์หลักไว้ทำบัญชีมั่วๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีในเมืองไทย
จุดประสงค์รอง ก็เอาไว้ xxกเงิน ให้ดูมันขาวบริสุทธ์
นั้นแลเฮเอย..............
55 ท่านลุงรู็จริง
ไม่ได้เลียนแบบจริงเหรอ
ปกตินักการเมืองเศรษฐีไทยไม่มีใครสนใจตรงนี้เลยนะ
ขนาดกระทิงแดง หรือ เบียร์ช้าง เริ่มสนับสนุนโลโก้กีฬาในระดับโลก
พวกคนรวยบ้านก็ก็เงียบฉี่ เห่อกันเป็นพักๆ
แต่พอท่านทักษิณซื้อแมนซิตี้ดิ หืม ห้อยตามเรย อิอิ
รับรองว่า กลุ่มนี้ ไม่ได้เลียนแบบทักกี้ จริ๊งจิ๊ง
ถ้าจะมีคนเลียนแบบก็ กลุ่มผู้ครองรัฐอาบูดาบี้ นี้แหละ
ที่เลี่ยนแบบนี้ไม่ไฃ่เพราะมาซื้อ city ต่อจาก ทักกี้
รัฐอาบูดาบี้ นี่น่าจะรวยที่สุดใน UAE แต่ชื่อเสียงสู้รัฐ ดูไบ ไม่ได้เลย
ลงทุนกับ city แป๊ปเดียว เผลอๆตอนนี้ชื่อเสียงของ อาบูดาบี้ น่าจะสูสี่กับ ดูไบ แล้วนะจ๊ะ
ส่วนกลุ่มทุนจากเมืองไทย มีจุดประสงค์อะไร ไม่อยากอธิบายเพิ่มเติม
เพราะหน้านี้ ต้องห้ามเรื่องการเมืองคร๊าบ.........อิอิอิอิอิ
อาจมีจุดประสงค์...หลาย ๆ ข้อ..แต่ที่แน่ ๆ ถ้าทำให้มันดีขึ้น...ก็น่าส่งเสริมนะจ๊ะ...
ได้ความรู็ดีครับ เด๋วมาอ่าน
ฟุตบอลกับการเมืองมันคนละเรื่อง
เศรษฐีเมืองไทยน่าจะเอาเงินมาพัฒนาบอลไทยบ้างเนอะ บอลไทยจะได้ก้าวไกลกว่าที่เป็นอยู่

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.