นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในการเปิดการประชุมสัมมนาเรื่อง “ประเทศไทยกับการเป็นเจ้าภาพฟุต
บอลโลก : ต้องเตรียมอะไรและอย่างไร” ที่อาคารรัฐสภา 2 เมื่อวันที่ 6 กันยายน โดยมีผู้บริหารระดับคีย์แมนวงการกีฬาไทย อาทิ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย และผู้แทนองค์กรกีฬาต่างๆ ร่วมสัมมนาอย่างคับคั่ง
ทั้งนี้ กระแสความต้องการเป็นเจ้าภาพเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ฟุต
บอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วม ทั้งที่ทีมฟุตบอลไทยอยู่ในอันดับโลกที่ไม่สูงนัก และไม่เคยผ่านเข้าแข่งขันรอบสุดท้ายมาก่อน โดย “บังยี” นายวรวีร์ ซึ่งเป็นบอร์ดฟีฟ่า ได้บรรยายพิเศษเรื่อง “ปัจจัยสำคัญของการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุต
บอลโลก : เงื่อนไขที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) กำหนด” ได้กล่าวถึงความสำคัญในการจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุต
บอลโลก ว่ารัฐบาลไทยต้องมีการประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนต่อฟีฟ่า ซึ่งตนเห็นว่าหลายชาติชอบเมืองไทยและพร้อมสนับสนุน แต่รัฐบาลไทยควรวางแผนแม่บทในการเป็นเจ้าภาพล่วงหน้าให้แน่ชัด ซึ่งการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพที่ไทยจะเสนอได้คือปี 2026 ซึ่งมีระยะเวลาเตรียมการมากพอสมควร ส่วนสนามแข่งขันที่มีความพร้อม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, เมืองพัทยา จ.ชลบุรี, จ.ภูเก็ต, อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา, จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา, จ.อุดรธานี และจ.สุพรรณบุรี เป็นต้น
นอกจากนี้ นายวรวีร์ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลควรเพิ่มงบประมาณในการให้บริการด้านกีฬาแก่ประชาชนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เพื่อกระตุ้นให้มีนักฟุตบอลระดับเยาวชนขึ้นมาเสริมทีมชาติมากขึ้น เนื่องจากไม่ใช่แค่ประเทศที่มีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพเท่านั้น แต่นักเตะทีมชาติไทยต้องมีฝีเท้าที่พร้อมจะแข่งในฟุต
บอลโลกด้วย
ขณะที่นายชุมพล ได้บรรยายพิเศษเรื่อง “ประเทศไทยกับการเป็นเจ้าภาพฟุต
บอลโลก : เหลียวหลัง แลหน้า กับความเป็นไปได้” กล่าวว่า ตนยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้จริงจังกับการจะขอเป็นจ้าภาพการแข่งขันฟุต
บอลโลกและโอลิมปิกเกมส์อย่างมาก ถึงจะไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพฟุต
บอลโลก 2026 ก็จะดำเนินการต่อในปี 2030 และ 2034 ต่อไป ตนยอมรับว่าการจะได้เป็นเจ้าภาพอาจจะเป็นแค่ความฝัน แต่ก็ต้องทำให้เป็นความจริงในอนาคต เพราะถึงไม่ได้เป็นเจ้าภาพแต่การวางแผนเสนอตัวจะเป็นการสร้างรากฐานให้วงการกีฬาไทยให้เดินไปถูกทางมากขึ้น ตนยืนยันว่าการทุ่มงบประมาณเพื่อสนับสนุนกีฬาอย่างจริงจังจะเกิดประโยชน์ต่อคนทั้งประเทศมากกว่าการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินเสียอีก
ด้าน พล.ต.จารึก กล่าวว่า การที่ไทยจะได้เป็นเจ้าภาพฟุต
บอลโลกเป็นเรื่องยากมาก เพราะสถานการณ์ทางการเมืองของไทยขาดความแน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพไม่มีความต่อเนื่อง รัฐบาลชุดหนึ่งอาจจะให้เสนอตัว แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลอีกชุดกลับไม่สนับสนุน ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมือง คือความไม่แน่นอนของวงการกีฬาเช่นกัน ข่าวจาก นสพ.com