โดย ผู้จัดการออนไลน์ 11 มกราคม 2551 14:30 น.



ทาเคชิ โอคาดะ โค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ที่สอบถามข้อมูลทีมชาติไทยกับ "โค้ชเฮง"


“เดอะ เฮง” วิทยา เลาหกุล กุนซือทีมโตโตริ แห่งดิวิชัน 3 แดนปลาดิบ ไม่รอให้สตาฟฟ์โค้ชลูกหนังไทยมาถามข้อมูลแล้ว หลังยอมเปิดเผยจุดอ่อนของทัพญี่ปุ่นเพื่อประโยชน์ของทีมชาติไทย

จากการที่ทีมชาติไทย ต้องลงทำศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ในกลุ่มบี ที่อยู่ร่วมสายกับ ญี่ปุ่น, โอมาน และบาห์เรน ซี่งทีมลูกหนังแดนสยามต้องบุกไปเจอกับ ญี่ปุ่น ในนัดแรกบนแผ่นดินลูกพระอาทิตย์วันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้

ซึ่งภายหลังจากที่ตกเป็นข่าวเรื่องพร้อมจะบอกข้อมูลคู่แข่งแดนปลาดิบให้กับทีมชาติไทยอยู่นาน แต่กลับไม่มีใครสนใจไปสอบถามข้อมูลกับ “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ที่คุ้นเคยกับนักเตะญี่ปุ่นอยู่พอสมควร ล่าสุดเจ้าตัวได้ยอมเปิดปากถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว

“ทันทีที่ทางญี่ปุ่นทราบว่าทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีการจับสลากเลย เขาก็โทรศัพท์มาถามผมกันทันทีถึงข้อมูลของทีมชาติไทย ซึ่งผมก็บอกไปเท่าที่เขาควรจะได้รู้จากคนไทยคนหนึ่ง หลังจากมีการแบ่งกลุ่มให้ทีมชาติไทยอยู่ร่วมสายบีกับญี่ปุ่นนั้น ทาเคชิ โอคาดะ โค้ชทีมชาติญี่ปุ่นคนใหม่ ก็โทรศัพท์มาหาผม อยากให้ผมคอยดูแลช่วงที่เขามาอยู่ในเมืองไทย เพราะเขาอยากมาดูทีมชาติไทยลงแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ”

โดย “เดอะ เฮง” กล่าวต่อไปว่า “ที่เขามาดูคิงส์คัพนั้น เขารู้ดีว่าผู้เล่นตัวหลักของเรายังไม่ได้ลงสนามทั้ง ตะวัน ศรีปาน, สุธี สุขสมกิจ และสุรีย์ สุขะ รวมถึงอีกหลายคน เพราะเขามีการทำการบ้านกันมาอย่างดีจึงรู้ว่าใครเป็นตัวหลักของเรา เขาดูละเอียดมากถึงขนาดที่ว่า ศรายุทธ ชัยคำดี กองหน้าของเราถนัดเท้าไหน จับบอลด้วยเท้าไหน ยิงประตูด้วยเท้าไหน แนวการวิ่งของศูนย์หน้าไทยเป็นอย่างไร เวลาไม่มีบอลจะเคลื่อนที่อย่างไร ผมนั่งดูเขาทำงานอยู่รู้เลยว่าเขาไม่ประมาทเราแน่ ทางทีมงานของญี่ปุ่นเขามองว่าทีมชาติไทยเป็นทีมที่มีทักษะที่ดี มีความเร็วมาก”

นอกจากนี้ “โค้ชเฮง” ยังยืนยันด้วยว่าไม่ได้เป็นคนให้ข้อมูลกับทีมชาติญี่ปุ่นเลย เนื่องจากตัว ทาเคชิ โอคาดะ โค้ชทีมชาติญี่ปุ่นมานั่งดูอยู่เองในสนามคงเห็นสิ่งต่างๆ ด้วยตาของตัวเองแล้ว

“ผมเป็นคนไทย เชียร์ทีมชาติไทย คงไม่คิดทรยศบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง แต่ความขัดแย้งของตัวผมกับสมาคมฟุตบอลไทย ที่คนมองว่าผมอาจจะเป็นสปายให้ทีมญี่ปุ่นนั้นไม่เป็นความจริง บอกตามตรงที่ผมกล้าวิจารณ์สมาคมฟุตบอลไทย เพราะผมมองว่าการวิจารณ์เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ถ้าไม่มีการพัฒนา ผมก็ต้องวิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น”

ขณะเดียวกัน อดีตกุนซือทีมชาติไทยรายนี้ยังได้กล่าวต่อไปถึงการทำศึกฟุตบอลโลกของนักเตะไทยด้วยว่า “การไปเยือนญี่ปุ่นเป็นงานหนักมาก เพราะเราเป็นรองในหลายเรื่อง แต่ผมไม่อยากให้นักเตะไทยกลัวเกรงศักดิ์ศรีของญี่ปุ่น ถ้าเรากลัวเขา เราก็แพ้แน่ ผมอยากให้นักเตะไทยเล่นในรูปแบบของสากล คือไม่ใช่ไปอุดประตูรอแพ้ แต่ต้องรับให้เป็น ต้องบีบพื้นที่ตั้งแต่กองหน้า ไม่ใช่ปล่อยหน้าที่นั้นให้กองกลางกับกองหลัง ต้องทำให้เขาเล่นยากมากที่สุด”

“ทีมไทยมีจุดอ่อนที่การโยนบอลจากริมเส้นด้านข้าง คือเราไม่แม่น และยังชอบทำฟาล์วแบบไม่จำเป็น ขณะที่เราต้องระวังเรื่องการโยนบอลจากริมเส้นที่ญี่ปุ่นทำได้ดีมาก และการเล่นลูกตั้งเตะที่เขาเน้นกันมาโดยตลอด”

อย่างไรก็ตาม “โค้ชเฮง” ยังได้แนะแนวทางการเอาชนะทีมลูกหนังแดนปลาดิบมาด้วยว่า “ต้องยอมรับว่าทีมญี่ปุ่นเป็นทีมที่ดีกว่าทีมชาติไทยในเรื่องรูปแบบการเล่น และความสามารถเฉพาะตัว แต่ผมมองว่าจุดอ่อนของทีมชุดนี้คือ ที่ผ่านมาเขาให้โค้ชชาวต่างชาติมาโดยตลอด แล้วก็เพิ่งมาเปลี่ยนโค้ชเป็นชาวญี่ปุ่น ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่ง เพราะการทำความเข้าใจของผู้เล่นที่คุ้นเคยกับโค้ชต่างชาติมาตลอดอาจจะเป็นช่องว่างที่สำคัญ”

“ทีมชาติญี่ปุ่นมีรูปแบบการเล่นที่เป็นมาตรฐาน โดยเฉพาะการบุกจากทางริมเส้น ซึ่งหากเราปิดทางขึ้นเกมรุกของเขาได้มันจะส่งผลกับเขามาก เพราะนักเตะญี่ปุ่นคุ้นเคยกับการเล่นแบบตามแบบแผนที่ถูกฝึกสอนมา หากเขาไม่สามารถเล่นได้ตามแท็คติกที่วางไว้ ก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะเล่นได้ดี เพราะผมเห็นแล้วว่านักเตะญี่ปุ่นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในสนามไม่เก่ง”

ภายหลังจากเผยจุดอ่อนของทีมชาติญี่ปุ่นตามมุมมองของตัวเองแล้ว “โค้ชเฮง” ยังยืนยันว่า ถึงปัจจุบันยังไม่มีสตาฟฟ์โค้ชของทีมชาติไทยรายใดมาสอบถามข้อมูลเลย “ตอนนี้ยังไม่มีใครมาถามผมเลย ทั้งๆ ที่ผมก็ทราบดีว่าทีมชาติญี่ปุ่นเล่นกันอย่างไร บางทีคนอื่นเขาอาจจะคิดว่าผมอวดดีก็ได้ที่พูดจาแบบนี้ แต่ถึงเขาจะไม่มาถามกันผมก็บอกผ่านสื่อมวลชนอยู่ดีนั่นแหละ เพราะผมก็คนไทยเหมือนกัน”