การแข่งขัน 2 แมทซ์ทั้งบอลลีกและบอลถ้วยในช่วง 5 วัน เป็นเรื่องที่ชาว "ซิตี้" ต้องจับตาดูว่า ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกทีหรือไม่ และที่สำคัญ ผลงานครั้งนี้จะส่งผลสำคัญต่อการชี้ชะตาอนาคตของทีมด้วย
เมื่อสองฤดูกาลที่แล้ว ทีมของเราพ่ายต่อวีแกนและเวสต์แฮมในช่วงเวลาเดียวกันทำให้ "ซิตี้" ต้องผิดหวังกับผลงานย่ำแย่ในทั้งบอลลีกและบอลถ้วย แต่ว่าปีนี้ทีมของเราเป็นคนละเรื่องกับอดีต ดังนั้น พวกเราจึงมีสิทธิหวังว่าผลงานในสองนัดข้างหน้าจะต้องดีขึ้น ผมมั่นใจว่า แม้แต่กุนซือสเวนของพวกเราก็เชื่อว่า ชาวเรือใบสีฟ้าได้มีลุ้นทั้งในศึกพรีเมียร์ลีกวันเสาร์และการแข่งขันเอฟเอคัพในวันพุธหน้าด้วย ก่อนที่จะหันไปจัดการหาขุนพลนักเตะมาเสริมทัพ (พูดยังกับเขาไม่ได้กำลังเลือกเฟ้นขุนพลมาเสริมทีมงั้นแหละ!)
หลังจากที่ขุนพลเรือใบสีฟ้าของเราโชว์ฟอร์มสุดยอดขย้ำนิวคาสเซิลเละคาบ้าน ผมแอบผิดหวังเล็กๆ ที่เราทำได้แค่ยันเสมอกับเวสต์แฮมในศึกเอฟเอคัพ แต่ก็ยังมั่นใจว่าในแมทซ์ล้างตาที่เราเปิดบ้านรับเวสต์แฮมในวันพุธหน้า แรงเชียร์กระหึ่มของสาวก "ซิตี้" คงช่วยเป็นกำลังใจหนุนให้ขุนพลลูกหนังของเราคว้าชัยชนะเหนือเวสต์แฮมได้ไม่ยาก
หลังจากที่เคยคว้าถ้วยเอฟเอคัพมาครองในปี 1995 ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ถ้วยชนะเลิศจะกลับคืนมาสู่สโมสรของพวกเราเพื่อพิสูจน์ศักดาความเป็นสุดยอดของบอลอังกฤษ ผู้จัดการสโมสรหลาย ๆ คนอาจมองข้ามคุณค่าของถ้วยใบนี้ เพราะคิดว่ามีแมทซ์อื่นหรือถ้วยอื่นที่สำคัญกว่า แต่เชื่อผมเถอะว่าไม่ว่าคุณจะเป็นผู้จัดการทีม เป็นผู้เล่นหรือแม้แต่เป็นแฟนบอลผู้คลั่งไคล้ วันที่ทีมของคุณไปผงาดที่สนามเวมบลีย์ในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพ วันนั้นจะเป็นวันที่พวกคุณไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!
ดังนั้นบรรดากุนซือทั้งหลาย เลิกยกข้ออ้างลม ๆ แล้ง ๆ แล้วจัดทีมที่ดีที่สุดมาลงเตะในศึกเอฟเอคัพให้มันสมศักดิ์ศรี ให้สมกับความยิ่งใหญ่ของถ้วยมีตำนานใบนี้!
ก่อนจะถึงวันล้างตาบอลเอฟเอคัพ "ซิตี้" ต้องเจอศึกหนักเพราะเราต้องยกขบวนไปเยือนถิ่นกูดิสันปาร์คของเอฟเวอร์ตันในวันเสาร์นี้ ซึ่งเอฟเวอร์ตันคงรออัดเราเต็มที่เพื่อแย่งตำแหน่งในการไปเล่นบอลยุโรปในปีหน้า เอฟเวอร์ตันซึ่งเป็นสโมสรเก่าของผมมีผลงานที่ดีใช้ได้ในปีนี้ภายใต้การนำของเดวิด มอยส์ มีทีมรับที่เข้มแข็ง แต่ก็เปิดโอกาสให้กองหน้าเจ๋ง ๆ อย่าง มิเกล อาเททา และทิม คาฮิล สามารถโชว์ฟอร์มได้ แต่ศึกชิงถ้วยอัฟริกันคัพก็จะส่งผลให้เอฟเวอร์ตันขาดขุนพลอย่าง
พิเอนาร์ โยโบและยาคูบู ผู้ซึ่งอัดมาแล้ว 12 ประตู การขาดขุนพลระดับนี้ไปย่อมส่งผลร้ายต่อทีมเอฟเวอร์ตันไม่มากก็น้อย
การที่คู่แข่งไม่มีหัวหอกล่าตาข่ายเป็นเรื่องเสียเปรียบในขณะที่ฟอร์มการเล่นของกองหลังของ "ซิตี้" ก็อยู่ในช่วง "ขาขึ้น" โดยไม่เสียประตูมา 3 นัดติดต่อกันแล้ว แม้ไมเคิล จอห์นสันจะเจ็บ แต่สเวนก็เตรียมแผนแก้เกมกองหลังเอาไว้แล้ว นอกจากนี้ในช่วง 2-3 เกมที่ผ่านมา ทั้งเนดัม โอนูฮาและ
ไมเคิล บอลล์ ก็กระชากฟอร์มเจ๋งขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมและมีส่วนช่วยเสริมปราการหลังอย่าง
ริชาร์ด ดันน์ และไมคาห์ ริชาร์ด ได้เป็นอย่างดี ถ้าจะว่าไปแล้วตอนนี้เมื่อดันน์จับคู่กับริชาร์ดก็ถือว่าเป็นคู่กองกลางแนวรับที่เจ๋งที่สุดในลีกก็ว่าได้
ผลงานในศึกเอฟเอคัพรอบ 3 ทำให้ถิ่นกูดิสันพาร์คถึงกับช็อคเมื่อพลาดท่าพ่ายต่อโอลด์แฮมไป
1-0 แต่ก็เป็นการแพ้ที่สมควรแพ้ เพราะเอฟเวอร์ตันเองก็ลงสนามแบบไม่ครบเครื่อง เพราะขาดตัวผู้เล่นหลัก ๆ ไปหลายคน ดังนั้น เดวิด มอยส์คงต้องกลับไปจัดทัพใหม่โดยคัดฟอร์มเด่นที่สุดมาลงสนาม แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ช่วงกลางอาทิตย์ที่ผ่านมาเอฟเวอร์ตันก็เพิ่งไปโดนเชลซีถลุงเสียย่อยยับในศึกคาร์ลิ่งคัพ ถ้าจะว่าไปแล้วขวัญและกำลังใจของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" คงไม่ท็อปฟอร์มเท่าไหร่
ฟอร์ม "ขาลง" ของเอฟเวอร์ตันคงเปิดโอกาสให้สเวนและบรรดาลูกทีมเห็นโอกาสทองที่จะคว้าเพิ่มอีก 3 คะแนน ได้ไม่ยากนัก การมุ่งหวัง 3 คะแนนคงเป็นเรื่องสุดยอด แต่ว่าถ้า "ซิตี้" แค่ยันเสมอได้คว้าหนึ่งแต้มติดมือกลับบ้านก็ถือว่าไม่เลวร้าย แถมยังส่งผลเพิ่มโอกาสลุ้นโควต้าไปเตะบอลยุโรปในปีหน้าอีก
ผลการทำนายล่วงหน้า : เอฟเวอร์ตัน 1 ซิตี้ 1
Tags:
-
▶ Reply to This