Members

กลายเป็นฮีโร่ในเพียงชั่วข้ามคืน โจวานนี่ ดาวยิงหมายเลข 8 แห่งถิ่น "ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์" ผู้ลั่นวาจาเมื่อไม่กี่วีกที่ผ่านมา ว่าจะยกระดับ "เรือใบสีฟ้า" ให้ขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับ "สี่บิ๊กโฟร์" และแล้วมิดฟิลด์บราซิเลี่ยนก็ตอบแทนต้นสังกัดใหม่อย่างทันควัน เมื่อซัดประตูชัยใน "แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้" ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะคู่อริร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด "แชมป์เก่า" 1-0


ซึ่งก่อนหน้าที่ทั้งสองทีมจะเจอกันนี้ แทบไม่ใครคาดคิดว่า มิดฟิลด์พันธ์แซมบ้า จะซัดประตูชี้ชะตาในเกมสำคัญเช่นนี้ได้ แม้แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของผีแดงยัง ออกมาบอกเลยว่า ในทีม ซิตี้ เขารู้จักนักเตะอันตรายเพียงแค่สองรายเท่านั้น นั้นก็คือ มาร์ติน เปตรอฟ และโรลันโด้ เบียงคี่

แต่ไม่รู้ว่า "ท่านเซอร์" แกล้งเซอร์หรือลืมไปแล้ว ว่าเมื่อปี 2005-06 "โจวานนี่" ซึ่งอยู่ในสตาร์สลิตส์รายชื่อเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เคยเป็นหนามยอกอกให้กับทัพอสูร หลังซัด ประตูตีเสมอให้ เบนฟิก้า ก่อนจะถีบแมนฯ ยูไนเต็ดร่วงรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก ที่สำคัญในปีนั้น ยูไนเต็ด ร่วงไปอยู่อันดับบ๊วยไม่ได้ไปเล่นแม้แต่ถ้วย ยูฟ่า คัพ อีกด้วย

การยิงไกลอันสุดสวยกว่า 30 หลา บอลเลี้ยวหนีมือ เอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ซาร์ พร้อมกับขยับสกอร์ขึ้นนำ ยูไนเต็ด 1-0 น่าจะไปกระตุกต่อมความจำ "ท่านเซอร์" ได้บ้างว่า "อ๋อ" ไอ้ หมอนี่แหล่ะ!! แต่ว่าท่านจะนึกได้มันก็สายไปแล้ว หลังครบ 90 นาที่ เพลง "บลู มูน" (Blue Mooท) อันเป็นเพลงประจำของเหล่า ซิตี้ ก็ดังขึ้นอันเป็นว่า "ดาร์บี้แมตช์ ครั้งที่ 148" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายชนะอย่างเอกฉันท์

รู้จักกับ "จิโอ"

"จิโอ" หรือ "โจวานนี่" ดังเป็นพลุแตกเพียงชั่วข้ามคืนวัน แต่ในทางตรงข้าม แฟนบอลผีแดงอาจจะยี้มากขึ้นกว่าเดิม หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักนักเตะเลือดแซมบ้าคนนี้มากนัก ชื่อ เต็มๆของเขาก็คือ "โจวานนี่ เดยแบร์สัน เมาริซิโอ โกเมซ" เกิดที่เมือง อไซเอก้า แถวตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล

เริ่มเล่นฟุตบอลด้วยการเป็นเด็กฝึกของ ครูเซโร่ โดยออกสตาร์ทเป็นนักเตะอาชีพเมื่ออายุ 17 ปี แต่ในปี 1998 ถูก อเมริกา มิเนโร่ ยืนตัวไปใช้งานแต่ก็ลงช่วยทีมเพียงแค่ 15 นัด เท่านั้นก่อนจะกลับมายังต้นสังกัดเดิม

ในปี 2000 "โจวานนี่" สร้างชื่อให้กับตัวเองในโอลิมปิกเกมปี 2000 และเป็นหนึ่งในผู้เล่นของบราซิลชุด โคปาอเมริกา 2001 ซึ่งในเวลานั้น "จิโอ" เล่นได้อย่างโดดเด่นจนถูกสื่อใน ประเทศยกให้เป็นผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปี อีกทั้งในช่วงเวลานั้นยังเป็นที่หมายตาของทีมยักษ์ใหญ่ในยุโรป สุดท้ายก็เป็น บาร์เซโลน่า ที่ยอมทุ่มเงินมหาศาลถึง 19.6 ล้านยูโร

แต่สองฤดูกาลที่ตัวเขาได้เล่นให้กับทีมแห่งแคว้น คาตาลัน แทบจะไม่ได้โชว์ผลงานได้เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ จนในยุคของ ราโดเมียร์ อันติซ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งเทรนเนอร์แทน กา ร์เลส เรซัช อนาคตของ "โจวานนี่" แทบจะมองไม่เห็น จนถูกปล่อยให้ เบนฟิก้า ยืมตัวไปใช้งานและซื้อขาดตัวขาดตัวภายใต้สัญญา 3 ปี

ภายใต้ชุดของ "ดิ อีเกิ้ลส์" จิโอ สร้างผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง ช่วยทีมคว้าทั้งแชมป์ โปรตุกีส คัพ และแชมป์ซูเปอร์ลีกา นอกจากนี้ไฮไลต์ของ "จิโอ" ยังช่วยให้ เบนฟิก้า คว่ำ แมนฯยูไนเต็ด เมื่อปี 2005-06 ซึ่งในตอนนั้น โจวานนี่ ช่วยตีเสมอให้ทีมได้ 1-1 ก่อนที่ เบโต้ จะมายิงประตูชัยในช่วงท้ายครึ่งเวลาแรกให้ ทีมเหยี่ยวลิสบอน ผ่านเข้ารอบต่อไป

ปี 2006 หลังจากหมดสัญญากับ เบนฟิก้า "จิโอ" ก็ย้ายกลับไปค้าแข้งให้ ครูเซโร่ ต้นสังกัดเก่าของเขาอีกครั้ง แต่ตัวเขาก็ยังได้รับความสนใจจากสโมสรต่างๆ ในยุโรปมากมาย ไม่ ว่าจะเป็น อาร์เซน่อล ,เอฟเวอร์ตัน ,ล็องส์ หรืออูดิเนเซ่

อย่างไรก็ตาม ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โจวานนี่ ก็กลับมาเสี่ยงโชคในยุโรปอีกครั้ง โดยได้เป็นสโมสร พอร์ทสมัธ ที่เรียกตัวมาทดสอบฝีเท้าก่อน ซึ่งในช่วงปรีซีซั่นเจ้าตัวก็ได้รับ โอกาสให้ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องซึ่งก็เป็นที่ถูกใจของ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ แต่สุดท้ายมิดฟิลด์วัย 28 ปี กลับเลือกที่จะไปร่วมงานกับ สเวน โกรัน อิริกส์สัน ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทน

หลายเหตุผลนอกจากผู้จัดการทีมที่ชื่อ "สเวน" แล้ว การมาร่วมงานที่ถิ่น ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ยังได้เล่นเคียงข้างกับ เอลาโน่ เพื่อนร่วมชาติ และผ่านหลังจากออกสตาร์ท บาร์ เคลย์ส พรีเมียร์ลีก มิดฟิลด์สไตล์แซมบ้าก็ดูจะเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลซิตี้ไม่น้อย หลังซัดประตูแรกให้ทีมเอาชนะ เวสต์แฮม 2-0 และล่าสุดเพิ่งจะเป็น "ฮีโร่" ให้ทีมคว้าชัยเหนือ แมนเชส เตอร์ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกเหมือนซีซั่นที่ผ่านมา

คงต้องติดตามผลงานของ "โจวานนี่" ต่อไปว่าจะช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บินได้สูงอย่างที่ใครหลายๆ คนคิดเอาไว้หรือเปล่า อย่าลืม!! ว่าแม้ทีมของ สเวนจะออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยม ชนิดไม่เสียประตูให้ทีมใด...แต่อย่าลืมว่ามันแค่เริ่มต้นเท่านั้น ซีซั่นนี้ยังอีกยาวไกล

http://www.siamsport.co.th/Columnnews75.html

Views: 272

Reply to This

Replies to This Discussion

อยู่ที่ว่าจะมีแรงต้านมากน้อยแค่ไหน.....ถ้ายืนระยะได้นาน ต้องอยู่ที่สเวนฯคนเดียวหละครับ
ต่อไปผู้เล่นทีมเรือใบ คงจะชื่อคุ้นหูขึ้นอีกหลายคนแน่ครับ.. เมื่อทีมเริ่มถูกจับตามอง และมีแฟนบอลมากขึ้น

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.