แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดฝันสลายหมดสิทธิ์เข้าชิงเอฟเอ คัพชนิดทำตัวเองแท้ๆหลังพลาดโอกาสทองต้นเกมแถมไมเคิ่ล คาร์ริคทำเสียประตูและพอล สโคลส์ถูกไล่ออกส่งคู่ปรับร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ ซิตี้เข้าไปนอนรอพบผู้ชนะระหว่างสโต๊คกับโบลตันสบายใจเฉิบ

เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน 2554

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1 : 0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ประตู : 1-0 ยาย่า ตูเร่ น.53

เกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ แมตช์เตรียมระเบิดแข้งกันในสนามเวมบลีย์โดยมีแฟนบอลหลายหมื่นคนหลั่งไหลกันเข้าไปภายในสนาม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้วันนี้ไม่มีศูนย์หน้าตัวหลักอย่างคาร์ลอส เตเบซที่โชคร้ายมีอาการบาดเจ็บและต้องพักยาวไปจนถึงสัปดาห์หน้า ทำให้มาริโอ บาโลเตลลี่ได้ลงเป็นตัวจริงในแดนหน้าเกมนี้

เช่นเดียวกันกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ไม่มีเวย์น รูนี่ย์ซึ่งติดโทษแบนจากการสบถผ่านสื่อเป็นนัดสุดท้ายพอดี จึงเป็นทางมิดิทาร์ เบอร์บาตอฟลงเล่นโชว์ความเป็นศิลปินเดี่ยวในแดนหน้า

แต่ในตำแหน่งอื่นๆของทั้งสองทีมก็ถือว่าปึ้กพอกัน เรียกว่าน่าจะหวดกันมันส์น่าดูแน่นอน

ครึ่งแรก

เกมตึงๆอยู่
ช่วงแรกหลังจากทำการคิกออฟไปก็ตามคาดว่าทั้งสองทีมจะจ่ายบอลค่อนข้างเน้นกันอยู่เพื่อปรับสภาพให้เข้ากับจังหวะของเกมและไม่ให้มีความผิดพลาดที่อาจจะส่งผลเสียกับทีมได้

เด ยองมีแถม
นาทีที่ 10 จากจังหวะพัวพันที่นานี่ไปกวาดเอาเด ยองล้มลงเพราะตัวเองลุยพาบอลไปต่อไม่ได้แล้ว เลยโดนลูกแถมของเด ยองที่โดนเหวี่ยงสตั๊ดจิ้มใส่หน้า จังหวะนี้ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่ผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไร

โอยยยยย!เบิร์บพลาดไม่น่าเหลือสองครั้งติด
นาทีที่ 15 แฟนแมนฯยูไนเต็ดแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองกันสักคน เมื่อเบอร์บาตอฟได้โอกาสโคตรทองสองครั้งติดๆกัน จังหวะแรกวิ่งหลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงจ่อๆได้แล้ว แต่ยิงไม่ค่อยดีติดเซฟของฮาร์ท

ก่อนที่อีกจังหวะนานี่จะพลิกบอลได้สวยแล้วลากจี้เข้าในกรอบเขตโทษ สบช่องแปให้เบอร์บาตอฟวิ่งมาชาร์จเหน่งๆได้ก่อนผู้เล่นของแมนฯซิตี้แต่ตั้งเท้าพลาดจิ้มจากระยะ 2-3 หลาข้ามคานหน้าตาเฉย จังหวะนี้ส่ายหัวกันหมดไม่ว่าจะแฟนบอล เฟอร์กูสันหรือรูนี่ย์ก็หมดสิทธิ์ลงสนามก็ตาม

เรือใบเร่งไม่ขึ้น
ตอนนี้เกมของแมนฯซิตี้ดูจะเซ็ตบอลกันไม่ค่อยได้เลยไม่ว่าจะในแดนหน้าหรือว่าแดนกลางที่เก็บบอลกันไม่ค่อยจะอยู่และเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ยังคงทำได้ดีกว่า

พี่วีโหม่งได้ลุ้นนิดๆ
นาทีที่ 24 หลังจากลองเติมขึ้นไปลุ้นจังหวะเตะมุมอยู่ดอกสองดอก วิดิชก็ได้โอกาสเทคตัวขึ้นโหม่งโดนบอลได้แล้ว แต่เหมือนจะโดนไม่ดีเท่าไรทำให้บอลพุ่งทะแยงหลุดออกหลังไป

มันโช่ชักฉุน
ตอนนี้ตรงม้านั่งสำรองของแมนฯซิตี้รู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความหงุดหงิดพลั่งพรูออกมาไม่มีหยุด เพราะดูท่าทางมันชินี่จะไม่พอใจฟอร์มการเล่นของลูกทีมสักเท่าไร ตะโกนโหวกเหวกแทบไม่ได้หยุด

เกรียนโอ้ยิงอย่างสวยแต่ติดเซฟ
นาทีที่ 33 หลังจากโดนมันชินี่กระตุ้นไปหลายดอกนักเตะของแมนฯซิตี้ก็ทำเกมกันได้ดีขึ้นและมาได้ลุ้นเสียวจากความยอดเยี่ยมของบาโลเตลลี่ที่แม้ว่าระยะจะไกล แต่เขาก็อัดเต็มตีนเตี่ยบอลพุ่งส่ายนิดๆเหมือนจะเสียบคาน แต่ฟาน เดอร์ ซาร์ยังดีดตัวปัดทิ้งข้ามคานไปได้

เลสค็อตต์หวดตูมเดียว
อีกสองนาทีต่อมา แมนฯซิตี้บุกขึงกดดันใส่แมนฯยูไนเต็ดแบบไม่ให้หายใจหายคอกันเลย ได้จังหวะเตะมุมโยนเข้ากลางบอลเลยไปถึงเลสค็อตต์ที่ลอยตัวมาเตะจังหวะเดียว บอลเลยพุ่งเหินข้ามคานออกไป

ผีเกือบโดน!กอมปานีส่องสวย
นาทีที่ 42 แมนฯซิตี้ยังคงบุกกดดันและได้ลุ้นต่อเนื่องอยู่ตลอด ทีนี้เป็นโอกาสของกอมปานีที่เอี้ยวตัวปั่นนอกกรอบเขตโทษจังหวะแรกทันทีที่บอลเข้าทาง ส่งบอลพุ่งปั่นไซร้โป้งผ่านมือของฟาน เดอร์ ซาร์ไปแล้ว แต่โค้งน้อยไปนิดเดียวเท่านั้น ไม่งั้นงานนี้เฮกันลั่นทุ่งแน่

เกมช่วงท้ายเกมดูเหมือนว่าแมนฯยูไนเต็ดจะยิ่งเล่นก็ยิ่งดร็อปลงเพราะเติมเกมรุกขึ้นไปแล้วไม่มีจังหวะจบเลย แบบนี้คงจะคิดถึงโอกาสเหน่งๆของเบอร์บาตอฟสองครั้งในช่วงต้นเกมน่าดู สุดท้ายจบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง

เกรียนโอ้เติมซี๊ด
เริ่มครึ่งหลังมาได้ 4 นาทีแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็เกือบที่จะพังประตูได้เสียแล้ว จากจังหวะที่บาโลเตลลี่ป้ายบอลให้โคลารอฟที่วิ่งเติมขึ้นมาทางด้านซ้าย เปิดกลับไปให้บาโลเตลลี่เติมมาชาร์จที่เสาแรก แต่ถูกผู้เล่นของแมนฯยูไนเต็ดเบียดเอาไว้ก่อนทำให้ยิงไม่ดีหลุดออกหลังไป

เอาแล้วไง!คาร์ริคพลาด-ยาย่าลงโทษ
นาทีที่ 53 ความผิดพลาดของผู้เล่นแมนฯยูไนเต็ดทำให้เกมนี้มีผลต่างขึ้นมาทันที จากจังหวะที่ฟาน เดอร์ ซาร์เติมบอลออกมาพลาดถูกผู้เล่นแมนฯซิตี้ตัดได้ แม้โอเชียจะไปช่วยตัดกลับมา แต่คาร์ริคดันไปจ่ายพลาดง่ายๆส่งบอลเข้าเท้าของยาย่า ตูเร่ที่ลากหนีเข้ากรอบเขตโทษแล้วยิงสวนน้าซาร์เข้าไปตุงตาข่าย แมนฯซิตี้ขึ้นนำแล้ว 1-0

ผีป่วนหนัก
ตอนนี้เกมของแมนฯยูไนเต็ดเริ่มป่วนจนจับจุดกันไม่ได้เสียแล้ว แถมยังโดนทางแมนฯซิตี้พุ่งเข้ามาบวกกดดันอยู่แทบจะตลอด ทำให้ตอนนี้คงต้องเรียกสติกันกลับมาให้เร็ว ไม่งั้นแล้วโดนเม็ดสองมามีน้ำตาไหลแน่

AJ เกือบเปิดได้เฮๆ
นาทีที่ 62 จอห์นสันใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากเลี้ยงบอลทะลุผ่านกองหลังของแมนฯยูไนเต็ดเข้าไปเลาะเส้นหลังประตูก่อนที่จะเปิดยัดเข้าไปตรงกลาง บอลติดตัวฟาน เดอร์ ซาร์เกือบปลิ้นเข้าประตู ยังดีที่ไปโดนแขนหลุดออกหลังไปก่อน

แถมจังหวะต่อเนื่องเลสค็อตต์ยังมาได้โฉบโหม่งถึงบอลก่อนเบอร์บาตอฟ แต่เหมือนจะโดนบางไปนิดทำให้บอลพุ่งหลุดออกหลังไป ตอนนี้แมนฯยูไนเต็ดชักจะเป๋ๆไปแล้ว

รอไม่ไหว!ถั่วน้อยลงสนาม
งานนี้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันรอไม่ได้แล้วรีบปรับทัพแก้เกมด้วยการส่งเอร์นานเดซลงมาเล่นแทนวาเลนเซียที่ช่วงหลังเงียบหายไปเลย เพิ่มกองหน้าเป็นสองคนแล้วในตอนนี้

ฮาร์ทเซฟชนคาน
นาทีที่ 66 ฮาร์ทโชว์ฟอร์มเซฟยอดเยี่ยมในจังหวะที่นานี่ปั่นฟรีคิกไปแฉลบหัวบาโลเตลลี่ ทำให้บอลเปลี่ยนทิศแล้วฮุคลงอย่างรวดเร็ว แต่นายทวารทีมชาติอังกฤษปัดมือเดียวบอลชนคานเด้งออกไป

ไปกันใหญ่!หมามุ่ยโดนแดง
นาทีที่ 72 แมนฯยูไนเต็ดเครียดจนตีนกาขึ้นระบม เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นน้อยกว่าจากจังหวะที่สโคลส์ไปจับบอลยาวแล้วเข้าช้าเปิดปุ่มยันใส่ซาบาเลต้าแบบโคตรน่ากลัวเหมือนอารมณ์ค้างมาจากไหนสักที่ ทำให้ผู้ตัดสินควักใบแดงไล่ออกไปจากสนามทันที

จังหวะนี้ไม่รู้ว่าสโคลส์คิดอะไรเพราะเข้าบอลสูง เปิดปุ่มแบบนี้มันต้องโดนแดงอยู่แล้ว อย่างนี้เขาเรียกว่าแก่แต่ตัวจริงๆ

ผีเปลี่ยนเบิร์บออก
อีก 2 นาทีต่อมา "ปีศาจแดง" จำเป็นต้องถอดเอาเบอร์บาตอฟที่วันนี้หมูหกออกไปและส่งแดนกลางอย่างอันแดร์สันลงมา เพื่ออย่างน้อยจะได้มีมิดฟิลด์ตรงกลางเอาไว้ตั้นท์กับทางแมนฯซิตี้ได้

คาร์ริคยิงเบาหวิว
นาทีที่ 77 อุตส่าห์ได้โอกาสยืนตั้งป้อมยิงในจังหวะเตะมุมด้วยซ้ายแล้ว แต่เหมือนว่าจะเน้นให้เข้ากรอบมากเกินไปหน่อย ทำให้บอลพุ่งเข้ามือฮาร์ทแบบไม่มีปัญหา จังหวะนี้สบายๆ

เรือค่อยๆเล่น
ยิ่งเวลาเหลือน้อยเท่าไร แมนฯซิตี้ก็ดูจะนิ่งมากกว่าทางแมนฯยูไนเต็ดมากขึ้นเท่านั้น เพราะพวกเขามีประตูตุนอยู่ แถมยังไม่ต้องกดดันเหมือนอย่างทางอริร่วมเมืองของตัวเองแต่อย่างใด

ช่วงท้ายเกมยาย่า ตูเร่เกือบที่จะมาทำประตูตอกฝาโลงแมนฯยูไนเต็ดได้อีกด้วย แต่ถูกทางวิดิชเบียดล้มลงไปในกรอบเขตโทษแบบที่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร ทำให้สุดท้ายเป็นแมนฯซิตี้ที่เอาชนะแมนฯยูไนเต็ดทะลุผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพได้อย่างสุดยอดด้วยสกอร์ 1-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท,โจเลี่ยน เลสค็อตต์,แวนซองต์ กอมปานี,ปาโบล ซาบาเลต้า,อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ,แกเร็ธ แบร์รี่,ยาย่า ตูเร่,ไนเจล เด ยอง,ดาวิด ซิลบา,อดัม จอห์นสัน,มาริโอ บาโลเตลลี่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,จอห์น โอเชีย,ริโอ เฟอร์ดินานด์,ปาทริซ เอฟร่า,เนมันย่า วิดิช,ไมเคิ่ล คาร์ริค,พอล สโคลส์,ปาร์ค จี ซอง,อันโตนิโอ วาเลนเซีย,นานี่,ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ

www.soccersuck.com