Members

เรือไร้เตฟ!หวังบาโลส่องบุกหักก้านกุหลาบ

เรือไร้เตฟ!หวังบาโลส่องบุกหักก้านกุหลาบ
25/04/2011 4:59:20


        คาร์ลอส เตเวซ ยังมีอาการบาดเจ็บและอดนำทัพ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกเยือน "กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ทีมเยือนยังคงฝากความหวังไว้ที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ ดาวยิงจอมฉาว ระเบิดฟอร์มแข้งยิงประตูบุกเก็บชัยนอกบานให้ได้

 

ปรีวิว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2554
แบล็คเบิร์น - แมนฯ ซิตี้


สนาม : อีวู้ด พาร์ค


        สตีฟ คีน กุนซือ กุหลาบไฟ ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ต่อเนื่อง ไม่ชนะใครติดต่อกัน 10 นัดรวดแล้ว เป็นเกมพรีเมียร์ลีก 9 นัด และอีก 1 ในเอฟเอ คัพ รอบ 4 โดย 9 นัดที่ผ่านมาในลีก เก็บได้เพียง 4 คะแนนเท่านั้น จากผลเสมอ 4 นัด ซึ่งชัยชนะครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่เปิดบ้านเอาชนะ เวสต์บรอมวิช 2-0 ในพรีเมียร์ลีก


        เรื่องอันดับในตารางเวลานี้ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ จนรูดลงไปอยู่ที่ 16 ของตารางแล้ว มีแต้มอยู่เหนือโซนตกชั้นเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น โอกาสร่วงลงไปอยู่ในโซนตกชั้นมีสูง หากยังไม่ชนะใครต่อเนื่องแบบนี้


        สภาพทีมยังไม่มี สตีเว่น เอ็นซอนซี่ กองกลางชาวฝรั่งเศส ที่ติดโทษแบนเหลืออีก 1 นัด ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายจากจำนวน 3 นัดแล้ว ขณะที่ โรเก้ ซานตา ครูซ กองหน้าปารากวัย ไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้ เพราะติดสัญญายืมตัวจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้


        ไรอัน เนลเซ่น เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาตินิวซีแลนด์ ต้องเข้ารับการผ่าตัดเข่า ปิดฉากฤดูกาลนี้แล้ว ทำให้ ฟิล โจนส์ แข้งดาวรุ่งสารพัดประโยชน์ จะถอยตัวเองจากกองกลางตัวรับ กลับมายืนเซนเตอร์ฮาล์ฟเหมือนเดิม โดยมี กาแอล ชิเวต์ เป็นแบ็กซ้าย


        จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์ ศูนย์หน้าฟอร์มแรง น่าจะกลับคืนทีมเกมนี้ หลังจากเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าจนพลาดลงเล่นเกมที่แพ้ เอฟเวอร์ตัน 0-2 เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ขณะที่ คีธ แอนดรูว์ส หายเจ็บโคนขาหนีบแล้ว แต่ยังไม่ฟิตพอ ส่วน วินซ์ เกรลล่า ผ่าตัดเอ็นร้อยหวาย พักทั้งฤดูกาลนี้


        ระบบการเล่น 4-4-2 พอล โรบินสัน เฝ้าเสา แผงหลังใช้ มิเชล ซัลกาโด้, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า, ฟิล โจนส์, กาแอล ชิเวต์ แดนกลางมี เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, เจอร์เมน โจนส์, เดวิด ดันน์, มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น คู่หน้าใช้ จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์ ยืนคู่ เจสัน โรเบิร์ตส์
    

        ด้าน โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีม เรือใบสีฟ้า เพิ่งฉลองเต็มคราบกับการผ่านเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เป็นที่เรียบร้อย หลังชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมือง 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ทำให้เข้าชิงชนะเลิศกับ สโต๊ค ซิตี้ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักคือการจบอันดับ 4 ในลีกให้ได้ เพื่อการได้สิทธิ์ลุยศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า


        คาร์ลอส เตเวซ กัปตันทีม ที่เอ็นหลังหัวเข่าฉีก ยังต้องลุ้นว่าจะคืนทีมทันเกมรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ หรือไม่ แต่สำหรับเกมลีกต่อจากนี้จนถึงเกมที่ เวมบลีย์ จะไม่มีชื่อดาวยิงอาร์เจนไตน์อย่างแน่นอน ทำให้โอกาสตกถึง มาริโอ บาโลเตลลี่ ก่อน เอดิน เชโก้


        ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ยังพลาดช่วยทีมต่อ จากอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าที่ทำให้ต้องหายหน้าไปถึง 4 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตาม ปาโบล ซาบาเลต้า กลับมายึดตัวจริงตำแหน่งแบ็กขวา ในช่วงเวลาที่ เยโรม บัวเต็ง กองหลังทีมชาติเยอรมัน ผ่าตัดเข่า ปิดเทอมก่อนเพื่อน


        มันโช่ ไม่น่าปรับทัพจากนัดก่อน ในระบบการเล่น 4-3-3 โจ ฮาร์ท เฝ้าเสา แผงหลังมี ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ แดนกลางใช้ ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ย็อง, แกเร็ธ แบร์รี่ สามประสานแนวรุกมี อดัม จอห์นสัน, ดาบิด ซิลบา, มาริโอ บาโลเตลลี่


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม


        แบล็คเบิร์น :
พอล โรบินสัน - มิเชล ซัลกาโด้, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า, ฟิล โจนส์, กาแอล ชิเวต์ - เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, เจอร์เมน โจนส์, เดวิด ดันน์, มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น - จูเนียร์ ฮอยเล็ตต์, เจสัน โรเบิร์ตส์


        แมนฯ ซิตี้ :
โจ ฮาร์ท - ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, โจลีออน เลสค็อตต์, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ย็อง, แกเร็ธ แบร์รี่ - อดัม จอห์นสัน, ดาบิด ซิลบา, มาริโอ บาโลเตลลี่


        ผู้ตัดสิน :
อันเดร มาร์ริเนอร์


สถิติการพบกันของทั้งสองทีม
                                   แบล็คเบิร์น ชนะ                     เสมอ                แมนฯ ซิตี้ ชนะ

ลีก                                            45                               27                               37
เอฟเอคัพ                                  2                                 1                                 3
ลีกคัพ                                       1                                 0                                 0
อื่นๆ                                           -                                  -                                  -
รวม                                          48                                28                               40




6 นัดหลังเรือใบไร้พ่ายกุหลาบ


     แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีผลงานในช่วงหลังที่ดีกว่า ในการพบกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ตลอด 6 นัดที่ผ่านมาในลีกไม่มีแพ้ นับตั้งแต่ความปราชัยที่ อีวู้ด พาร์ค เมื่อเดือนกันยายน ปี 2007 หลังจากนั้น เรือใบสีฟ้า ชนะ 3 เสมอ 3

 

 


     กุหลาบไฟ เพิ่งพ่ายคาบ้านเป็นนนัดแรกในรอบ 6 นัดหลังสุดที่ อีวู้ด พาร์ค เมื่อนัดแรกของฤดูกาลที่แล้ว เมื่อถูก เรือใบสีฟ้า บุกมาชนะ 2-0 ส่วนอีกนัดที่ ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม แมนฯ ซิตี้ กลับไปยำใหญ่อีก 4-1 จากแฮตทริกของ คาร์ลอส เตเวซ

 

 


     หนึ่งนัดที่พบกันมาแล้วในฤดูกาลนี้ เป็นเกมที่ แมนเชสเตอร์ แต่กลับเป็น แบล็คเบิร์น ที่ทำได้ดีกว่าในครึ่งแรก จากความผิดพลาดของ โจ ฮาร์ท กับ โคโล่ ตูเร่ ที่ไม่รู้กัน เลยเสร็จ นิโกล่า คาลินิช ยิงประตูนำในครึ่งแรก แต่ ปาทริค วิเอร่า ก็มายิงตีเสมอ 1-1 ให้ เรือใบ ในครึ่งหลัง

Views: 119

Reply to This

Replies to This Discussion

เครดิต สยามสปอร์ต

 

http://www.siamsport.co.th/Sport_Football/110425_020.html

เหมือนเคยอ่านที่ไหนก็ไม่รู้

ที่สยามสปอร์ตไง

ชอบ........ก็เค้าบอกเครดิต สยามสปอร์ต  55

 

 

ช่ายครับพี่ฝุ่น น้องเฟิร์ต ผมก้อบอกว่า เครดิต สยามสปอร์ตไม่น่าจะ งง อิอิ

 

แต่ถ้าทีหลังอ่านเจอก้อเอามาแบ่งปันเพื่อนๆบ้างก้อได้ครับ จะขอบคุณมากๆเน้อ 

ตอนนี้รู้สึกมีความมั่นใจในบาโลจัง

จัดทีมแบบนี่หละมันโช่ โคตรแกร่ง อิอิ

จากชัยชนะเหนือผีนัดที่แร้ว ทำให้ทุกคนเห็นแร้วว่า ทีมเรือแม้ไม่มีเตฟก้อชนะทีมที่แข็งแกร่งได้ เพราะสปิริตของทีมได้พัฒนาขึ้นจนถึงขั้นที่จะเปนแชมป์ได้แร้ว (เมนทัลลิตี้) แบบว่านักเตะทุกคนได้พัฒนาจิตจัยไปถึงขั้นเทพ แม้ไม่มีนักเตะคีแมนลงเล่นในทีม ก้อไม่ทำให้นักเตะที่เหลือเสียกำลังจัยและก้อเล่นกันได้แข็งแกร่งเหมือนเดิม.. นัดนี้จะเป็นนัดที่วัดจัยนักเตะของทีมเรือใบละ ว่าสมควรที่จะไปเล่น ชปล. ในฤดูกาลหน้าหรือไม่.. (ก้อขนาดไก่เล่นเหมือนติดไข้หวัดนก ให้ขนาดนี้แร้วนา..)  อย่างน้อยๆนัดนี้ก้อต้องมี 1 แต้มกลับบ้าน..

 

ผมว่านัดนี้ บาโล ก้อคงเล่นเป็นตัวล่อเป้ากองหลังคุ่ต่อสุ้ เพราะทักษะในการทำประตูของเค้ายิงประตูได้ทุกจังหวะ/โอกาส แต่ตัวทำประตูก้อคงเป็นกองกลางอย่าง ยาย่า/ซิลบา/เอเจ ที่พร้อมจาสับตำแหน่งและสอดแทรกขึ้นมายิง แถมยังมีกองหลังตีนหนักที่พร้อมจะกระชากบอลขึ้นมาเติม/ยิง/โหม่งได้..

 

ที่สำคัญก้อน่าจะเป็นเกมรับ.. เพราะเป็นทีมเยือนต้องตั้งเกมรับให้ดี ถ้าเดยอง กะ แบรี่ ไม่พลาดบ่อย/เก็บบอลได้ดี โอกาสที่ทีมจะคว้าแต้มกลับบ้านก้อสูง.. มาดูกันคับว่าสปิริตของทีมได้พัฒนาเพื่อพร้อมรับกับการเป็นแชมป์หรือไม่(หลังจากนัดที่แร้ว) คอยติดตามดูให้ดี..

กด Likeครับเพื่อน อิอิ

ผมว่าทีมเราขาดเฟตไป จะได้ต่อบอลเร็วขึ้น คงจะเล่นดีไม่น่าห่วง กองหน้าเรามีดีพอ 

ยาย่า ยิงได้ทุกครั้ง เมื่อ เตฟไม่อยู่ กองหน้าตัวรับของเรา...

เรือใบสู้ๆๆๆๆๆๆๆ

อย่าลืมว่าคลื่นลูกนี้กะลังหนีตายอยู่นะครับ

 

 

ขอให้บาโลยิงเยอะๆล่ะกันค้าบ นัดนี้หวังพึ่งนายนะ มาริโอ้ อิอิ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.