เกมซุปเปอร์ซันเดย์ ? ในวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมานั้น  เป็นแมตช์แห่งการกุศลที่เหมือนสัญญาณเบิกร่องของการเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ 2011 - 2012 สำหรับ  บาเคย์พรีเมียร์ลีค   และเป็นที่บังเอิญกับการคู่เตะที่เป็นอริร่วมเมืองจึงมีคนคาดหวังกันว่าจะมีผู้ชมติดตามเยอะอย่างแน่นอน   สายตาจับจ้องไปยังสองทีมและท้ายที่สุดก็เป็นซิตี้ที่ปราชัยให้กับทีมอันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีคอย่างแสบสัน

ผลของการพ่ายแพ้นัดนี้สำหรับแฟนบอลเดอะบูลมูนนั้นคงได้เห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็นหลักๆคือ  1. การที่เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 1 สัปดาห์แต่ทีมกลับยังไม่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมเลยสักนิด  2. หากแมนยูมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับการสูญเสียตัวหลักระดับซีเนียร์ไป  แต่ซิตี้กลับไม่แสดงถึงความพร้อมของทีมระดับแนวหน้าเลย  โดยตั้งแต่เริ่มต้นแม้จะเป็นการถ่อนตัวแต่มันชินี่กลับออกมาเปิดช่ิิองทางหนีไว้ก่อนโดยการยอมรับว่าทีมนั้นสู้แมนยูยังไม่ได้ ?

นอกจากนี้แม้จะอ้างหรือปฏิเสธว่าเป็นแค่เกมอุ่นเครื่องยังไม่เอาจริงก็คงไม่อาจพูดได้  กลับกันทางยูไนเต็ดเสียมากกว่าที่ไม่ได้เอาจริงเท่าไหร่  ดูจากการเปลี่ยนตัวสำรองมาทดสอบเกม 5 ตัว  คงพูดได้ว่ายูไนเต็ดโดย  เซอร์ อเล็กซ์  เฟอร์กูสัน  กำลังมองทีมอย่างซิตี้เป็นเพียงแค่ตัวทดสอบดั่งกระสอบทราย........   ที่มีไว้ทดลองการออกอาวุธ  ชกซ้าย  ต่อยขวา

กระทั่งการยอมรับชะตากรรมของมันชินี่ที่กว่าจะขยับเปลี่ยนเกมก็โดนตีเสมอ   แถมในเกมนี้ยังมีคำถามคาใจอีกมากมาย  อาทิ   การปล่อยให้  ยาย่า  ตูเร่  มิดฟิลก้านยาวยืนอยู่ในสนามทั้งๆที่มี 2 สัญญาณ์ไม่ดีเกิดขึ้น  1. คือการที่นักเตะออกอาการไม่ฟิตชัดเจน  ไม่ว่าจะเป็นจังหวะครองบอลที่ปกติจะใช้ความแกร่งเบียดเอาชนะผู้เล่นคนอื่นแต่วันนี้กลับพ่ายแพ้ด้านพลัง  หรือการที่เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวออกอาการช้าๆในหลังจังหวะทั้งๆทีมีโอกาส  ไม่เหมือนช่วง 5 เดือนก่อนตอนท้ายฤดูกาลที่นักเตะฟิตเปรี้ย ~  2. การเดินที่ลงน้ำหนักไม่เท่ากันของนักเตะอย่าง  ยาย่า  ตูเร่  คงบอกได้ว่าเขามีอาการบาดเจ็บไม่มากก็น้อยจากเกม  แต่มันชินี่กลับปล่อยให้เกมดำเนินต่อไปพร้อมกับอาการสัญญาณที่น่าเป็นห่วงของตูเร่ผู้น้อง

ออกอาการมึนตั้งแต่เริ่มระฆังยกแรกสำหรับแมนเชสเตอร์ซิตี้   เช่นนี้แล้วพี่เลี้ยงและเหล่ากุญซือคงมิแคล้วนั่งกุมหัว  เพราะจุดต้องปรับแก้มีเยอะเหลือเกิน  แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยอย่างอาการลิงโลดทำอะไรเกินกำลังในช็อตสุดท้ายของ  แวงซอง  กอมปานี  เชื่อได้ว่าหากเป็นในปีที่แล้ว  ขณะที่ทีมยังไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือ  และเจ้าตัวยังไม่ได้รางวัลติดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีค   สำหรับกองหลังคนนี้คงไม่มีทางพยายามโชว์เหนือดังเช่นจังหวะสุดท้ายนาที 93 ในเกม  FA คอมมูนิตี้ชิล  เพราะเอกลักษณ์ของกอมปานีที่รู้ๆกันคือ  แข็งแกร่ง  และแน่นอน  คำว่า 'แน่นอน'  นั้นได้มาจากการที่เจ้าตัวไม่เคยที่จะทำอะไรเสี่ยงเกินตัวจนเกินไป   หากเป็นจังหวะคนสุดท้ายในแนวรับ  ปกติกอมปนีมักจะสาดยาวหรือเตะออกข้างทันที    แต่อาจเป็นเพราะความชะล่าใจทำให้กองหลังวัยรุ่นดีกรีอนาคตกัปตันทีมได้รับบทเรียนจำไปจนตายกันเลยทีเดียว

แม้จะวัดอะไรได้ไม่มาก  แต่มันแสดงถึงความพร้อมของซิตี้   ที่แฟนๆเริ่มออกอาการห่วงและกังวล   และไม่อาจพูดได้เลยว่าเกมนัดที่ผ่านมาไม่ได้เอาจริง  ซ้ำร้ายยังโดนทีมเด็กของยูไนเต็ดเหมือนตบกะโหลกสั่งสอนถึงความเป็นระดับโลกแค่เปลือกนอกสำหรับนักเตะหลายๆคนในซิตี้  ที่มีชื่อชั่นดีแต่เอาชนะความทุ่มเทของยูไนเต็ดมิได้

คงต้องพูดกันว่า  มันชินี่ยังไม่ได้พัฒนาการป้องกันสำหรับการเจอทีมที่มีเกมบุกรวดเร็ว   เพราะเห็นได้ชัดกับอาการไปไม่เป็นในแดนกลางที่พยายามงัดลูกดุเข้าใส่  แต่ฝ่ายตรงข้ามนั้นกลับเล่นสปีดบอลใส่ซะเงิบกันถ้วนหน้า

มันชินี่ยังมีเวลาอีกหลายยกในปีนี้ที่จะปรับปรุง  แม้ว่าจะปลดล๊อค 35 ปีแห่งการไร้แชมป์   แต่ปีนี้นั้นหินกว่าเดิมจากการเดินหน้าเปิดพระคลังไม่ยั้ง  นั่นอาจเป็นการเสริมแกร่งให้กับทัพของตัวเอง  แต่อย่าลืมว่าเมื่อเปิดคลังแล้วนั่นหมายถึงภาระกิจที่แบกไว้บนบ่าจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นตามจำนวนเพนนี(เิงิน)ที่ดึงไปใช้สอย

โดยส่วนตัว  ซิตี้นั้นมีทุกสิ่งพร้อมแล้ว  และคงต้องอาศัยช่วงเปิดฤดูกาลโดยเฉพาะนัดแรกกับการเจอเจ้าหงษ์ขาวในการถล่มน้องใหม่  เพื่อดึงความมั่นใจของลูกทีมกลับมาโดยเร็ว    การต่อบอลที่บดขยีอินเตอร์มิลานในเกมอุ่นเครื่องยังตราตรึงใจแฟนบอลที่ได้ดู  เพราะจากสถิติของเกมนั้นซิตี้ทำการพาสบอลทั้งหมดถึง  698 ครั้ง  เป็นค่าเฉลี่ยของทีมอันดับ 1 ของโลกอย่างบาเซโลน่า   หากจะพัฒนานำมาเป็นแนวทางการเล่นของทีมแล้วล่ะก็ปีนี้เป็นปีแห่งการเริ่มต้น  และทำให้มันเป็นแนวทางหรือปรัชญาการทำทีมเสีย  มิใช่นัดนี้บุก  นัดนี้ตั้งรับ   และคนที่จะโดนวิจารณ์ก็ไม่พ้นผู้จัดการทีมนะจ๊ะมันชินี่

แต่ขอให้ผ่อนคลายไว้   ดังคำกล่าวไว้ว่า  ศึกไม่จบอย่านับศพทหาร   เพราะปีนี้มัน.......เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

By. Saber