Members

 

 

แอบลุ้นไก่เดือยทองของป๋า แฮรี่ เรดแนป อยู่ห่างๆ ในมันเดย์ ไนท์ คู่ดึกที่ผ่านมา แม้จะคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า โอกาสที่จะรอดจากเงื้อมือ อสูรแดง นั้นมีอยู่เพียงน้อยนิด ไม่ใช่ สเปอร์ส ไม่มีเขี้ยวเล็บเพียงเพราะการลาป่วยเฉพาะกิจของ ลูก้า โมดริช นะครับ เพียงแต่ สถิติเก่าๆ มันบ่งบอกชัดเจนแจ่มแจ๋ว(ซะไม่มี)

 


22 ปี แล้วนะครับ ย้ำ!!!ว่า 22 ปี ที่ฝูงน้องไก่กุ๊กๆไม่สามารถยกพลมากำชัย ณ สมรภูมิใจกลางเมืองแมนเชสเตอร์ได้เลย อนิจจา...นี่มันอาจยาวนานกว่าอายุไขของรายการ ฝันที่เป็นจริง นำคณะโชว์โดย เฮีย ไตรภพ เสียอีก ซึ่งแม้ช่วงหลังๆ ทีมของจ่า แฮรี่ จะยกระดับขึ้นมามาก ทั้งหมากเตะ รวมไปถึงแข้งชั้นนำก็มีให้ใช้สอย แต่ผลงานกลับสวนกระแสเมื่อทริปเบื้องหน้าระบุปลายทางไว้ที่ "ดิ โอลแทรฟฟอร์ด"

 


ฝันที่อยากจะให้เป็นจริง ก็ยังไม่เป็นจริงต่อไป จนมาถึงนาทีนี้ เหล่าเด็กมีเดือย(เด็กผู้ชายแหงแซะ)ทั้งหลายคงต้องก้มหน้าก้มตายอมรับสภาพการถูก ปีศาจแดง จับกร้อนขนซะเลี่ยนเตียนเสียจนขันไม่ออก



จะว่าไปแล้ว ทีมจากตอนเหนือของลอนดอนนั้น มีการวางรากฐานที่ดีมาแต่ไหนแต่ไร ระบบทีมที่เน้นเกมบุกโดยธรรมชาติ อีกทั้งตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ก็ถือเป็นแหล่งผลิตนักฟุตบอลฝีเท้าดีป้อนเข้าสู่ทำเนียบทีมชาตินับไม่ถ้วน ดาเรน แอนเดอร์ตัน,เลส เฟอร์ดินาน,เทดดี้ เชอริงแฮม หรือ ดาวิด จิโนลา ล้วนอยู่บนจุดพีคในอาชีพพ่อค้าแข้งกับ สเปอร์ส ทั้งสิ้น

 


เท่าที่จำความได้ตั้งแต่ ลีก ดิวิชั่น 1 อังกฤษ เปลี่ยนเครื่องหมายการค้ามาเป็น พรีเมียร์ ลีก ทีมไก่เดือยทองทีมนี้ก็เป็นขาประจำบนตารางครึ่งบนมาโดยตลอด ไม่เคยพานพบกับสถานการณ์กระเสือกกระสนเอาตัวรอด หรือ ลดชั้นมาสัมผัสบรรยากาศบอลระดับ อบต ในลีกที่ต่ำกว่าเลยสักครั้ง ไม่มีประวัติด่างพล้อย แถมยังสามารถพัฒนาทีมให้มีลุ้นเหยียบเข้าใกล้ความสำเร็จในทุกๆปี ล่าสุดเมื่อ 2 ฤดูกาลที่แล้ว ก็โชว์เหนือโดยจัดการเขี่ย ขาใหญ่ประจำกลุ่ม Big 4 อย่าง ลิเวอร์พูล ให้ระเห็ดไปลิ้มรสความเจ็บปวดบนเวที ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จเสียด้วยซ้ำ

 


พัฒนาการของ สเปอร์ส น่าประทับใจ แต่ในระหว่างที่เหล่าสาวกไก่ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 4 อันดับแรกของประเทศ มาสักระยะ กลับมีทีมอีกหนึ่งทีม ที่ปีก่อนๆไม่เคยอยู่ในสายตา แต่ก้าวกระโดดล้ำหน้าไปไกลกว่านั้น

 


ทีมที่กำลังจะเอ่ยถึงนี้ก็ไม่ใช่ทีมแมวน้ำที่ไหน และจะเป็นทีมอื่นไปไม่ได้เลยนอกเสียจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ใช่ครับ จะเป็นทีมอื่นไปไม่ได้เลย เพราะถ้าไม่ใช่ทีมนี้ ผมก็ไม่รู้จะเอาบทความลงเว็บ แมนฯ ซิตี้ หาหอยสังข์อะไร!!!)



ซิตี้ ที่เราๆเชียร์กันอยู่ทุกวันนี้ในวาระอดีตก่อนการเข้าเทคโอเวอร์ของ เสี่ยแม้ว นับว่าเข้าข่ายทีมท้ายตารางผู้ซึ่งคุ้นเคยกับภาวะดิ้นรนหนีกการตกชั้นมาแทบทุกฤดูกาล และแน่นอนว่าในบางฤดูกาลก็หนีไม่พ้นชะตากรรมนั้นครับ ในขณะที่อริร่วมเมืองอย่าง ยูไนเต็ด ได้เฉลิมฉลองแชมป์กันเป็นว่าเล่น เหล่า ซิติเซ่นส์ ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ ลงเตะให้ครบ 38 นัด เพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ

 

 

ตกชั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ

 


ซึ่งมันช่างแตกต่างจาก ซิตี้ ในยุคเศรษฐีอาหรับ ณ ปัจจุบัน เสียเหลือเกิน

 



จากทีมไม้ประดับบนลีกสูงสุดเมืองผู้ดี เลื่อนขั้นไปจองพื้นที่ยุโรป ล่าสุดผงาดขึ้นมารั้งตำแหน่งเต็งสองในอัตราต่อรองคว้าแชมป์ เหนือยอดทีมอย่าง เชลซี เรียบร้อย เป็นรองเพียงแค่ แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าทีมเดียวเท่านั้น

 


จากผลงานการเฉือนหวิว โบลตัน ในนัดที่สอง ทำให้ Supporters อย่างเราๆสามารถเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่งว่าการท้าทายบัลลังค์แชมป์คงไม่ใช่แค่ลมจากปากกองเชียร์ขี้ฟุ้งที่มั่นใจในศักยภาพของทีมตัวเองเสียเต็มประดา นักเตะมูลค่าสูงลิบแต่ละคน ที่สลับสับเปลี่ยนกันลงเซิ้งแข้ง ล้วนทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม แสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งกว่าเดิม เจมส์ มิลเนอร์ ผู้ซึ่งตลอดฤดูกาลก่อนโชว์ฟอร์มไม่ออก กลับลงมาผนึกกำลังในแดนกลางกับ ดาวิด ซิลวา ได้อย่างลงตัว

 


เกมรุกเป็นอีกจุดที่ถูกพัฒาให้เฉียบคมมากขึ้น เอดิน เชโก้ ดูจะปรับตัวให้เข้ากับสไตล์บอลอังกฤษได้บ้างแล้ว มีความแข็งแกร่งกล้าเลี้ยงกล้าเก็บบอล การประสานงานทำชิ่งเท้าสู่เท้ากับเพื่อนก็ทำได้เนียนตาขึ้น แม้จะยังขาดๆเกินๆไปบ้างในบางจังหวะ เนื่องจากแผงหลังของเจ้าบ้านก็หาใช่กรวยที่จะเลี้ยง หรือทำชิ่งผ่านกันง่ายๆไม่

 

เอดิน เซโก้ ซัลโวประตูได้ต่อเนื่อง แถมฟอร์มการเล่นดูดีมีชาติตระกูลกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาแยะ 

 

 

 
แม้จะมีข้อดีตรงการเซตเกมบุกเข้าตรึงคู่แข่ง แต่ซิตี้ก็ยังมีข้อด้อยในเกมรับให้เห็นอยู่ประปราย

 


2 ประตูที่เสีย ถือเป็น Half Chance(โอกาสไม่จะแจ้ง...ไม่จะแจ้งนะแต่ซัดซะเต็มข้อเลย) และก็ควรต้องให้เครดิตกับคู่กองหน้าทรงพลังของ เดอะ ทร๊อตเตอร์ส ที่ฉกฉวยไว้ได้ทั้ง 2 ครั้ง 2 ครา ในขณะเดียวกันก็ต้องติงแนวรับของ ซิตี้ อยู่เหมือนกันว่าบางครั้งยังติดลูกประมาท(ไมการ์ ริชาร์ด) และ ขาดสมาธิ(โจลีออน เลสคอต) เป็นการบ้านให้ มันชินี่ ต้องกลับไปปรับจูนกันต่อ

 

เควิน เดวิส และ อืวาน คลาสนิช คงไม่ใช่คู่ศูนย์หน้า ประเภทที่จะยิงทีมลุ้นแชมป์ได้ระดับ 2 ประตูเป็นเรื่องปกติหรอกนะ!!!

 

อย่างไรก็ดี การบุกมาเถือ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ถึง รีบอค สเตเดียม ก็นับว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม แม้จะมีช๊อตให้ได้ลุ้นได้เสียวในช่วงท้ายเกมบ้าง แต่คงไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับ 3 แต้มที่ล้ำค่า ส่งผลให้ เดอะบลูส์ ยังคงยึดหัวหาดต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์เป็นอย่างน้อย



บททดสอบสุดหินต่อการลุ้นแชมป์เริ่มเปิดฉากตั้งแต่ในนัดที่ 2 กันเลยทีเดียวเชียวนะครับ ซึ่งแม้จะผ่านไปด้วยดี แต่โจทย์ที่หนักหนาสาหัสกว่านี้จะมีเข้ามาอีกเรื่อยๆแน่นอน ทั้งความเสมอต้นเสมอปลาย อาการบาดเจ็บของแข้งตัวหลัก(เช่น ดาวิด ซิลวา) ก็อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เส้นทางสู่บัลลังค์ของ ซิตี้ ยากลำบากขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

 

เหลือบไปเห็นตารางการแข่งขัน เอ๊า!!! นัดหน้าต้องยกพลเยือนฟาร์มไก่เสียด้วย เสมอก็ไม่ขี้เหร่ หากเป็นฤดูกาลที่แล้ว มันโช่ เล่น เพลย์เซฟ แน่นอน ส่วนฤดูกาลนี้จะหักดิบลุ้นเก็บ 3 แต้มหรือไม่???



มันอาจเป็นเวลาที่เหมาะเจาะก็ได้ที่จะให้คำตอบว่า ซิตี้ ก้าวกระโดดไปไกลกว่าฤดูกาลก่อนๆ และล้ำหน้าเหนือคู่แข่งอย่าง สเปอร์ส แล้วหรือยัง???

 

River

Views: 384

Reply to This

Replies to This Discussion

 

 

นัดเตะกับไก่ คือเกมส์ตัดสินว่าเราดีจริงหรือไม่

 

เพราะไก่ คือ ของจริง

 

2 นัดที่ผ่านมา เตะกับทีมต่ำชั้น

ชั้นต่ำเลยหรอ....เพื่อน

 

555  ไก่ชั้นต่ำ

ท่าทางจะสูสี เพราะสไตล์ใกล้กัน ยังงัยก็พยายามสู้เอาไว้ก่อน
อย่าติดประมาทเหมือนไมก้าสิครับ ไม่ใช่เพระาผมกลัวไก่หรอกน่ะแต่แค่เสมอในบ้านไก่ก็โอเคแล้วลองไปดูฤดูการณืที่ผ่านมาสิครับก็ทีมนี้ล่ะทำเรา้เจ็บแสบไม่น้อยกว่าแมนยูเลยพูดแล้วแค้น เซมากูคึกจัดไปสักสามดอก
ต้องลุยเพื่อแชมป์ เสมอเพื่อแชมป์มันไม่มีหรอกนะ 555
ชอบเซโก้ตั้งแต่อยู่โวล์ฟบวร์กแล้วครับ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.