Members

แมนฯ ซิตี้คู่ควรครองแชมป์พรีเมียร์ลีก

แมนฯ ซิตี้คู่ควรครองแชมป์พรีเมียร์ลีก





        การแข่งขันศึกพรีเมียร์ลีกฤดู กาล 2011-12 ปิดฉากลงอย่างโคตรดราม่า เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตะกายตัวเองจากหลุมขึ้นมาชูถ้วยแชมป์ได้อย่างสุดเหลือเชื่อ จากชัยชนะเหนือ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส 3-2 ชนิดแฟนบอลแทบหยุดหายใจเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
 
        ขณะที่สนามสเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ จบ 90 นาทีลงด้วยชัยชนะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหนือ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 และกำลังจะเฮฉลองแชมป์ลีกสมัยที่ 20 ของตัวเอง ทว่า 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่อิติฮัด สเตเดี้ยม ทำให้ใครบางคนต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน อิอิ
 
        แมนฯ ซิตี้ จบฤดูกาลด้วยการมี 89 คะแนนเท่ากับคู่ปรับร่วมเมือง ทว่าผลต่างประตูได้-เสียของพวกเขาเหนือกว่าถึง 8 ประตู และนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ศึกพรีเมียร์ลีกตัดสินแชมป์กันด้วย จำนวนผลต่างประตูได้-เสีย ซึ่งทำให้ทีมมหาเศรษฐีเป็นฝ่ายสุขสมหวัง  
 
        ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องบอกว่า แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่คู่ควรกับการได้ครองถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้มากที่สุด ด้วยเหตุผลหลากหลายประการที่พวกเขาเหนือกว่าคู่แข่งทุกรายในปีนี้
 
        แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่ทำประตูได้มากที่สุด แบ่งเป็น 55 ประตูในบ้าน และ 38 ประตูในฐานะทีมเยือน ขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นที่สุดจากการเสียไปเพียง 12 ประตูในบ้าน และ 17 ประตูในการไปเยือน
 
        "เรือใบสีฟ้า" ยังมีสถิติสุดยอดจากการไร้พ่ายในรังของตัวเอง โดยสามารถเอาชนะผู้มาเยือนได้ถึง 18 ทีม และมีเพียง ซันเดอร์แลนด์ ทีมเดียวเท่านั้นที่สามารถมาเก็บ 1 คะแนนออกไปได้จากสังเวียนแข้งของพวกเขา นั่นหมายความว่า บรรดาทีมชั้นนำต่างๆ ทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ต่างเอาชื่อมาทิ้งไว้ที่สนามแห่งนี้กันทั้งนั้น
 
        โดยเฉพาะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่แพ้ต่อคู่ปรับร่วมเมืองทั้งเหย้าและเยือน และที่สำคัญการแพ้ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของตัวเองถึง 1-6 คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "ปีศาจแดง" ต้องมาอกหักชีช้ำจากผลต่างประตูได้-เสีย ซึ่งแค่แมตช์นั้นแมตช์เดียวก็ทำให้ผลต่างประตูของทั้ง 2 ทีมต่างกันถึง 10 ลูกแล้ว
 
        ต้องชมประสิทธิภาพในแนวรุกของ แมนฯ ซิตี้ ที่กองหน้าทุกคนต่างเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะ เซร์คิโอ อเกวโร่ ฮีโร่ของกองเชียร์ "เรือใบสีฟ้า" ที่กดไปถึง 23 ประตูในลีก ขณะที่ เอดิน เซโก้ ยิง 14 ประตู, มาริโอ บาโลเตลลี่ ยิง 13 ประตู และตัวแถมอย่าง คาร์ลอส เตเวซ ก็ยังยิงได้ 4 ประตู
 
        นอกจากฝีเท้าที่ยอดเยี่ยมแล้ว ต้องชมว่านักเตะ แมนฯ ซิตี้ ทุกคนมีจิตใจที่แข็งแกร่ง และมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อทีมอย่างเต็มที่ และเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลก็สามารถบ่งบอกได้ดีถึงทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับ บุคลิกของทีมนี้
 
        ขณะที่เกมเสมอ 1-1 แม้ตัวผู้เล่นมากกว่า แต่ "เรือใบสีฟ้า" กลับพลาดท่าถูกยิงขึ้นนำแทน และในช่วง 20 กว่านาทีสุดท้ายของเกม เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายโหมบุกอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย คิวพีอาร์ ได้
 
        จนเวลาล่วงมาถึงช่วงทดเจ็บ ในขณะที่แชมป์อยู่ในมือ แมนฯ ยูไนเต็ด ค่อนข้างแน่ ถ้าเป็นทีมอื่นอาจถอดใจไปแล้ว ทว่านักเตะ แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความท้อทอยเลย ทว่ายังคงตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด จนมาได้ 2 ลูกสุดท้ายจาก เซโก้ และ "กุน" ช่วยให้พวกเขาได้ชัยชนะนัดสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
 
        ไม่เพียงแต่นักเตะเท่านั้น ต้องยกย่อง โรแบร์โต้ มันชินี่ ผู้จัดการทีมชาวอิตาลีด้วย เนื่องจากเขาสามารถนำทีมฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการในซีซั่นนี้มาได้อย่างเหลือ เชื่อ แค่เฉพาะกรณีของ เตเวซ เพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะป่วนจนสโมสรไม่อาจประสบความสำเร็จได้แล้ว แต่ มันโช่ ก็ยังเอาอยู่และกล่อมให้แข้งอาร์เจนไตน์กลับมาเป็นกำลังสำคัญในช่วงโค้งสุด ท้ายของฤดูกาลด้วย
 
        นอกจากนี้ อดีตนายใหญ่ อินเตอร์ มิลาน ก็ยังแสดงออกถึงความถ่อมตัวอยู่เสมอของเขาด้วย แม้ว่า แมนฯ ซิตี้ จะอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบคู่แข่งเพียงใด เขาก็ไม่ออกคุยโวถึงการคว้าแชมป์ล่วงหน้า ซึ่งอาจสร้างความกดดันให้กับลูกทีมได้ แต่ก็อาจมีบางคนรู้สึกหมั่นไส้หมอนี่เหมือนกันว่าจะยกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ได้เปรียบกว่าไปถึงไหน!
 
        ขณะเดียวกันก็ต้องยกความดีความชอบให้กับกลุ่มนายทุนจากสหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ด้วย ที่กล้าเข้ามาทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเนรมิตแชมป์ให้กับสโมสรและแฟนบอลที่ เฝ้ารอการชนะเลิศลีกสูงสุดมานานถึง 44 ปี หากไม่มีพวกเขาการขับเคี่ยวแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกคงไม่เข้มข้มเหมือนใน ปัจจุบันนี้  
 
        เชื่อแน่ว่า แมนฯ ซิตี้ คงไม่หยุดตัวเองเอาไว้เพียงเท่านี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกถ้วยนี้น่าจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสถาปนาตัวเองขึ้น มาเป็นเจ้าลูกหนังของอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าในช่วงซัมเมอร์นี้ "เรือใบสีฟ้า" จะมีการเสริมทัพครั้งใหญ่ เพื่อต่อยอดไปถึงการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และบรรดาดาวดังทั่วโลกก็น่าจะมีจุดหมายปลายทางที่อิติฮัด สเตเดี้ยม ไม่แพ้คัมป์ นู หรือซานติอาโก้ เบร์นาเบว อย่างแน่นอน
 
        

-บารมง-

Views: 457

Reply to This

Replies to This Discussion

อัดแชมป์เก่าทั้งไปทัั้งกลับ คู่ควรด้ยประการทั้งปวง

แต่อาร์มทองงามมากๆครับขอบอก 555  ^^

สมควรแล้วครับ

ปีนี้ EPL เข้มข้นกว่าลีกอื่นมันสืสุดๆ สมราคาลีกที่ดีที่สุด ยุคทองของ EPL กลับมาเพราะ MANCITY โดยแท้

..มี รุ่ง ก็มี ร่วง..

..ใครจะคิดว่าหงส์แดงจะมีอันเป็นไปร่วงหล่นลงไปถึงอันดับ 8..

..ขณะที่เรือใบสีฟ้าฝ่าคลื่นลมครองแชมป์ รุ่งเรืองสุดๆ..

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.