“แมน ซิตี้” เล่นของฝังลูกแก้วใต้สังเวียนแข้ง
ตามรายงานข่าวจาก “เดลี มิร์เรอร์” ระบุว่า ลูกแก้วที่ แมนฯซิตี นำมาฝังเอาไว้ที่สนามแข่งนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักเตะ ลูกแก้วบางส่วนถูกฝังเอาไว้ที่วงกลมกลางสนามเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกจำนวนหนึ่งกำลังจะถูกฝังลงไปที่บริเวณมุมธง
ฝ่ายบริหารของ แมนฯซิตี เชื่อมั่นว่า พิธีกรรมนี้จะช่วยให้สนาม ซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ ที่มีมูลค่า 90 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท กลายเป็น “ศูนย์กลางของพลัง” นอกจากนี้ ยังเตรียมลูกแก้วกว่า 100 ลูก นำไปฝังไว้ที่เสาคอนกรีตภายนอกสนามอีกด้วย
“เดลี มิร์เรอร์” อ้างคำพูดแฟนบอลรายหนึ่ง ว่า “เป็นพฤติกรรมที่ประหลาดมาก แฟนๆ รุ่นเก่าของ แมนฯซิตี บางคนไม่ค่อยชอบเรื่องนี้นัก แต่เจ้าของคนไทยเชื่อโชคลางจากตะวันออก และหวังว่า ลูกแก้วจะช่วยยกระดับผลงานของทีมรวมถึงประสบความสำเร็จในเรื่องการเงิน”
ไซมอน บราวน์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องฮวงจุ้ยประจำเมืองผู้ดี เผยว่า “ลูกแก้วเหล่านี้มาจากหุบเขาที่ลึกมาก และมีพลังที่แข็งแกร่ง การใส่ไว้ใต้สนามจะช่วยให้มีพลังเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ เหมือนกับคาทอลิกที่ติดไม้กางเขนไว้ที่กำแพง ส่วนคนไทยเรื่องสัญลักษณ์ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่หากพวกเขาต้องการให้ส่งผลกระทบกับผู้เล่นจริงๆ ก็ควรที่จะเปลี่ยนสีเสื้อเหมือนกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ใส่สีแดงมากกว่าสีฟ้า”
แฟนบอล “เรือใบสีฟ้า” รู้จัก ทักษิณ ในชื่อของ แฟรงค์ เข้ามาฮุบกิจการเมื่อปีก่อนด้วยเงินจำนวน 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,360 ล้านบาท) เมื่อฤดูกาลที่แล้วจบด้วยอันดับ 9 แม้ว่าจะได้ไปลุย ยูฟา คัพ ในฐานะทีมแฟร์เพลย์ แต่ก็ตัดสินใจไล่ สเวน โกรัน อิริคส์สัน ออกจากตำแหน่งกุนซือ
(คนเขียนข่าวเขียนหมาไม่แดกเลย)
Replies to This Discussion
-
Permalink Reply by khomchan on
-
ดีคับทุกอย่างต้องเป็นดวงของเจ้าของสโมรสด้วย มีพระพุทธรูปหรือห้องพระก็ดีนะ
-
Permalink Reply by ลุงเล็ก on
-
นี่ก็อีกข่าวจาก http://www.siamsport.co.th/25510717-057.html
เรือใบฝังลูกแก้วใต้สนามทักษิณเชื่อส่งพลังให้ทีม
แมนฯ ซิตี้ เล่นของก่อนเปิดฉากฤดูกาลใหม่ ด้วยการฝังลูกแก้วนำโชคไว้ใต้พื้นสนาม ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ ตามหลักฮวงจุ้ยของชาวจีน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของสโมสร เชื่อจะช่วยนำพลัง และความสำเร็จมาสู่ทีม
"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นำหลักฮวงจุ้ยของชาวจีน มาใช้กับทีม ด้วยการฝังลูกแก้วนำโชคไว้ที่ใต้พื้นสนาม ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดี้ยม โดยหวังว่าจะช่วยนำความสำเร็จมาสู่สโมสร
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งเป็นเจ้าของสโมสร "เรือใบสีฟ้า" เชื่อว่า ลูกแก้วดังกล่าวจะนำพลังมาสู่ทีม และเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้เล่น โดยลูกแก้วบางส่วนถูกฝังลงไปที่วงกลมกลางสนามและบริเวณมุมธงเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้น ลูกแก้วกว่า 100 ลูก ยังจะนำไปฝังไว้ที่เสาคอนกรีตภายนอกสนามอีกด้วย
แหล่งข่าววงในถิ่น ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เผยว่า "เรื่องนี้ก็เหมือนกับชาวคริสต์ที่นำไม้กางเขนไปติดไว้บนฝาผนัง มันก็เหมือนกับการปฏิบัติทั่วไปสำหรับพระในศาสนาคริสต์ที่มาให้ศีลกับทีม แกรี่ คุ้ก (ประธานบริหารสโมสร) เชื่อว่า การทำเช่นนี้มีคุณค่าสำหรับสโมสร"
ถ้าเป็นจริงตามขาวก็ถือว่า เป็นความเชื่อ ทางตะวันออก(ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่)
ใครเคยได้ดู true vision รายการ ทรงเจ้า ผีสิง บ้านฝรั้ง ก็จะเห็นว่า ฝรั้งบางคนคิดเหมือนๆคนไทยบางคน
แต่ลุงไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ดูท่านจะยุ่งๆกับคดีที่ดินรัชดามากกว่ามั้ง
-
Permalink Reply by dojcaro on
-
สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งใดสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
เหมือนแมนยู กะ อาเซนอล ที่กำลังจะดับไป 55+
-
-
ท่านก็ทำไปงั้นแหละตามประสาคนไทย-จีน
เรายังเชื่อห้วงจุ้ยเลยย้ายนั้นย้ายนี้ทั้งวัน
ไม่แปลก ถ้าเก่งขึ้นระดับเทพ นิแปลกฝรั่งคงเชื่อเรื่องนี้ขึ้นเยอะ 55+
-
Permalink Reply by Kovačević on
-
ไร้สาระมากๆ ข่าวแบบนี้ทั้งโลกได้ดูถูกเอา งมงายประหลาดๆ
มาบ่อยจิง ครั้งก่อนก้อกราบทั้งสนาม เปลี่ยนตรามั้ง นี่เอาลูกนิมิตมาฝั่งอีก ไม่มีไรจะขายแล้วใช่ไหม ข่าว
-
Permalink Reply by taatoey on
-
ไม่เชื่อ ร้อย เปอร์เซนต์ /
ประวัติ ไม่เห็นมีบอก /
ออกจาเป็นเเนว เเอนตี้!!เรื่องพวกนี้อย่างรุนเเรงด้วยซ้ำ!!! /
เร็วๆนี้ยิ่งมีให้สัมพาด ประชดหมอดู ท้าทายดวงชะตาก็มีให้เห้นเป็นระยะ /
สร้างตัวขนาดนี้ได้ ถ้าจะมี"งมงายยย" เค้ามีให้เห็นตั้งเเต่ช่วงล้มลุกคลุกคลานเเล้ว ตอนสบายๆอย่างนี้ ความมั่นคงทางจิตใจสูงขนาดนี้ ไม่บ้า !!เรื่องเเบบนี้หรอก ปัญญาอ่อนสิ้นดี !!!
ไอ้เรื่องเเบบเนี๊ยะ มันเรื่องของคนไม่มีความสามารถ อาศัยเส้นเข้าทำงาน เเล้วไม่มีความสามารถจิงๆ เลยไม่มีความมั่นใจ เเละมั่นคงทางจิตใจเค้าทำกัน
คนดีๆ สร้างตัวได้จากความรู้ เเละ วิสัยทัศน์ระดับนี้ เค้าไม่ปัญญาอ่อนขนาดนี้หรอกฮะ
เป็นทหารเเถวบ้านเราก็ว่าไปอย่าง โด่!!
© 2024 Created by thaiMCFC.
Powered by
