ปรีวิว ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2555
เชลซี    -    แมนเชสเตอร์ ซิตี้

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์

        สิงโตน้ำเงินคราม เพิ่งปลด โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กุนซือชาวอิตาเลียนออกจากตำแหน่ง แล้วแต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือชาวสเปน เข้ามาคุมทีมแทนด้วยสัญญาระยะสั้นจนจบฤดูกาลนี้

        ผลงานก่อนหน้านี้ที่ ดิ มัตเตโอ ทำทิ้งไว้คือการไม่ชนะในลีก 4 นัดติด จนตาม แมนฯ ซิตี้ จ่าฝูง 4 แต้มแล้ว ขณะที่เกมยุโรปก็เพิ่งบุกแพ้ ยูเวนตุส 0-3 ทำให้โอกาสลุ้นเข้ารอบตาม ชัคตาร์ เป็นรอง ม้าลาย อีก

        สภาพทีมนัดแรกของ ราฟา ขาดสองตัวเก๋า จอห์น เทอร์รี่ เซนเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมที่เจ็บเข่า กับ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กองกลางที่เจ็บน่อง อีกคนคือ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กองหน้าที่บาดเจ็บ

        เกมล่าสุดที่ ยูเวนตุส ดิ มัตเตโอ วางระบบกองหลัง 5 คน และไม่มีกองหน้าตัวเป้า ซึ่ง ราฟา จะกลับมาใช้ 4-2-3-1 ตามเดิม โดยให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ถูกดร็อป กลับมาเป็นตัวจริง

        การจัดทัพ ปีเตอร์ เช็ก เฝ้าเสา แผงหลัง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด ลุยซ์, แอชลี่ย์ โคล คู่กลาง จอห์น โอบี มิเกล กับ รามิเรส แนวรุก ฆวน มาต้า, ออสการ์, เอแดน อาซาร์ หน้าเป้า เฟร์นานโด ตอร์เรส

        ทางฝั่งจ่าฝูงและแชมป์เก่า เรือใบสีฟ้า หันมาเน้นเต็มที่กับการป้องกันแชมป์ลีก ซึ่งฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้ใครใน 12 นัดแรก หลังร่วงตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก จากการเสมอ เรอัล มาดริด 1-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

        สภาพทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ต้องรอทดสอบความฟิตกัปตันทีม แว็งซ็องต์ ก็อมปานี กองหลังที่เจ็บเข่ามาจากเกมกับ มาดริด หากไม่พร้อม โจเลียน เลสค็อตต์ ก็พร้อมทำหน้าที่แทนอยู่แล้ว

        กาแอล กลิชี่ แบ็กซ้ายหายเจ็บข้อเท้ากลับคืนทีม เช่นเดียวกับ มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าที่หายหน้าไป 2 เกมเพราะเจ็บหลัง ขณะที่ แจ็ค ร็อดเวลล์ (เอ็นหลังหัวเข่า) กับ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ (เข่า) ยังพักฟื้น

        การจัดทัพ 4-3-3 โจ ฮาร์ท เฝ้าเสา แผงหลังหาก ก็อมปานี ไม่พร้อม ก็จะเป็น มาติย่า นาสตาซิช กับ โจเลียน เลสค็อตต์ ยืนเซนเตอร์คู่กัน โดยมี ไมค่อน กับ กาแอล กลิชี่ เป็นฟูลแบ็กสองฝั่ง

        แดนกลาง 3 คนประกอบไปด้วย ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่ และ ซามีร์ นาสรี่ โดยมีแนวรุกจัดจ้าน ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่ และ คาร์ลอส เตเวช

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, แกรี่ เคฮิลล์, ดาวิด ลุยซ์, แอชลี่ย์ โคล - จอห์น โอบี มิเกล, รามิเรส - ฆวน มาต้า, ออสการ์, เอแดน อาซาร์ - เฟร์นานโด ตอร์เรส

        แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท - ไมค่อน, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี (โจเลียน เลสค็อตต์), มาติย่า นาสตาซิช, กาแอล กลิชี่ - ยาย่า ตูเร่, แกเร็ธ แบร์รี่, ซามีร์ นาสรี่ - ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่, คาร์ลอส เตเวช

        ผู้ตัดสิน : คริส ฟอย

สิงห์เฝ้าบ้านไว้ใจได้รับมือเรือใบ

        เชลซี มีผลงานที่ไว้ใจได้ ในการเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ รับมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเกมพรีเมียร์ลีก เพราะ 7 นัดหลังสุดที่นี่ สามารถเอาชนะได้ถึง 6 นัด มีพลาดท่าแพ้ เรือใบสีฟ้า เกมเดียวปี 2010

        การพบกันของสองทีมนี้มักเปิดแลกกันให้รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย โดย 15 นัดหลังสุดที่พบกันในทุกรายการ (14 เกมลีก และ 1 เกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ช่วงต้นฤดูกาลที่ แมนฯ ซิตี้ ชนะ 3-2) ไม่มีผลเสมอเกิดขึ้นเลย นับตั้งแต่เสมอกัน 0-0 เมื่อปี 2005

        อย่างไรก็ตาม แม้สถิติการมาเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของ เรือใบสีฟ้า จะไม่สู้ดีนัก แต่การพบกันช่วง 3-4 ปีหลัง แมนฯ ซิตี้ ทำได้เหนือกว่า โดย 7 นัดหลังในทุกรายการ พวกเขาเอาชนะ 5 นัด และ เชลซี ชนะแค่ 2 นัด

โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
20.30 น. สวอนซี - ลิเวอร์พูล
22.00 น. เซาธ์แฮมป์ตัน - นิวคาสเซิ่ล
23.00 น. สเปอร์ส - เวสต์แฮม
23.00 น. เชลซี - แมนฯ ซิตี้