ปรีวิว ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย (กลุ่ม ดี.)
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม 2555
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (เยอรมัน)   -   แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)

สนาม: บีวีบี สตาดิโอน ดอร์ทมุนด์ (ดอร์ทมุนด์, เยอรมัน)

        "เสือเหลือง" แชมป์เก่าบุนเดสลีกา ซีซั่นก่อน บุกไปเสมอกับ บาเยิร์น มิวนิค จ่าฝูงบุนเดสฯเวลานี้ 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้รั้งอันดับ 3 ของตารางตามเดิม มีแต้มไล่หลัง "เสือใต้" ถึง 11 คะแนนเต็มเลยทีเดียว

        อย่างไรก็ตามผลงานถ้วยยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ทำได้ยอดเยี่ยมมากทีเดียว เปิดบ้านเชือด อาแจ็กซ์ มา 1-0 ก่อนบุกเสมอกับ แมนฯซิตี้ 1-1 ตามมาด้วยเปิดบ้านเอาชนะ เรอัล มาดริด 2-1 และ บุกเสมอ เรอัล มาดริด 2-2 ที่เบร์นาเบว ล่าสุดออกไปถล่ม อาแจ็กซ์ 4-1 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทำให้มีถึง 11 แต้ม จาก 5 นัดรั้งจ่าฝูงของกลุ่ม ดี. พร้อมกับตบเท้าผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว

        เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ต้องขาด เซบาสเตียน เคห์ล กองกลางตัวเก๋าที่มีอาการบาดเจ็บจมูกหัก พร้อมกับจะพัก สเวน เบนเดอร์ กองกลางตัวเก่งที่ลงเล่นในเกมกับ บาเยิร์น นัดล่าสุดด้วยการที่มีอาการบาดเจ็บติดตัวอยู่ พร้อมกันนั้นต้องรอดูอาการของ เนเว่น ซูโบติช ที่เจ็บกล้ามเนื้อ แต่น่าจะลงสนามได้ 

        รูปแบบการเล่นใช้สูตร 4-2-3-1 ไลน์ดีเฟนซ์จากขวามาซ้ายประกอบด้วย ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค, เนเว่น ซูโบติช, มัทส์ ฮุมเมลส์ และ มาร์เซล ชเมลเซอร์

        ขณะที่แดนกลางนั้นวาง โมริตซ์ ไลท์เนอร์ ยืนคุมเกมร่วมกับ อิลคาย กุนโดกาน โดยมี มาร์โค รอยส์, ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ และ มาริโอ เกิตเซ่ ช่วยกันปั้นเกมให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวเป้าทีมชาติโปแลนด์ เข้าปิดสกอร์

        ทางด้าน "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ซีซั่นก่อน เพิ่งเปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ในศึกพรีเมียร์ ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้เก็บได้แค่แต้มเดียว ไล่ตามหลัง แมนฯยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองที่นำจ่าฝูงอยู่ 3 คะแนน เมื่อผ่านมา 15 นัด

        สำหรับผลงานถ้วยยูเอฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กระเด็นตกรอบไปแล้ว หลังจากมีแค่ 3 คะแนน จากการลงสนาม 5 นัด โดยเวลานี้มีลุ้นเพียงแค่การแย่งชิงอันดับสามของกลุ่มดี. แล้วจองสิทธิ์ไปเล่นถ้วยยูโรปา ลีก รอบ 32 ทีมสุดท้าย เท่านั้นเอง

        เกมนี้ไม่มี เดวิด แพล็ทท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมที่ติดโทษแบน รวมไปถึงผู้เล่นตัวเก่งอย่าง ยาย่า ตูเร่ กองกลางทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ ที่ติดโทษแบน 1 นัด จากการได้ใบเหลืองสะสมครบ 3 ใบ ตามโควตาพอดี

        นอกจากนั้นต้องขาด แจ็ค ร็อดเวลล์ เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า, ไมก้าห์ ริชาร์ดส์ เจ็บกระดูกอ่อนบริเวณหัวเข่า, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ เจ็บขาหนีบ, เจมส์ มิลเนอร์ เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และ กาแอล กลิชี่ เจ็บข้อเท้า 

        อย่างไรก็ตามได้ตัว มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าชาวอิตาเลี่ยนหายเจ็บหลัง กลับมาแล้ว

        คาดกันว่า โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือของแมนฯซิตี้ จะมีการพักผู้เล่นตัวหลักหลายรายไว้ลงบู๊กับ แมนฯยูไนเต็ด ในนัดบิ๊กแมตซ์ ของพรีเมียร์ ลีก สุดสัปดาห์นี้มากกว่า 

        การจัดทัพเกมนี้ให้ โจ ฮาร์ท เฝ้าเสา แผงหลัง ดั๊กลาส ไมค่อน, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, มาติย่า นาสตาซิซ, ปาโบล ซาบาเลต้า

        ขุมกำลังแดนกลางวางใจ สกอตต์ ซินแคลร์, แกเร็ธ แบร์รี่, ฆาบี การ์เซีย และ ซามีร์ นาสรี่ เดินเกมบุกและช่วยดูแลเกมรับด้วย คู่หน้าวาง เอดิน เชโก้ กับ มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงกระซวกตาข่าย

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        ดอร์ทมุนด์: โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์ (กัปตันทีม) - ลูคัสซ์ พิสซ์เซ็ค, เนเว่น ซูโบติช, มัทส์ ฮุมเมลส์, มาร์เซล ชเมลเซอร์ - โมริตซ์ ไลท์เนอร์, อิลคาย กุนโดกาน - ยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้, มาริโอ เกิตเซ่, มาร์โค รอยส์ - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

        แมนฯซิตี้: โจ ฮาร์ท - ดั๊กลาส ไมค่อน, มาติย่า นาสตาซิซ, แว็งซ็องต์ กอมปานี (กัปตันทีม), ปาโบล ซาบาเลต้า - สกอตต์ ซินแคลร์, ฆาบี การ์เซีย, แกเร็ธ แบร์รี่, ซามีร์ นาสรี่ - เอดิน เชโก้, มาริโอ บาโลเตลลี่

        ผู้ตัดสิน: มิโลร้าด มาซิซ (เซอร์เบีย)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ  ดอร์ทมุนด์ - แมนฯ ซิตี้
- ดอร์ทมุนด์ การันตีเข้ารอบแล้วในฐานะแชมป์กลุ่มมี 11 แต้ม ต่อให้ เรอัล มาดริด ที่มีน้อยกว่า 3 แต้มขึ้นมาเทียบเท่าก็แซงไม่ได้ เนื่องจากผลเฮดทูเฮดดีกว่านั่นเอง
- ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ตกรอบแบ่งกลุ่มปีที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยังมีลุ้นคว้าอันดับสามไปยูโรปา ลีก ทว่าต้องได้ผลลัพธ์นัดสุดท้ายดีกว่า อาแจ็กซ์ ที่มีมากกว่า 1 แต้มแถมเฮดทูเฮดก็ดีกว่าด้วย
- แม้ทั้งสองทีมเคยเจอกันแค่หนเดียวในแมตช์เสมอ 1-1 ฤดูกาลนี้ แต่ดอร์ทมุนด์มีประสบการณ์ที่บ้านเก่าแมนฯ ซิตี้ มาก่อนแล้ว สมัยแมนฯ ยูไนเต็ดยืมใช้ เมน โร้ด ในรอบแรก ยูโรเปี้ยน คัพ 1956/57 ซึ่งทีมเสือเหลืองแพ้ไป 2-3
- นอกจากนั้นนับว่า ดอร์ทมุนด์ มีความทรงจำที่ดีกับทีมอังกฤษ โดยผ่านแมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบตัดเชือก ชปล. 1996/97 และชนะเหย้า-เยือนสกอร์เดียวกัน 1-0 ก่อนผงาดเจ้ายุโรป รวมถึงชนะลิเวอร์พูล ครองแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพ 1965/66
- นับรวมแล้ว ดอร์ทมุนด์ ไม่เคยแพ้ทีมอังกฤษในบ้าน โดยชนะ 3 เสมอ 3 หนล่าสุดคือแมตช์ไล่ตีเสมอ อาร์เซน่อล 1-1 ในรอบแบ่งกลุ่มปีที่แล้ว
- ครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ซิตี้ เยือนเยอรมัน พวกเขาแพ้บาเยิร์น มิวนิค 0-2 ในรอบแบ่งกลุ่มซีซั่นก่อน
- นอกจากนั้น แมนฯ ซิตี้ ยังมีสถิติเล่นที่เมืองเบียร์ไม่สู้ดี ชนะแค่ 1 แพ้ถึง 4 โดยชัยชนะหนึ่งเดียวเกิดขึ้นในนัดเฉือนชาลเก้ 2-0 รอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า คัพ 2008/09 ซึ่งทีมชุดนั้นมีเพียง โจ ฮาร์ท, ไมกาห์ ริชาร์ดส์ และ แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน

เครดิต siamsport