Members

ข่าวลือหรือจริง แม้วขายสโมสรเรือใบ แมนเชสเตอร์ซิตี้เรียบร้อยแล้ว???

อ้างอิงจาก http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php?t=103799
เปลี่ยนมือ!แม้วขายเรือให้UAEแล้ว

พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรเป็นเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้เพียงแค่ 12 เดือนเท่านั้นหลังอาบู ดาห์ไบ ยูไนเต็ด กรุ๊ปบริษัทของสหรัฐ อาหรับ เอมิเรสต์เข้ามาเทคโอเวอร์อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว

บริษัทอาบู ดาห์ไบ ยูไนเต็ด กรุ๊ปหรือ ADUG ได้ยืนยันผ่านเวบไซต์ ArabianBusiness.com ถึงการเข้าซื้อหุ้นใหญ่จากอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อช่วงเกือบเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ดร.ซุไลมัน อัล ฟาฮิมซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารได้เปิดเผยว่า"เราจะทำการเปิดเผยรายละเอียดอีกครั้งในภายหลังแต่นี่เป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมสำหรับสโมสรและบริษัทอาบู ดาห์ไบ"

"จุดมุ่งหมายของเราง่ายๆเลยคือการนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษโดยขอติดท็อปโฟว์ในซีซั่นนี้ให้ได้"

ว่ากันว่า"แม้ว"จะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นประธานกิตติมศักดิ์ซึ่งเป็นการให้เกียรติแต่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆอีก

อดีตนายกจำเป็นต้องก้าวลงจากตำแหน่งเนื่องจากถูกพรีเมียรืลีกกดดันอย่างหนักจากคดีหนีศาลที่ประเทศไทยในข้อหาคอรัปชั่นจนถูกอายัดทรัพย์เป็นเงินกว่า 800 ล้านปอนด์

Views: 224

Replies are closed for this discussion.

Replies to This Discussion

อึม อึม จริง ปะเนี้ย
ขอ คำยืนยันด่วนครับ
เซ็งนะ...เด็กโง่
Abu Dhabi group รวยโคตรๆเลยล่ะ ลำพัง มร.แฟร้งคงคิดดูแล้วว่าคงลำบากที่จะสู้หอยทะเลของโรมัน ก็เลยตัดสินใจขายหุ้นบางส่วน เหลือไว้พอให้รู้ว่าพอมีหุ้นอยู่กับ CITY แล้ว Abu Dhabi group นี่เพื่อนซี้ของ มร.แฟร้งทั้งนั้น เอาน่าหวังว่าเพื่อนๆสมาชิกทีมที่คนไทยมีหุ้นต่อไป ดั่งคำที่ว่า "วันนี้ไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนรอ"
ไม่ได้ขายหมดใช่ไหมครับลุง ..... เศร้า
ตอบด้วยนะครับลุง
ยังมีเยื่อใย หุ้นของคนไทย อยู่ใช่ไหมครับ
ลุงพูดดีเเท้!!~
เยี่ยมเลยลุง
แถลงข่าวการร่วมทุนของกลุ่มอาบูดาบียูไนเต็ด

การร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนชั้นนำของอาบูดาบีจะช่วยสนับสนุนสถานะทางการเงินแก่สโมสรและเพิ่มวิสัยทัศน์ ตลอดจนความสามารถทางการตลาดของสโมสรฯ ทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย

แมนเชสเตอร์, 1 กันยายน 2551, บริษัท อาบูดาบี ยูไนเต็ดกรุ๊ป อินเวสทเมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ ลิมิเต็ด ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ เพื่อเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนในการลงทุนที่ไม่เพียงแต่จะเสริมความสามารถทางการเงินของสโมสรในการดึงตัวนักฟุตบอลชั้นนำ แต่แผนการลงทุนร่วมกันดังกล่าวยังจะช่วยเสริมแผนการพัฒนาสโมสรและวิสัยทัศน์ของประธานสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดร. ทักษิณ ชินวัตร เพื่อทำให้ “ซิตี้” กลายเป็นชื่อของไลฟสไตล์และแบรนด์ของกีฬายอดนิยมอันใหม่ทั่วทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย

เมื่อได้รับคำถามในช่วงสุดสัปดาห์ถึงเหตุผลของการที่เชิญกลุ่มนักลงทุนจากดูไบให้เข้ามาซื้อหุ้นบางส่วนของสโมสร ดร. ทักษิณตอบว่า “เมื่อผมเข้ามาซื้อกิจการสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปีที่แล้ว ผมได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า ผมมีแผนการสองระดับ... ในขั้นแรก คือ การลงทุนทั้งเวลาและเงินกับทีมผู้บริหารและผู้เล่นชุดใหม่โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้ทีมของเราเป็นหนึ่งในสี่ทีมชั้นนำของพรีเมียร์ลีกภายในปี 2010 และเราก็มีแผนขั้นที่สองที่จะพัฒนาและรีแบรนด์ของสโมสรใหม่ เพื่อให้ “ซิตี้” กลายเป็นสโมสรฟุตบอลในระดับสากลและเปิดเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ” ดร. ทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์ต่อด้วยว่า “หลังจากที่ผมพอใจในระดับหนึ่งกับผลงานที่ผ่านมาว่า เรามีความก้าวหน้าพอสมควรที่จะบรรลุวัตถุประสงค์แรกของเรา ผมตระหนักได้ว่าวิธีที่ดีที่สุดในการขยายศักยภาพของแบรนด์ของ “ซิตี้” และการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งมีความมั่งคั่งมากนั้น ก็ด้วยการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับกลุ่มทุนที่มีศักยภาพสูงในด้านการพัฒนาและการลงทุน ผู้ซึ่งเข้าใจและยอมรับวิสัยทัศน์และความทะเยอทะยานเชิงธุรกิจระดับโลกของ “ซิตี้” ด้วยสิ่งนี้เองทำให้ผมได้ติดต่อกับอาบูดาบี ยูไนเต็ดกรุ๊ป และได้พบกับผู้แทนของเขา คือ ดร. สุไลมาน อัล ฟาฮิม ซึ่งเป็นซุปเปอร์สตาร์ของอาบูดาบี ที่มีความเก่งกาจมากในด้านการลงทุนระหว่างประเทศและการพัฒนาแบรนด์ทางการค้าใหม่ๆ ในส่วนอื่นเราได้มีการประชุมหารือร่วมกันอย่างน่าสนใจในเรื่องของการกำหนดเป้าหมายและคุณค่าในการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งผมพอใจมาก และดังนั้นผมจึงมีความเห็นว่าการที่ได้กลุ่มอาบูดาบี ยูไนเต็ดกรุ๊ป มาเป็นพาร์ทเนอร์ของเราในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด”

ผู้บริหารของทั้งสโมสรฟุตบอลแเมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอาบูดาบี ยูไนเต็ดกรุ๊ป ได้ร่วมกันแถลงแผนงานซึ่งรวมถึงความร่วมมือในอนาคตอันใกล้ทั้งในด้านการซื้อตัวนักฟุตบอลและการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอลหนึ่งหรือหลายแห่งในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยหวังให้เป็นการกระตุ้นความสนใจในภูมิภาคนั้น และเพื่อเป็นการสร้างฐานความนิยมและแฟนคลับของสโมสรในภูมิภาค นอกจากนี้ แผนการดังกล่าวยังมีการลงทุนเพิ่มและการริเริ่มโครงการใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมๆ กันทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย โดยอาศัยเครือข่ายต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีอยู่ และยังมีแผนที่จะพัฒนา “แบรนด์” ของซิตี้ให้ล้ำสมัยและส่งเสริมให้เป็นแบรนด์ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ สินค้าไลฟ์สไตล์และมัลติมีเดียอีกด้วย

การลงทุนในสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยกลุ่มอาบูดาบี ยูไนเต็ดกรุ๊ป เป็นการลงทุนในทีมฟุตบอลในระดับพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกของนักลงทุนจากตะวันออกกลาง โดยมีเป้าหมายชัดเจนที่จะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมกิจกรรมของสโมสรฟุตบอลและแบรนด์สินค้าของ “ซิตี้” ทั่วทั้งภูมิภาค และสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือการลงทุนในสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร่วมกับครอบครัวของ ดร. ทักษิณ ชินวัตร โดยกลุ่มทุนชั้นนำอย่าง อาบูดาบี ยูไนเต็ดกรุ๊ป เป็นสิ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ภูมิภาคตะวันออกกลาง และเป็นที่มั่นใจว่าการร่วมทุนกันครั้งนี้จะเป็นแรงจูงใจให้แฟนฟุตบอลนับล้าน ทั้งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและที่จะเพิ่มจำนวนอย่างมหาศาลทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย

รายละเอียดประกอบ

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท อาบูดาบี ยูไนเต็ดกรุ๊ป อินเวสต์เมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ ลิมิเต็ด

บริษัท อาบูดาบี ยูไนเต็ดกรุ๊ป อินเวสต์เมนท์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ ลิมิเต็ด เป็นกลุ่มบริษัทที่ตั้งอยู่ที่กรุงอาบูดาบี ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การลงทุน การให้บริการทางการเงิน การค้าและการทำธุรกิจทั่วไป การให้บริการสารสนเทศ การให้บริการและจัดอุปกรณ์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข การให้บริการเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน เช่น การติดตั้งและบำรุงรักษาถังน้ำมัน การสื่อสาร รวมถึงสื่อมวลชน การเป็นตัวแทนบริษัทต่างประเทศ การบริหารกิจการฟาร์มและการออกแบบภูมิทัศน์ การขายยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์ทางทหาร อุปกรณ์ทางการบิน และการบริหารการกำจัดของเสีย

ข้อมูลเกี่ยวกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ โดยตั้งอยู่ในเมืองแมนเชสเตอร์ โดยเริ่มต้นการเป็นสโมสรฟุตบอลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1880 ปัจจุบันเป็นสมาชิกของพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ สโมสรฯ ใช้สนาม “ซิตี้ ออฟแมนเชสเตอร์สเตเดี้ยม” เป็นสนามเหย้า (มีผู้เข้าชมโดยเฉลี่ย 42,000 คน ในฤดูกาล 2007/2008) และเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่เป็นอันดับที่ห้าของอังกฤษ และขณะนี้อยู่ภายใต้การบริหารของผู้จัดการสโมสรคนใหม่ มาร์ค ฮิวจส์ อดีตผู้จัดการสโมสรฯ แบลคเบิร์น ผู้ซึ่งมีประวัติที่โดดเด่นทั้งในฐานะผู้จัดการและนักฟุตบอล

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.