อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ฟอร์ ดีเวล็อปเมนต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ นับเป็นกลุ่มเงินทุนจากต่างประเทศรายล่าสุดที่เข้าฮุบกิจการสโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก หลังซื้อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อจาก พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนถึงเส้นตายตลาดซื้อ-ขายนักเตะเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กันยายนเพียงไม่นาน


การเข้าเทคโอเวอร์ของ ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม มหาเศรษฐีอันดับต้นของโลก ทำให้ แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนสถานภาพของตัวเองกลายเป็นสโมสรที่พร้อมทุ่มเงินคว้านักเตะระดับโลกทุกคนเข้ามาร่วมทีม และผลงานชิ้นแรกของพวกเขาก็คือการดึง โรบินโญ่ สตาร์ทีมชาติบราซิลจาก เรอัล มาดริด มาเสริมทัพด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติของอังกฤษถึง 32.5 ล้านปอนด์ (2,047.5 ล้านบาท) เลยทีเดียว


แต่ก่อนจะมาถึง อาบู ดาบี มีกลุ่มเงินทุนต่างชาติหลายรายที่เข้ามาซื้อสโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก เรามาไล่ย้อนหลังกันดีกว่าว่ามีใครกันบ้าง


แอสตัน วิลล่า - แรนดี้ เลอร์เนอร์ มหาเศรษฐีอเมริกัน เข้าเทคโอเวอร์ แอสตัน วิลล่า เมื่อเดือนกันยายน 2006 ด้วยเงิน 62.6 ล้านปอนด์ (3,943.8 ล้านบาท) หลังจากที่ถือครองหุ้นสโมสร 90 เปอร์เซ็นต์


เจ้าของ คลีฟแลนด์ บราวน์ส เข้ารับตำแหน่งประธานสโมสร วิลล่า ต่อจาก ดั๊ก เอลลิส ที่ตัดสินใจก้าวลงจากเก้าอี้หลังยึดครองมานานถึง 38 ปี


เชลซี - ในเดือนกรกฎาคม 2003 โรมัน อบราโมวิช โคตรเศรษฐีจากรัสเซีย ตกลงซื้อกิจการสโมสร เชลซี ซึ่งมีมูลค่าราว 60 ล้านปอนด์ (3,780 ล้านบาท)


อบราโมวิช จ่ายเงินไปหลายร้อยล้านให้กับสโมสรนับตั้งแต่ปี 2003 และช่วยให้ เชลซี เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยซ้อน รวมถึงแชมป์ฟุตบอลถ้วยในประเทศอีกหลายใบ


ฟูแล่ม - ในปี 1997 โมฮัมเหม็ด อัล ฟาเยด นักธุรกิจชาวอียิปต์ เจ้าของห้างสรรพสินค้า แฮร์ร็อด ในกรุงลอนดอน จ่ายเงิน 30 ล้านปอนด์ (1,890 ล้านบาท) เพื่อซื้อ ฟูแล่ม และเข้านั่งตำแหน่งประธานสโมสร หลังตกลงเข้าถือครองหุ้นส่วนใหญ่


ด้วยการสนับสนุนด้านการเงินทำให้ ฟูแล่ม สามารถซื้อสนาม คราเวน ค็อตเทจ ได้ด้วยราคา 7.5 ล้านปอนด์ (472.5 ล้านบาท) และเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดได้สำเร็จเมื่อปี 2001


ลิเวอร์พูล - แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 ซึ่งมองหาเงินอัดฉีดมาเป็นเวลา 2 ปีเพื่อช่วยทีมลุ้นแชมป์และสร้างสนามแห่งใหม่ ตกลงยอมรับการเทคโอเวอร์ของ ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ 2 เจ้าสัวชาวอเมริกัน มูลค่า 174 ล้านปอนด์ (10,962 ล้านบาท) เมื่อปี 2006


แชมป์ลีกอังกฤษ 18 สมัยเคยเจรจากับ ดูไบ อินเตอร์ เนชั่นแนล แคปิตอล (ดีไอซี) แต่กลุ่มเงินทุนจากยูเออีต้องถอยฉากเมื่อ ลิเวอร์พูล ขอเวลาเพื่อพิจารณาข้อเสนอ ยิลเล็ตต์ และในเดือนมีนาคม 2008 การเจรจาระหว่าง ฮิคส์ กับ ดีไอซี ต้องล้มเลิกไปเนื่องจากไม่สามารถตกลงกันได้ว่าใครควรบริหารสโมสร


ดีไอซี ซึ่งยื่นข้อเสนอถึง 400 ปอนด์ (25,200 ล้านบาท) เพื่อขอซื้อสโมสรแห่งเมอร์ซี่ไซด์ กล่าวว่า พวกเขา "มีการหารือที่คืบหน้า" กับเจ้าของร่วมสโมสร ลิเวอร์พูล แม้ว่าไม่มีการบรรลุข้อตกลงเรื่องราคาหรือจำนวนการถือครองหุ้นก็ตาม


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - ในเดือนกรกฎาคม 2007 พ.ต.ท.ดร. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการซื้อสโมสรด้วยเงิน 81 ล้านปอนด์ (5,103 ล้านบาท)


ทั้ง เควิน คีแกน และ สเวน-โกรัน อีริคส์สัน ต่างพยายามนำสโมสรก้าวไปสู่อีกระดับ แต่ก็ประสบความล้มเหลว โดยกุนซือชาวสวีดิชถูกปลดออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2008 หลังคุมทีมได้เพียง 1 ฤดูกาล ก่อนมีการดึง มาร์ค ฮิวจ์ส เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน


ล่าสุด อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ฟอร์ ดีเวล็อปเมนต์ แอนด์ อินเวสต์เมนต์ ประกาศเมื่อวันที่ 1 กันยายนว่า พวกเขาต้องการนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก้าวขึ้นไปเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพรีเมียร์ลีก


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ในเดือนสิงหาคม 2005 แฟนบอลต่างไม่พอใจ มัลคอล์ม เกลเซอร์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ที่เข้าเทคโอเวอร์สโมสรด้วยเงิน 790 ล้านปอนด์ (49,770 ล้านบาท) และมีการประท้วงในสนามสำหรับเกมในบ้านนัดแรกซึ่งมี โจเอล, อาวี และ ไบรอัน 3 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ เกลเซอร์ เข้าชมด้วย

เกลเซอร์ เผยว่าเขาได้เพิ่มจำนวนหุ้นใน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้สามารถเข้าควบคุมกิจการได้อย่างเต็มตัวในเดือนพฤษภาคม 2005 หลังจากใช้ความพยายามมากว่า 2 ปี


พอร์ทสมัธ - อเล็กซานเดอร์ กายดามัค เข้าควบคุมกิจการสโมสร พอร์ทสมัธ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2006 หลังจากที่ซื้อหุ้นที่เหลือจาก มิลาน มันดาริช ประธานสโมสร


สื่อมวลชนรายงานว่า มันดาริช ขายหุ้นของเขาให้กับ กายดามัค นักธุรกิจชาวฝรั่งเศสเชื้อสายรัสเซีย ในจำนวนเงิน 32 ล้านปอนด์ (2,016 ล้านบาท)


มันดาริช เข้ามามอบชีวิตใหม่ให้กับ พอร์ทสมัธ หลังเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 1998 โดยนำทีมเลื่อนชั้นจากเดอะแชมเปี้ยนชิพเมื่อปี 2003 และอยู่กับสโมสรในฐานะประธานกิตติมศักดิ์


เวสต์แฮม ยูไนเต็ด - ในเดือนพฤศจิกายน 2006 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตกลงรับการเทคโอเวอร์มูลค่า 85 ล้านปอนด์ (5,355 ล้านบาท) จาก เอ็กเกิร์ต แม็กนุสสัน ประธานสมาคมฟุตบอลไอซ์แลนด์และสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า)


เม็กนุสสัน เข้าเป็นประธานสโมสร เวสต์แฮม ต่อจาก เทอร์รี่ บราวน์ และเดือนธันวาคม 2007 บียอร์โกลฟูร์ กุ๊ดมันด์สสัน เจ้าของสโมสรชาวไอซ์แลนด์ ได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธาน "ขุนค้อน" แทน หลังจากซื้อหุ้น 5 เปอร์เซ็นต์จาก เม็กนุสสัน และลงทุนเพิ่มอีก 30.5 ล้านปอนด์ (1,921.5 ล้านบาท)
http://www.siamsport.co.th/Column/080909_037.html