Members

จบเกมสำคัญอีกนัดที่ผ่านไป ถือได้ว่าเป็นการทำตามเป้าหมายพื้นฐานของชาวซิตี้ แต่อาจเป็นความเศร้าของเดอะค๊อป



พูดก็พูดนัดนี้เป็นอะไรที่เหล่า กูรู ของสื่ออังกฤษต่างมั่นอกมั่นใจแม้แต่ เดอะตุ๊ก แห่งทรูวิชั่นยังบอกว่าท้ายที่สุดลิเวอร์พูลน่าจะเก็บชัย เพราะต้องมุ่งมั่นทำคะแนนไม่ให้โดนทิ้งห่างไปมากกว่าที่เป็นอยู่ (ก่อนแข่งคะแนนเป็นรองว่าที่แชมป ผีแดง ถึง 8 แต้ม) โดยที่เหล่าขุนพลเดอะบูลของแมนซิตี้โดนมองข้ามอย่างมากด้วยสถิติไม่แพ้ก็เสมอยันเตในเกมเยื่อน~


เกมในวันนี้ไม่ผิดความคาดหมายสำหรับการจัดตัวของแมนซิตี้ที่กระผมนาย Saber คาดว่าจะต้องเน้นเกมโต้กลับ เรียกได้ว่าผมอาจสื่อใจถึงกันกับลูกพี่ "มาร์ค" ได้แล้วล่ะมั้ง ? (ฮา~) เกมนี้เป็นการกลับมายืนกองหลังครั้งแรกในเกมลีคของกัปตันทีมตัวจริง ริชาร์ด ดันด์ และเขาก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง เขาพกพาความแข็งแกร่งกลับมาด้วย(แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบชั่วคราวแค่นัดนี้หรือไม่ !!! )


พูดถึง ริชาร์ด ดันด์ แล้วในปีนี้ต้องบอกว่าฟอร์มน่าใจหายเสียเหลือเกิน คงจะไม่เกินไปนักหากผมจะบอกว่า.......ปีนี้เป็นปีที่น่า อนาถ ของกัปตันทีมคนนี้เลยทีเดียว เพราะหากย้อนกลับไปดู 2 ปีล่าสุดก่อนหน้านี้ ริชาร์ด ดันด์ คือกองหลังที่มีความแข็งแกร่ง และจัดว่ามีฝีไม้ลายมือสูงคนหนึ่งในเกาะอังกฤษเลยทีเดียว.........หลายคนอาจสงสัยว่าแกขนาดไหนกัน ? ในกรณีนี้คงต้องขอยกคำพูดวิจารณ์ฟอร์มของ เดอะตุ๊ก คำนี้มาพูดเลยก็คือ แกร่งและเร็วยังกับซุปเปอร์แมน !!! แค่คำๆนี้ก็พอจะตีค่าความสามารถ ณ. เวลานั้นของกัปตันทีมของทีมแมนซิตี้ได้แล้ว (แม้การเอาไปเทียบกับซุเปอร์แมนจะเวอร์เกินไปก็ไม่ว่ากัน ฮา~)


กลับมาในเกมล่าสุด ต้องยอกรับว่าเกมแดนกลางผ่านไป 45 นาทีของครึ่งแรกเราเป็นรองโดยสมบรูณ์แบบ สถิติไม่โกหกใครด้วยการครองบอลของลิเวอร์พูลที่สูงถึง 61% นั่นบอกได้ว่าเกมการครองบอลของเราเป็นรอง แต่หากกระแสการบุกของลิเวอร์พูลมักจะเจอกำแพงแข้งแกร่งที่เพิ่งพ้นโทษแดงอย่าง ริชาร์ด ดันด์ ที่วันนี้คืนร่างกลับมาเป็นซุเปอร์แมนจำแลงกาย ช่วยชีวิตทีมไว้จากการเข้าบอลหนักหน่วง และการสกัดลูกกลางอากาศที่แม่นยำ แม้แต่การรับหน้าที่การประกบศุนย์หน้าระดับโลก "เฟอร์นันโด ตอเรส" เกมนัดนี้ผมกล้าพูดว่าหากไม่มีกัปตันทีมคนเก่ง ทีมเรือใบสีฟ้าอาจไม่ได้แม้แต่ 1 คะแนนกลับบ้านแน่นอน...........

และแน่นอนผมย่อมสนใจกองหลังกัปตันทีมคนนี้เป็นพิเศษในหลายๆแง่มุม แต่นัดนี้ผมเห็นความผิดพลาดราวๆ 2 ครั้ง และ 1 ในนั้นผมถือว่าเป็นเรื่องที่แม้แต่กองหลังระดับโลกอาจผิดพลาดได้เหมือนกัน ริชาร์ด ดันด์ เปิดเกมได้ไม่สวยหรูมากมายเมื่อปล่อยให้ ตอเรส เอาบอลลงแล้วพลิกจ่ายให้กับนักเตะไตรกีฬาอย่างเคร้าช์ แม้ท้ายสุดจะทำอะไรทีมเรือใบไม่ได้ก็จริง ส่วนอีกลูกผมเชื่อว่าต่อให้เป็น "ริโอ เฟอร์ดินาน" , "คาเลส ปูโยล" , "วอเตอร์ ซามูเอล" ซึ่งเป็นกองหลังคล้ายๆ ดันด์ ก็พลาดคับ(เพราะช้า) มันเป็นลูกช่วงท้ายเกมนาทีที่ 80(โดยประมาณ)ที่กำลังขาอ่อนล้า จึงประกบ เอลนิลโญ่ ของลิเวอร์พูลไม่อยู่ และล้มกลิ้งลงบนพื้นให้ศุนย์หน้าพระการควบเข้ากรอบเขตโทษไปซะ แม้จะทำประตูไม่ได้จากจังหวะนี้ก็ตาม

(รูปด้านบนนี้ยังกับพี่น้องเก๊กท่าถ่ายรูป)


เกมนี้เป็นช่วงเวลาบีบหัวใจแฟนๆเรือใบ เพราะเพิ่งบุกไปแพ้ทีมแจกแต้มอย่าง "ปอมปี" แล้วเกมนี้ยังต้องมาบุกรังหงส์แดงอีก.........โอกาสเพิ่มสถิติแพ้ 2 เกมติดเห็นอยู่รางๆ แต่ด้วยการกลับมาของ ริชาร์ด ดันด์ ทำให้วันนี้แผงหลังดูมีความเป็นระเบียบมากขึ้น ประกอบกับการที่มีผู้ช่วยคอยดุด่าอย่าง เชย์ กิฟเว่น ที่มีความกล้าที่จะสั่งการกองหลังมากกว่าประตูเด็กหนุ่ม โจ ฮาร์ท ทำให้เกมรับวันนี้ดูดีเป็นพิเศษ แต่กว่าจะได้เกมรับที่เป็นผู้เป็นคนงี้ก็ต้องเสียโควต้าเกมรุกไป 1 คนจากแดนกลาง เพราะอัดตัวตัดเกมถึง 3 คนทีเดียวอันประกอบไปด้วย ไนเจล เดยอง , แวงซอง กอมปานี , พาโบล ซาบาเรต้า โดยที่ทั้ง 3 คนทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แม้เกมรุกจะช้าลงไปมากเพราะแดนกลางบุกไม่ค่อยเป็น แต่เกมรับดุดันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับกุนซือเหนือเมฆ "ราฟาเอล เบนิเตส" ส่งลูกรัก "ลูคัส เลว่า" ทำให้เกมแดนหลางของลิเวอร์พูลดูจะติดๆขัดๆในบางจังหวะ และนั่นก็ทำให้เรายันเสมอไว้ที่ 0 - 0 ในครึ่งแรก บอกได้ว่าตามเป้าหมาย แม้จะเสียดายลูกของเหม่งที่ดันไปแปเบาๆเล่นทางทั้งที่ไม่มีทางให้เล่น (ลูกนั้นน่าจะซัดให้ เรน่า หน้าหงายซะหน่อย หุหุ)


เปิดมาครึ่งหลังนาที 49 แมนฯซิตี้มาขึ้นนำจนได้จากจังหวะที่โรบินโญ่แทงทะลุให้กอมปานีหลุดเข้าเขต โทษแต่ไม่มีจังหวะยิงเพราะหันข้างหาประตูและเจอเลว่าเบียดอยู่แต่อดีตแข้ง ฮัมบวร์กแตะคืนให้เบลลามี่วิ่งซัดในกรอบบอลแฉลบขาอาร์เบลัวพุ่งย้อยผ่านมือ เรน่าเสียบหน้าต่างเข้าไปสุดช็อก ซิตี้นำแล้ว 1-0 เป็นการทำประตูทีมเก่าของ"ถีบจักร"อีกด้วย หลังจากนั้นดูเหมือนลิเวอร์พูลจะไปไม่เป็นเอาดื้อ หรืออาจพูดว่าซิตี้ผ่อนคลายเนื่องจากทีมนำ แม้จะเสียประตูก็ยังเสมอ ทำให้แดนกลางรับ 3 คนเล่นง่ายและเริ่มตัดเกมได้มากขึ้นเป็นผลให้ทีมเราครองบอลเหนือกว่าชัดเจน


แต่แล้วเวลานานไปๆ ซิตี้ที่ครึ่งหลังมีเกมบุกแลกก็เริ่มส่งผลเสียให้เห็นเพราะแบ๊คทั้งซ้าย-ขวา เริ่มออกอาการล้าให้เห็น จะเห็นได้ว่า เบนายูน มักจะหลุดไปเปิดบอลทางฝั่งขวาของทีมเราได้บ่อยครั้ง ส่วนทางซ้ายยังไม่ค่อยมีปัญหาเพราะเกมนี้ โรบินโญ่ ที่มีข่าวแตกหักกับเพื่อนเนื่องจากความขี้เกียจและไม่ทุ่มเท ได้พยายามลบคำสบประมาทด้วยการลงลึกมาช่วยประคอง เวย์ บริด แถมยังมี เดยอง คอยช่วยซ้อนให้ ประกอบกับปีกขวาของลิเวอร์พูลวันนี้เล่นไม่ออกทำให้สบายไป


และแล้วนาที 78 ความเหนื่อยล้าของ ไมก้า ริชาร์ด ก็ส่งผล เขาปล่อยให้เบนายูนควบหนีไปถึงเส้นหลังได้ก่อนจะเปิดเข้าในให้เพื่อนจนเป็นประตูในที่สุด จังหวะนี้จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะกองหลังประกบตัวกันดีอยู่แล้ว จะพลาดก็ตรงที่ "ฮิวส์" ไม่ได้เปลี่ยนตัวนักเตะที่ออกอาการล้าวิ่งไม่ออกอย่าง "ไมก้า ริชาร์ด" ออก


แต่จากความเห็นของ กูรู Saber (ถือโอกาสยกระดับตัวเองซะ ~) มันเป็นเรื่องสุดวิสัยที่จะเสียประตู เพราะเมื่อมองไปยังรายชื่อในม้านั่งสำรองก็ไม่มีรายชื่อไหนที่จะไว้ใจได้เท่ากับผู้เล่นที่เล่นอยู่ในสนาม ไอเรื่องจะเปลี่ยนเอา "เอลาโน่ บูลเมอร์" มาลงเล่นเพียงเพราะความสดก็ใช่ที่ เพราะคงไม่มีผู้จัดการทีมไหนที่ต้องการอุดประตูแต่ดันส่งกองกลางตัวรุกลงมาเป็นแน่ หรือแม้การจะเอา "ฆาเบีย การิโด้" ลงมาเพื่อความสดแต่ก็ไม่แน่ว่าจะทำผลงานได้ดีเท่าแดนกลางตัวรับทั้ง 3 ที่ฟอร์มเด่นในวันนี้ เพราะงั้นก็ต้องบอกว่าซวยไป.........



ช่วงเวลาที่เหลือลิเวอร์พูลซึ่งมาพับสนามช่วงท้ายแต่ไม่เพียงพอเสมอกันไป 1-1 และเป็นการเสมอ 10 นัดในซีซั่นนี้รวมทั้งตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็น 7 แต้มส่วน"เรือใบ"ยังอยู่อันดับ 9 และยังไม่ชนะใครนอกบ้านนานถึง 5 เดือน แถมยังคงทำสถิติไม่ชนะใครนอกบ้านต่อไป (แ่ค่ไม่แพ้ก็น่าดีใจแล้ว หุหุ)


หลังจบเกมนี้แมนซิตี้จะได้พักอีก 4 นัดก่อนลุยกันใหม่อีกครั้งกับ "โคเปฮาเก้น" ที่เราบุกไปพลาด 3 แต้ม จากการเสมอ 2-2 แต่นัดนี้เชื่อว่าด้วยกำลังใจจากเกมการบุกไปเสมอลิเวอร์พูล+การได้เล่นในบ้าน เชื่อว่าหนทางรอบ 8 ทีมของถ้วยยูฟ่าคัพไม่น่ามีปัญหา จะมองไปก็เกมหน้าที่ต้องไปเจอ "ขุนค้อน" ซึ่งจะเป็นการจัดอันดับกันอีกรอบ หากเก็บ 3 คะแนนได้ย่อมเป็นการดี เพราะหลังจากนั้นต้องเปิดบ้านเจอกับทีมลุ้น UCL อย่าง "วิลล่า" และมีคิวไปเยือน "สิงบูล" ซึ่งน่าจะหนักกว่าการเจอกับ "เวสแฮม"


ออกมานอกสนามกันบ้าง ช่วงนี้พูดไปแล้วเริ่มมีเทรนฮิต ปลดผู้จัดการทีม ให้เห็นกันมากมาย ไล่ไปตั้งแต่ ประกาศออกเอง หรือแม้แต่ โดนปลดฟ้าผ่า และก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันเมามันส์ โดยล่าสุด เชลซีตะบะแตก ออกมาจวกกุนซือโบราณวัตถุอย่าง "เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" และ "อาแซง เวงเกอร์" โดยบอกว่าคงมีแต่บอร์ดที่บ้าและหัวโบราณเท่านั้นที่จะนั่งทนรอความสำเร็จที่ต้องใช้เวลา ซึ่งทีมเชลซีของเขา(บรูซ บัค ประธานบริหารสโมสรเชลซี)ต้องการความสำเร็จอย่างรวดเร็วโดยให้สัมภาษณ์กับเว็บสโมสร เชลซีว่า "ตอนนี้มีแต่คนพูดถึงเรื่องความต่อเนื่องในการเป็นผู้จัดการทีม และผมคิดว่าเราในฐานะบอร์ดบริหารและโรมัน (อับราโมวิช) เห็นว่าความต่อเนื่องเป็นแค่ผล(จากความสำเร็จ)เท่านั้น"


"ทุกคนมักจะเล็งไปที่อาร์แซน เวนเกอร์ของอาร์เซนอลและเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กุสันของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเรื่องที่พวกเขาทำผลงานได้ดีต่อเนื่อง กันมา แต่ฟุตบอลมันเดินหน้าไปมากแล้วและผมก็คิดถึงแต่ว่าอเล็กซ์ เฟอร์กุสันใช้เวลาตั้ง 4 หรือ 5 ปีกว่าจะคว้าแชมป์ซักรายการมาให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้"

"ผมคิดว่าวันนี้ฟุตบอลเปลี่ยนแปลงไปเยอะ มันไม่ใช่เรื่องที่รับไม่ได้หรอก ถ้าถึงตอนที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเปลี่ยนโค้ช พวกเขาก็คงจะคิดเหมือนกับเราแน่ ผมคิดว่าพวกเขาจะคงไม่ยอมตั้งหน้าตั้งตารอคอย 4 หรือ 5 ปีหรืออาจจะ 6 - 7 ปีเพื่อดูผู้จัดการทีมคนใหม่คว้าแชมป์มาให้ทีมได้หรอก"



จากการให้ข่าวครั้งนี้ยิ่งทำให้ความคิดเห็นต่างๆกับวงการฟุตบอลแบ่งออกเป็น 2 แบบ อย่างชัดเจน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ท้ายที่สุดก็จะไปตกกับผู้จัดการทีมอย่างแน่นอน

และดูเหมือน เทรนฮิต ก็เริ่มสงผลและสะกิดใจผู้จัดการทีมหนุ่มของทีมเรือใบสีฟ้า จะเห็นได้ว่าสีหน้าของเขา(ฮิวส์)จะแสดงได้ถึงความคาดหวังและความเป็นกังวลชัดเจน และแม้จะยังเหลือช่วงเวลาพิสูจน์ตัวในลีคอีก 12 นัด รวมถึงโอกาสกับถ้วยยูฟ่าคัพ แต่ก็ไม่มีใครกล้าบอกได้ว่าอนาคตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะเชื่อว่าผลงานนัดล่าสุดกับลิเวอร์พูลคงไม่สามารถลบล้างการพลาดเก็บแต้มสำัคัญหลายแต้มก่อนหน้านี้ได้แน่นอน จะเหลือก็แค่เดินหน้าลบล้างความผิดพลาดให้มากที่สุดเท่านั้น !!!

Views: 335

Reply to This

Replies to This Discussion

สงสัยต่อมความเป็นกุนซือของฮิวส์จะเริ่มผุดขึ้นมาทีละนิด แต่ยังไงก็เสมอ อุตส่านำไปแล้วแต่สุดท้ายต่อให้ฮิวส์หน้าด้านก็ต้านไม่อยู่

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.