Members

หนทางของJavier จาก"ไร้จุดเด่น" สู่ "สมบูรณ์แบบ" (Column)

ถ้าถามแฟนแมนซิตี้ที่พึ่งเข้ามาปีนี้ว่านี่คือ Javier Garrido พวกเขาคงมีเครื่องหมาย "???" เต็มหัว ว่า ไอ้หมอนี่คือใคร

ถ้าถามแฟนแมนซิตี้ ที่รู้จักเขาเมื่อปีที่แล้ว พวกเขาคงพร้อมใจกันชี้หน้าด่าว่า "ไอ้หมอนี่มันบ่อน้ำมัน"

ถ้าถามแฟนแมนซิตี้ ตั้งแต่ยุค สเวน โกรัน อิริคสัน.... เขาจะบอกว่า หมอนี่คือ "ดาวรุ่ง" ที่สเวนซื้อมาจาก Real Sociedad ในช่วงตอนอายุ 21ปี

บางคนอาจจะบอกว่าหมอนี่อ่อน ไร้สาระ เล่นก็ไม่ดี เป็นบ่อน้ำ แต่เราจะมาพูดถึงวันเก่าๆของ Javier กัน

Javier เล่นให้สโมสร  Real Sociedad ทั้งหมด 84 นัด ยิงได้ 1 ประตู 84นัดดังกล่าว เป็นการเล่นในนามของฟุตบอล La Liga Spain ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของประเทศสเปน โดยมีสถิติเฉลี่ยในการเล่นให้สโมสร 28 นัด ต่อฤดูกาล ซึ่งถือว่ามากโขทีเดียว สำหรับเขาเมื่อได้คิดว่า การเริ่มต้นกับสโมสรคือช่วงในอายุวัยเพียงแค่ 19 ปี เท่านั้น

มองดูอาจจะน้อย แต่กรุณาดูด้วยนะครับ... ทั้งสามฤดูกาล การิโด้ สามารถลงเล่นได้อย่างสม่ำเสมอทั้งสามฤดูกาลในสเปน ถ้าหมอนี่เล่นไม่ดี ทำไมจึงมีสถิติการได้รับเลือกให้ลงเล่นหรูหราขนาดนี้ละ? ทั้งๆที่ชื่อชั้นก็ธรรมดา น่าคิดดีนะ

ว่าแล้ว อาจเพราะด้วยเหตุผลนี้ หรือใดๆก็ตาม สเวน โกรัน อิริคสัน ก็ได้ทำการจ่ายเงิน 1.5 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวแบ็คซ้ายสัญชาติสเปนผู้นี้มาเป็นกรรมสิทธิของสโมสรทันที


พอมาดูฟอร์มการเล่นกัน ใครๆก็พากันพูดว่า "หมอนี่ธรรมดามากๆ" "ไม่มีอะไรเด่น" "บ่อน้ำมันชัดๆ"

พอมายุคของมาร์ค ฮิวจ์ ก็ยิ่งหนักขึ้นไปอีก เมื่อการิโด้รั่วขนาดหนัก จนครึ่งฤดูกาล ฮิวจ์ก็ซื้อบริดจ์มาใช้งานทันที แล้วหลังจากนั้น แบ็คซ้ายเลือดสเปนก็โดนดองเค็มตลอดกาล

แต่ไม่มีคำบ่นของเขา ไม่มีการออกมาให้คำพูดใดๆที่เป็นข่าว นอกจากข่าวลือว่าจะถูกโละทิ้งแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นสิ่งใดที่ส่อประเด็นมาจากตัวเขาเลย ทุกอย่างเงียบกริบ จนเหมือนตัวเขาได้ไร้ตัวตนไปจากสโมสรแล้ว... แต่ก็ยังอดทน ยังฝึกซ้อม และยังคงอยู่ในสโมสร

แต่เมื่อ มาร์ค ฮิวจ์ ออกไป การ์ริโด้ ก็ได้สัมผัสกับ "ผืนหญ้าแห่งความตื่นเต้น" บนพื้นสนามฟุตบอลเป็นครั้งแรก หลังจากร้างสังเวียนมานานเกือบปี

"โอกาส" มักจะมาหาแก่ผู้ที่ "อดทนรอ" เสมอ และเมื่อโอกาสมาถึง เขาก็จะคว้ามันเอาไว้โดยไม่ให้มันหลุดออกจากมือได้อีกเด็ดขาด

เมื่อก่อน นายแบล็กแจ็คก็เคยปรามาส Javier Garrido เอาไว้เช่นกัน ว่าเป็นบ่อน้ำมัน แต่เมื่อเห็นเกมส์ที่หมอนี่เล่นในแต่ละนัดแล้ว ได้แต่ยกนิ้วโป้ง แล้วพูดออกมาว่า "สุโค่ย"

บางคนอาจไม่รู้ บางคนอาจไม่เข้าใจ แต่คนที่ดูบอลแล้วดูทั้งสนาม ไม่ใช่ดูแค่คนครองบอล เขาจะพูดว่า "สุดยอด" แน่ๆครับ


จากแบ็คซ้ายบ่อน้ำมัน ในยุคของมาร์ค ฮิวจ์ ฤดูกาลที่แล้ว หมอนี่พลิกโฉมหน้ากลับมาเป็นแบ็คซ้าย Standardไร้จุดเด่น ที่ "ไม่พลาด" แม้แต่น้อย ต้องบอกว่า วินัยในการเล่นของหมอนี่ ยอดเยี่ยมมากทีเดียว แม้จะมีหลายจังหวะที่มีเกือบไปบ้าง แต่ก็ยังรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น


"ไร้จุดเด่น" ที่กล่าวถึงคือ "ไม่มีความเด่นในตัวเอง" นั่นเองครับ

พูดง่ายๆคือ เป็นมันหมดทุกอย่าง แต่ก็เหมือนกับเป็ด... ก๊าบๆ ไม่ได้เรื่องเลยซักอย่าง(ยกเว้นฟรีคิก)

แต่ไม่ใช่กับคราวนี้ครับ... เบสิคแน่น พูดได้คำเดียวจริงๆ


ลอนดอน โดโนแวน ที่เล่นไม่ออก กับ แอนโตนิโอ วาเลนเซีย ที่หมดปัญญาจะลากเลื้อย เป็นคำตอบที่ดีสำหรับคำว่า เบสิค แน่นจริงๆ

ไม่เข้าพรวด ไม่ผลีผลาม รักษาตำแหน่งและพื้นที่โซนรับของตัวเองเอาไว้ ทำเท่าที่ตัวเองจะทำได้ รักษาวินัย และมาตรฐานของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ทำตามหน้าที่ของตัวเองอย่างมีระเบียบวินัยที่สุดคนหนึ่งในทีม


อย่าลืมว่าหมอนี่พึ่งอายุ 24ปีเท่านั้น... 24ปีเองนะครับ และห่างเหินจากเกมส์มาหนึ่งปีได้แล้ว แล้วหมอนี่ก็เป็นหนึ่งในชุด "แชมป์" ของฟุตบอลยุโรป อายุต่ำกว่า19ปี ซึ่งสเปนครองแชมป์เป็นเจ้ายุโรปรุ่น U19 ได้สำเร็จ


บางทีนะครับ บางที...

"ไร้จุดเด่น" เพราะเก่งเหมือนเป็ด ก็อาจจะพัฒนาตัวเองให้กลายเป็น "สมบูรณ์แบบ" เพราะสามารถทำได้ทุกอย่าง เช่นกัน

ยิ่งบวกกับความอดทนอดกลั้นในความเป็นมืออาชีพ และวินัยในการเล่นแล้ว บอกตามตรง นักเตะประเภทนี้ ดีกว่านักเตะจอมขยัน แต่ชอบวิ่งหลุดตำแหน่งเสียอีก


เมื่อสมัยก่อน เปาโล มันดินี่ เคยได้ถูกกล่าวขานเล่าลือว่าเป็นแบ็คซ้ายที่เยี่ยมยอดที่สุดคนหนึ่งในโลก ภายใต้ฐานะ "สมบูรณ์แบบ" ในเกมส์รับ บางที ถ้ามันชินี่ยังให้โอกาสการ์ริโด้ต่อไปเรื่อยๆ และการ์ริโด้ยังรักษาความเป็นมืออาชีพของตนเองเอาไว้ได้

บางทีนะครับ เขาอาจจะกลายเป็นแบ็คซ้ายที่เจิดจรัศส่องแสงยิ่งกว่าใครก็ได้ ใครจะไปรู้?

Views: 336

Reply to This

Replies to This Discussion

ผม ติดตามมาตลอด ยังจำ ลุกปั่นฟรีคิกยิง หง (นัดแพ้ หง ใน บ้านได้ดี)

เห็นด้วยกับคุณพู่ครับ จากบ่อน้ำมัน ที่เกือบ รึเรียกได้ว่า หมดอนาคต ในถิ่นซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์

แต่กลับได้รับโอกาส และทำผลงานได้ดี ในยุค มันชินี่(ทั้งที่ไ่ม่ได้ลงมานาน)


ถือว่า สุดยอดแล้วครับ ขอให้ทำผลงานใหดีขึ้นต่อไปเืรื่อยๆนะครับ การิิโด้
เห็นด้วยกับพี่มีนครับ ถ้าให้โอกาศลงเล่นบ่อยๆฝีมือคงพัฒนามากกว่านี้
คุณ Black Jack13th เขียนได้ดีและได้ตรงประเด็นมากๆ ครับ

สำหรับผมเห็นการิโด้ลงนัดแรกตั้งที่ได้เล่นให้เรือใบ ยุคแรกๆของสเวน มักจะส่งลงมาในตำแหน่งปีกซ้ายช่วงท้ายเกมส์

ถ้าจะพูดง่ายตำแหน่งเดิมเลยที่มันชินี ให้การิโด้ลงนัดแรก แต่ตามตำแหน่งอาชีพคือแบ็คซ้าย

การิโด้ เริ่มการให้สัมภาษณ์(ก่อนโดนดองเค็ม) ว่าเค้ามาแรกๆ ก็ไม่เข้าใจสไตล์บอลอังกฤษ แต่เริ่มพัฒนาเข้าใจจังหวะของพรีเมียร์แล้ว

และหลังจากนั้น การมาของ บริด ก็หมดเวลาโชว์ของการิโด้ ฮิวส์คงตั้งใจจะตัดเค้าทิ้งออกจากทีม จึงเอา ซินวินโญ่ เข้ามา

การิโด้ มีทักษะด้านการเปิดบอล ทักษะการยิงฟรีคิกที่ดี มันชินีและสเวนเห็น(แต่ฮิวส์ไม่เห็น) จึงได้ส่งลงท้ายเกมส์ในตำแหน่งปีก

โดยเป็นจุดเด่นของแบ็คชั้นดีอยู่แล้วที่มีจุดนี้ เพียงแต่้เพิ่มความแข็งแกร่งในเกมส์รับเท่านั้น ก็จะทำให้มีความสมดุล

ปัจจุบัน การิโด้ ได้ลงทุกนัดตั้งแต่มันชินีคุมทีม ผมเชื่อว่าถ้าการิโด้มีความมั่นใจมากขึ้น เพื่อนก็คงยอมรับไม่งั้นลูกเจอวูฟล์ คงไม่ให้ยิงฟรีคิก

เค้าจะเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นแบ็คซ้ายตัวสำรองชั้นดี หรืออาจจะถึงขั้นตัวจริงในยุคแมนชิตี้คว้าแชมป์ลีคก็เป็นได้
นัดที่เจอแมนยูพลาดไปหนึ่งจังหวะที่เอฟราเปิด ตามจริงเบลลามี่ไล่อยู่ก็จริงแต่ก็ต้องไปรองเบลลามี่ด้วยดิ แถมบังลูกเปิดไม่ได้อีกแต่คงจะไม่เห็นอีกนะ
ที่จริงลูกนั้น เบลลามี่ทำ การิโด้ เสียจังหวะครับ


ถ้าเบลลามี่ไม่เข้า การ์ริโด้ จะวิ่งเข้าไปปิดมุม และถึงจะเปิดไปในจังหวะนั้นก็ไม่มีอะไรสำคัญ เพราะบุกขึ้นมาเร็ว ทำให้กองหน้ายังเติมขึ้นมาไม่ทัน แต่วาเลนเซียแตะหลบเบลลามี่ได้ ทำให้การิโด้ต้องรีบไปรองต่อโดยไม่ทันตั้งตัวมากนัก และเป็นจังหวะที่รูนี่วิ่งสอดขึ้นมาได้พอดี นั่นทำให้วาเลนเซีย ล็อคจังหวะนึง แล้วส่งบอลไปให้รูนี่ครับ
ตอนแรกๆ ที่เห็นหมอนี่ลง ผมก็หยี้นะครับ
แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเขากำรังอยู่ในฟอมร์ที่ดีจริงๆ
ฮิวนี่วีรกรรมเยอะจริง
แน่นอนที่สุด
และยังมีอีกมาก
จุดเด่นของเขาคือลูกตั้งแตะ แตะได้โค้งมากเลยครับ ^^
ผมคิดว่าเล่นได้ดีระดับหนึ่งแต่เกมรุกยังช่วยได้ไม่มาก ที่แน่นอนตอนนี้เจ้าตัวกลับมามีความมั่นใจแล้วและทุกอย่างมันก็จะไปด้วยดีแน่นอน พูดได้เต็มปากคือเกมรุกไม่เท่าไหร่ความเร็วก็งั้นๆ แต่ที่พัฒนาคือจังหวะ การเข้าบอลแต่ละครั้งคือเข้าให้ขาด แม้จะวิ่งช้าแต่ทุกการกลิ้งไปของลูกบอลมีจังหวะของมัน ถ้าค้นพบแล้วจัดการได้นั่นล่ะยอดนักบอล
ใช่ครับ เกมส์รุก็ไม่เท่าไหร่เลย ความเร็วก็งั้นๆมาก


เกมส์รับในตอนนี้ก็ยังถือว่าไม่เหนียว


แต่ทุกอย่างคือ เบสิค ไงครับ... ผมถึงตั้งคอลัมน์นี้ขึ้นมา เพราะว่า "ทุกอย่างของการ์ริโด้" ยังงั้นๆอยู่ แต่ยกความเป็นมืออาชีพของเขา และฟอร์มการเล่นสำหรับเกมส์รับซึ่งดีผิดหูผิดตามาพูดถึง


ผมคิดว่า ถ้าการ์ริโด้ ฝึกเบสิคธรรมดาพวกนี้จนชำนาญ สุดท้ายแล้ว ต่อให้เขาช้ายังไงก็เถอะ แต่ก็ยังมีสิ่งที่ทดแทนมาได้ กองหลังไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วขนาดนั้นหรอกครับ ที่สำคัญสำหรับฟูลแบ็ค ที่จริงแล้วผมไม่คิดว่าเป็นความเร็วที่ทำให้เติมเกมส์ดีๆเลย แต่เป็นการรู้จักจังหวะของตนเองมากกว่า

ผมเชื่อว่า ถ้าการ์ริโด้พัฒนาตัวเองจนถึงจุดๆนึง ที่เขาสามารถเข้าใจถึงตำแหน่งตัวเองอย่างถ่องแท้ระดับนึงแล้ว เขาจะมีชื่อติดเป็นยอดแบ็คซ้ายอันดับต้นๆของยุโรปแน่นอนครับ ซึ่งคงไม่นานเกินรอหรอก ถ้าการ์ริโด้ยังรักษามาตรฐานของตัวเอง และได้ลงเล่นสม่ำเสมอ โดยมีปีกและกองกลางที่เก่งกาจ คอยรับบอลที่ต่อยอดจากปลายเท้าเขาไปครับ


ที่ผมเชื่อน้ำยาการ์ริโด้ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกครับ เพราะว่าผมเองก็คิดเหมือนกัน คนที่ได้ลงในลาลีก้า เฉลี่ย 28นัดต่อฤดูกาลติดต่อกันสามฤดูกาลติด ทั้งๆที่เป็นแค่ดาวรุ่งอยู่ ต้องมีดีอยู่ในตัวแน่นอนครับ เพียงแต่ว่าเขายังเป็นดาวรุ่งอยู่ และตอนฮิวจ์เข้ามา ทำให้พัฒนาการของเขาหยุดลง แต่เขายังมีความเป็นมืออาชีพพอที่จะอดทนจนถึงเวลานี้ได้ และยังพัฒนาเกมส์รับของตัวเองมาได้ถึงขนาดนี้ทั้งๆที่ร้างสนาม ทำให้ผมรอคอยการพัฒนาขั้นต่อไปของเขาอย่างใจจดใจจ่อเลยครับ


โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าเขาเล่นดีกว่าบริดจ์เลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ ในแง่ของเกมส์รับ ทำให้เรื่องตำแหน่งฟูลแบ็คซ้ายคนใหม่ หายไปจากหัวผมเลย อยากให้การ์ริโด้พัฒนาขึ้นและพิสูจน์ตัวเองยาวๆครับ
ส่วนตัวก็ชอบอยู่เหมือนกันครับ แต่ชอบ เวน บริด มากกว่า

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.