Members

คอลัมน์::Manchester ''Chinese'' City



     รอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก นั่นคือการซื้อหุ้น 13% ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยกลุ่มทุนธุรกิจเมืองจีนสองกลุ่ม ด้วยวงเงิน 265 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 13,000 ล้านบาท !!!
 

        นี่มากกว่า 3 เท่าที่ ชีค มานซูร์ จาก อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ซื้อจากคุณ ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2008


        กลุ่มทุนธุรกิจจากจีนทั้งสองกลุ่มคือ Chinese Media Capital (CMC) และ Citic Capital


        กลุ่มทุนแรกคือบริษัทผู้ผลิตสื่อรายใหญ่ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลจีน ซึ่งปัจจุบัน เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ฟุตบอลอาชีพของจีนหรือ ไชนิส ซูเปอร์ลีก, ดูแลลิขสิทธิ์สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศจีน ดูแลสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลลีกมหาวิทยาลัยของจีน (เป็นที่นิยมมากระดับสมัครเล่น)


        กลุ่มทุนสอง Citic Capital คือสถาบันทางการเงินชื่อดังของเมืองจีนที่มีทุนกว่า 5 พันล้านปอนด์        


        ไม่ระบุยืนยันว่ากลุ่มไหนถือหุ้นใน 13% มากกว่ากันหรือจำนวนเท่าไหร่ แต่ทั้งสองกลุ่มจับมือกันระดมทุนซื้อหุ้นจำนวนนี้


        ประเด็นคือ...นักลงทุนจากจีน มองเห็นโอกาสอะไรในการขยายตลาดการค้าในธุรกิจฟุตบอลอาชีพ


        1 รัฐบาลจีน ภายใต้การบริหารของท่านประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง สนับสนุน CMC อาจกล่าวได้ว่ารัฐน่าจะมีหุ้นในกลุ่มทุนกลุ่มนี้แน่นอน และเมื่อสนับสนุนธุรกิจแขนงนี้ นั่นหมายถึงการขยายและเพิ่มโอกาสทางการค้ากับฟุตบอลอาชีพ


        เปิดตลาดให้ฟุตบอลอาชีพในเมืองจีนเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม


        ที่สำคัญ เมื่อหัวส่ายหางย่อมกระดิก...ด้วยเพราะท่านประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เป็นแฟนฟุตบอลตัวยง และอยากเห็นฟุตบอลในเมืองจีนเป็นอาชีพมากขึ้น เป็นธุรกิจที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนไม่ต่างจากธุรกิจสาขาอื่นๆ


        เพราะกีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ


        ด้วยประชากรเป็นพันล้านทั้งประเทศชื่นชอบกีฬาหลากหลายชนิด คนจีนจึงมีตัวเลือกมาก หลายชนิดเป็นแชมป์โลก...แต่ทำไมฟุตบอลจีน จึงไม่ก้าวหน้า แม้กระทั่งเบอร์ 1 ของเอเชีย ยังทำไม่ได้ ทั้งที่พวกเขาคือชาติมหาอำนาจทั้งทางเศรษฐกิจ, การเมือง รวมทั้งกีฬาชนิดอื่นๆ


        ต่อภาพการลงทุนครั้งนี้หลายคนคงนึกถึงบางอ้อ...ว่าเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ท่านประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง และคณะรัฐบาลจีนเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักร และได้พบกับนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ซึ่งเป็นแฟนแอสตัน วิลล่า


        นอกเหนือจากการเจรจาทุกเรื่องราว เชื่อว่าทั้งเศรษฐกิจ, การเมือง กีฬา น่าจะเป็นหัวข้อที่สนทนากันอย่างถูกคอ ที่สำคัญท่านประธานาธิบดี สี เดินทางไปเยี่ยมชมสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยมีหลักฐานเป็นเซลฟี่ กับ กุน อเกวโร่ และ นายกฯ คาเมรอน ในเอติฮัด สเตเดี้ยม


        ถึงวันนี้...ชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลจีน หนุนหลังกลุ่มทุนกลุ่มนี้ชัดเจน และไม่แปลกอะไรที่ CMC กับ Citic Capital จะไปซื้อหุ้นแมนฯ ซิตี้ ซึ่งบริหารโดย City Football Group หรือ CFG จำนวน 13%


        การไปเยือนอังกฤษเมื่อเดือนตุลาคมน่าจะเป็นการตรวจสอบเพื่อให้เห็นจริงเป็นขั้นตอนสุดท้ายเพราะก่อนหน้านี้ กลุ่มทุนของจีนทั้งสองกลุ่มเจรจาและทำงานเรื่องรายกฎหมาย, สัญญา กันกว่า 6 เดือน กว่าจะลงตัวเมื่อปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา


        2 จากข้อแรกที่รัฐบาลจีนสนับสนุน...มันก็สอดคล้องกับการที่จีนต้องการเปิดตลาดและหาโอกาสในการพัฒนาธุรกิจโดยใช้แมนฯ ซิตี้ เป็นตัวเชื่อมต่อ ที่สำคัญ CFG ของแมนฯ ซิตี้ นั้นมีเครือข่ายทั่วโลก ในทวีปใหญ่


        นิวยอร์ก ซิตี้ เอฟซี ที่สหรัฐอเมริกา ทีมพันธมิตรของแมนฯ ซิตี้


        โยโกฮาม่า มารีนอส ในเจลีก


        เมลเบิร์น ซิตี้ ที่ออสเตรเลีย


        สิงคโปร์ สปอร์ต กรุ๊ป ที่สิงคโปร์


        ฐานที่มั่นของพวกเขาที่ปักกิ่ง       


        อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป ที่ ดูไบ


        การขยายตลาดการค้าเรื่องฟุตบอลไปพร้อมกันกับธุรกิจ ที่มองแบบนี้เหมือนการยึดครองพื้นที่ส่วนสำคัญเอาไว้ หรือยึดตลาดเอาไว้ก่อนที่ใครมาจับจอง นี่คือสิ่งที่ปฏิเสธและหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าเมืองจีนรุกหนักจริง


        3 พัฒนาและยกระดับฟุตบอลภายในให้ก้าวหน้า ตอนนี้ถือว่าลีกของจีนยังเป็นอันดับ 4-5 ในเอเชีย ภายใต้ภาพรวม แต่ที่มีการพัฒนาอย่างก้าวหน้าคือ กว่างโจว เอเวอร์กรานเด้ ที่คว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่สองในรอบ 3 ปี ล่าสุดจากการล้ม อัล อาห์ลี ทีมที่ ชีค มานซูร์ เจ้าของแมนฯ ซิตี้ ถือหุ้นใหญ่อีกต่างหาก


        กว่างโจว มีงบทำทีมปีละ 2,500 ล้านบาท โดยประมาณ ทีมนี้สนับสนุนโดยกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ ยักษ์ใหญ่ในเมืองจีนอย่าง เอฟเวอร์กรานเด้ กับ อาลีบาบา กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจ อี คอมเมิร์ซ ชื่อดังที่มีเจ้าของเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองจีนอย่าง แจ็ค หม่า


        กว่างโจว น่าจะเป็นตัวแทนนำร่องให้ทีมในเมืองจีนตามหัวเมืองใหญ่ยักษ์เดินตามแน่นอน ทั้งที่ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, เหอหนาน และอีกมากมายหลายเมือง ช่วยกันต่อสู้แข่งขันทั้งทางธุรกิจและฟุตบอล นั่นจะทำให้บอลจีนภายในแข็งแรง มั่นคง


        จากนั้นทีมชาติจีนจะแข็งแกร่งขึ้นตาม


        นั่นคือผลประโยชน์สูงสุด...ที่คนทั้งชาติได้จากธุรกิจฟุตบอลเติบโต มั่นคง มั่งคั่ง บอลภายในเยี่ยม และทีมชาติจะสุดยอดในอนาคตไม่นานนับจากนี้


        หมากเกมนี้ของรัฐบาลจีน...กับ แมนฯ ซิตี้ ต่างฝ่ายต่างชนะด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครชนะข้างเดียว มันคือ วิน-วิน เกม


        แมนฯ ซิตี้ ได้ประโยชน์อย่างแน่นอนจากการที่นักธุรกิจจีนมาร่วมลงทุน...เพราะตอนนี้ในเมืองจีนนั้นพรีเมียร์ลีกอาจดังไปทั่วแต่ไม่ใช่ที่จีน เพราะที่จีนยังยึดติดกับบอลสเปน, อิตาลี อยู่ โดยเฉพาะเรอัล มาดริด คือทีมขวัญใจชาวจีน ไม่ใช่ แมนฯ ยูฯ, ลิเวอร์พูล


        แบรนด์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะโด่งดังและขยายฐานที่มั่นในเมืองจีนอย่างไม่ต้องสงสัย


        สัดส่วนประชากรในเมืองจีนนี่...ก็เท่ากับทวีปๆ หนึ่งได้เลย ถ้ายึดตลาดที่นั่นได้ แบรนด์ แมนฯซิตี้ ก็จะแข็งขึ้น


        มองในภาพธุรกิจ การร่วมมือครั้งนี้ส่งผลสะท้านทั้งวงการแน่นอน...มองในภาพฟุตบอล แมนฯซิตี้ ได้ประโยชน์ทั้งการสร้างแบรนด์ด้วยเม็ดเงินมหาศาล และต่อไปคือการเพิ่มฐานแฟนบอลของตัวเอง อันส่งเสริมต่อการพัฒนาแบรนด์ แมนฯ ซิตี้อย่างไม่ต้องสงสัย


        แค่ 13% ที่กลุ่มทุนจากจีนไปซื้อหุ้นเม็ดเงิน 265 ล้านปอนด์ จะทำอะไรต่อจากนี้


        วิธีการปั่นแบรนด์ง่ายๆ ตามความเข้าใจของคนทั่วไปสำหรับทีมบอลคือการทุ่มซื้อนักเตะระดับโลกมาเสริมทีม


        ดังนั้นข่าวลือที่เล็ดลอดออกมาว่า ลิโอเนล เมสซี่ จะมาร่วมทีมแมนฯ ซิตี้ ด้วยอัตราค่าจ้างสัปดาห์ละ 800,000 ปอนด์ หรือ 7 วันได้เงิน 45 ล้านบาท นั้นมีแนวโน้มเป็นไปได้


        ซื้อนักเตะแล้ว...การซื้อโค้ชเพื่อมาสร้างความสำเร็จเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องทำ มานูเอล เปเยกรีนี่ ไม่น่าจะเป็นหนึ่งในความสำเร็จนั้น เพราะเวลานี้แมนฯ ซิตี้ ทำได้แค่แชมป์ภายใน ลุ้นแชมป์ลีก แต่เมื่อไปเตะบอลสโมสรยุโรป พวกเขาก็แป้ก...ไปไม่ถึงระดับที่ บาร์ซ่า, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค ยืนอยู่


        ดังนั้นถ้า..ข่าวลือเรื่อง เมสซี่ หลุดออกมา ข่าวของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ผมเคยเขียนถึงเมื่อหลายวันก่อนนั้น มีโอกาสเป็นไปได้


        การแท็กทีมของ เป๊ป กับ เมสซี่ รอบสองที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้


        ลองนึกภาพดู !!!


        ภาพของ เป๊ป ว่าจะอยู่บาเยิร์น มิวนิค ต่อหรือไปที่อื่นๆ นั้นต้องรอวันที่ 19 ธ.ค. ซึ่งบอร์ดบริหารเสือใต้ น่าจะคุยเรื่องสัญญาฉบับใหม่กับ เป๊ป ซึ่งผมดูแล้ว...เขาไม่น่าจะทำงานต่อนะครับ ความท้าทายเดียวคือ เสือใต้ จะเป็นแชมป์ชปล. ได้หรือไม่ เพราะในลีกน่าจะง่าย


        ถ้า เมสซี่ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จริง การสร้างแบรนด์ของพวกเขายิ่งง่ายขึ้น ด้วยการใช้เงินที่ได้จากหุ้น 13% แล้วไม่ผิดกฎการซื้อขายของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปอีกด้วย เพราะนี่คือรายได้ของสโมสร ไม่เกี่ยวกับเงินในกระเป๋าเจ้าของทีม


        เงินที่ได้จากกลุ่มทุนจีน นำมาใช้ซื้อ เมสซี่ กับ เป๊ป ด้วยจำนวนที่ไม่มากมายอะไร มันเหมือนกันกับลงทุน สร้างแบรนด์ เพิ่มมูลค่าให้กับทีม แค่ขายเสื้อแมนฯ ซิตี้ สีฟ้า นี่ก็รับเละแล้ว แค่ขายในเมืองจีนที่เดียวนะครับ ไม่รวมส่วนอื่นๆ ของโลก


        เงินจะกลับเข้ามาหาพวกเขาอีกบานตะไท...


        ย่างก้าวที่น่าติดตามในโลกธุรกิจของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าสนใจในแง่ที่ว่าพวกเขาจะสร้างแบรนด์ ตัวเองให้ยกระดับมาเทียบเท่าแมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล หรืออาจมองข้ามไปถึงการยกระดับเท่ากับ เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า, บาเยิร์น มิวนิค ได้เร็วขนาดไหน


        หรืออาจไม่ได้เลย...ซึ่งผมคิดว่าอย่างหลังนี้คงเป็นไปได้ยากนะครับ

JACKIE

////////////////////////////////////////////////////

cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย  www.mcfc.in.th

Views: 1107

Reply to This

Replies to This Discussion

เพราะกีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ เยี่ยมมากจริงๆครับ การตีตลาดจีน ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีประชาการมาก โดยได้รวมกำลังจากกลุ่มทุนบริหารจากจีนเจ้าบ้านมาร่วมลงทุนด้วย 13% ถือว่าไม่มากไม่น้อย แต่ผลที่ได้มหาศาล แต่ที่สำคัญห้ามขาดช่วงคือการพัฒนาทีมนักเตะต่อไป เพราะถ้าผลงานดีก้อจะช่วยให้น่าติดตาม แฟนบอลก็จะเพิ่มขึ้นไปโดยปริยายนั่นเอง เยี่ยมมากครับแผนการครั้งนี้ แมนซฺตี้ จงเจริญ

..บ๊าย บาย เปเญ่ !

ย่างก้าวที่น่าติดตามในโลกธุรกิจของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าสนใจมาก

รัฐบาลจีนสนับสนุนยังงานนี้คิดดูเอาเองก็แล้วกัน

เห็นนัดล่าสุดไม่รู้ว่าผู้ถือหุ้นจีนจะคิดอย่างไร

ทีมเราไม่อาจเทียบเท่าเรอัล บาซ่า หรือ บาเยินได้เรยยย..........................................เพราะเราต้องเหนือกว่าาา 555

ท่าน คัลดูน อัล มูบารัค ครับ

นอกสนามท่านเก่งครับ

ในสนามก็ต้องเก่งด้วยถึงจะไปรอดครับท่าน

กรุณาไล่เปเญฯก่อนที่จะทู่เรศ เอ๊ย Too late สายเกินไปครับ

ผมกลัวผลงานในสนามมากกว่า ไม่งั้นเสียหน้า ยังไงปีนี้ต้องแชมป์สถานเดียวแล้ว ไม่มีทางเลี่ยง

เปเญฯไม่เหลือเจิดให้ลื่มล้มแล้วน่ะสิ

จริงๆ ขอไปดูแมนยู แต่อังกฤษจัดให้มาดูแมนซิ... เลยติดใจซะ ว่างั้น!?

ของดีไม่ต้องกลัวขายได้อยู่แล้ว 5555++

อีกหน่องคงไปทั่วโลกครับ

คนเขาสมองดี

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.