Members

แรกเริ่มเดิมทีนั้น ชมรมนี้ ถูกก่อตั้งโดยผู้หญิงที่ชื่อว่า Anna Connell ลูกสาวของพระ ในโบสของตำบล กอตัล(Gorton) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองManchester โดยวัตถุประสงค์แรกเริ่มเดิมทีนั้น เพื่อที่จะเป็นการสร้างกิจกรรมให้กับเหล่าชายหนุ่มในท้องที่เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาเรื่องการติดเหล้าและ ความรุนแรง ในตอนแรกนั้น ได้ตั้งขึ้นมาเป็นสมาคมคริกเก็ตประจำโบสขึ้นมา ในปี คศ1879(ไม่น่าเชื่อใช่ไหมละ) แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยประสบผลสำเร็จซักทีเดียวนัก แต่ทว่าAnna Connell หญิงแกร่งผู้นี้ก็ไม่ยอมแพ้ ,ด้วยความช่วยเหลือของโบส ,wardens William Beastow และ Thomas Goodbehere พวกเขาร่วมมือกันสร้างทีมฟุตบอลเล็กๆทีมหนึ่ง ในนาม “เซนต์ มาร์กส์ (เวสต์ กอร์ตัน)”

การแข่งขันครั้งแรกของ เซนต์ มาร์กส์ นั้น เกิดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม 1880 โดยแข่งกับทีมประจำโบสอีกทีม ที่ชื่อว่า Macclesfield (หาผลการแข่งขันไม่ได้ครับ) ต่อมาในปี 1884 เซนต์ มาร์กส์ ได้ทำการรวมทีมกับ ทีมที่ชื่อว่า Gorton Athletic แต่ทว่าก็อยู่กันได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น พวกเขาก็แยกทีมกัน โดยทีมเซนต์ มาร์กส์ นั้น ได้ใช้ชื่อย่างเป็นทางการว่า
Gorton A.F.C ในขณะที่ ทีมGorton Athletic ใช้ชื่อว่า West Gorton Athletic

ในปี 1887 Gorton A.F.C ได้ปรับเปลี่ยนทีมให้กลายเป็นทีมฟุคบอลมืออาชีพ และได้ย้ายสนามใหม่ ไปยังสนาม Hyde Road และได้ทำการเปลี่ยนชื่อตนเองหลังจากการย้ายสนาม ไปเป็น "Ardwick A.F.C." (Ardwick อยู่ทางตะวันออกของเมืองManchester )
Ardwick ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในปี คศ 1891 โดยชนะเลิศในรายการManchester cup โดยการเอาชนะทีมอย่าง Newton Heath ไป 1-0ในรอบสุดท้าย ชัยชนะที่มีเหนือ Newton Heath นี้เองที่ทำให้ สมาชมฟุตบอลอังกฤษ หรือ FA ยอมรับทีมอย่าง Ardwick เข้าเป็นสมาชิก ในฤดูกาล 1891-92 ในปี 1892 และ Ardwick ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งของ Division Two

ผมไม่รู้ว่าจะมีใครที่เชื่อเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือ พรหมลิขิตอะไรพวกนี้หรือไม่ แต่ดูเหมือนว่า มันจะเป็นเรื่องจริงสำหรับทีมอย่างArdwick ทีเดียว
เพราะภายหลังนั้น (1902)ทีม Newton Heath ประสบปัญหาเรื่องเงินอย่างมาก โดยมาหนี้ทั้งสิ้น£2500 ทีมล้มละลายจนแทบเกือบต้องปิดสโมสร แต่เหมือนฟ้ายังมีตา Newton Heath ได้ นักลงทุนที่ชื่อ J. H. Davies มากอบกู้สถานะการ, และได้ทำการเปลี่ยนชื่อทีม จาก Newton Heath กลายเป็น

อย่างไรก็ตาม ในปี1893-1894 Ardwick ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก และได้ทำการรื้อระบบอย่างมโหราฬ และได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น Manchester city และกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนในวันที่ April 16, 1894
หลังจากประสบปัญหาจนต้องเปลี่ยนชื่อทีมนั้น Manchester city ก็สร้างความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อได้แชม Division two ในปี 1899 ทำให้Manchester city เลื่อนขั้นขึ้นมาเล่นในฟุตบอล ดิวิชั่น1ของอังกฤษเป็นครั้งแรก ก่อนที่จะสร้างชื่อเสียงอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมFA cupในปี April 23, 1904 ด้วยการเอาชนะ Bolton ไป 1-0 ที่ Crystal Palace
อย่างไรก็ตามภายหลังปีแห่งชัยชนะ Manchester cityก็ถูกโจมตีด้วยข้อกล่าวหาในด้านความโปร่งใสทางการเงิน และท้ายที่สุด Manchester city ก็ต้อง ปล่อยตัวผู้เล่นเป็นจำนวนถึง 17คน! ในปี1906 และหนึ่งในนั้นก็รวมถึง นักเตะในตำนานของcity อย่าง Billy Meredith ไปด้วย แต่อะไรก็ทำให้แฟนๆต้องเศร้าไปกว่า การที่นักเตะที่ถูกปล่อยตัวมาเหล่านั้น หันกลับไปเข้าทีมคู่แข่งฟ้าประทานอย่างManchester United และก็เป็นนักเตะเหล่านี้เองที่ช่วยสร้างรากฐานให้กับความสำเร็จของทีมMan Uในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม Billy Meredith ก็กลับมาเล่นให้City อีกครั้งในปี1924
และเป็นนักเตะที่ได้รับเกียรติ์ ติดชื่อใน Hall Of fame ที่สนาม City Of Manchester ด้วยสถิติ ลงเล่นให้city 390ครั้ง และสามารถทำประตูได้ทั้งสิ้น 150ประตู(แต่ตอนนายคนนี้ไปเล่นให้ man u เขายิงประตูได้เพียงแค่ 36ลูกจาก 335เกมเท่านั้น)
ความโชคร้ายของCity ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ในปี1920 ได้เกิดเพลิงไหม้ที่สนาม Hyde Road ของซิตี้ ซึ่งทำให้อัฒจันทร์หลักเสียหายอย่างมาก ต่อมาในปี1923 Manchester Cityจึงได้ทำการย้ายสนามไปที่ Maine Road แทน และใช้เรื่อยมาจนกระทั่งถึงปี2003 จึงได้ย้ายมาสนามมาเป็น City Of Manchester

สูงสุดคืนสู่สามัญ การตกอับของManchester city
ในปีช่วงปี1930 Manchester cityสร้างเกียรติประวัติอีกครั้ง ด้วยการผ่านเข้าไปเล่นรอบตัดสินในFA Cup ถึง2สมัยติดต่อกัน(1930-1931) แต่ทว่า City ก็ไม่สามารถคว้าแชมได้ โดยในปีแรกนั้น ได้พ่ายให้กับEverton ในปี1933
และ Portsmouth ในปี1934 แต่อย่างไรก็ตาม Manchester City ก็สามารถคว้าแชม ลีคดิวิชั่น1(เทียบได้กับPremeirLeuge ในสมัยนี้) ไว้ได้ในปี1937 และนั่นก็เป็นจุดสูงสุดของManchester City
จุดตกต่ำของCity เริ่มขึ้นหลังจากการได้แชมในปี1937 เพราะในฤดูกาลถัดมา City ตกชั้น ต้องลงไปเล่นDivision 2
การแข่งขันทั้งหมด มีอันต้องหยุดลงอันเนื่องมาจาก สงครามโลกครั้งที่2
การแข่งขันมาเริ่มต้นอีกครั้งในปี 1946 Manchester City ก็คว้าอันดับ5 ในDivision2 มาได้
ในปี1950 City ภายใต้แผนการเล่นที่เรียกว่า Revie Plan* สามารถที่จะเข้ารอบตัดเชือกของ FA cup ได้2สมัยติดกันอีกเป็นครั้งที่2(หลังจากช่วงปี1930) โดยครั้งแรกในปี1955 นั้นCityต้องกลับบ้านมือเปล่า แต่ในปี 1956นั้น City สามารถเอาชนะ Birmingham ไปได้ 3-1 โดยการแข่งขันนัดนี้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในการแข่งขันรอบFinal ยอดเยี่ยมตลอดกาล โดยบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นHero ของทีมคือ ผู้รักษาประตูของCity ที่ชื่อว่า Bert Trautmann ผู้ซึ่งได้รับบาดเต็บ คอหักในนาทีที่75 แต่ก็ยังอดทนเล่นต่อและรักษาประตูไว้ได้จนหมดเวลา

แต่อย่างไรก็ตาม ยุตมืดของManchester Cityก็ยังไม่จบ เพราะCityก็ยังไม่สามารถเลื่อนชั้นกลับไปเล่นDivision1 เหมือนเดิมได้ และที่ร้ายกว่านั้นคือ สถิติคนดูในนัดเหย้าในปี 1963 มีคนมาดูเพียงแค่ 8015 คนเท่านั้นในนัดที่เจอกับ Swindon Town F.C.

อย่างไรก็ตาม หลังจากช่วงเวลานี้นั้น แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเหมือนความฝันของชาวเรือใบเลยทีเดียว เพราะในปี 1965นั้นเอง ที่Cityกลับมายัง Division1อีกครั้ง และนี้เอง เป็นจุดเริ่มต้นของยุตทองของ Manchester City
City ใช้เวลากว่า20ปี ในการกลับมายังDivision1 อีกครับ ยุคของของCity เริ่มต้นขึ้นในปี 1965 Joe Mercer และ Malcolm Allison ได้รับแต่งตั้งให้คุมทีม และในฤดูกาลนั้นเอง Manchester cityคว้าแชมDivision2ไว้ได้และกลับมาสู่Division1อีกครั้ง จุดเปลี่ยนแปลสำคัญของCity คือการได้เซ็นสัญญากับ 2นักเตะระดับตำนานของอังกฤษ คือ Mike Summerbee* และ Colin Bell (ทั้งคู่ติดทีมชาติในชุดแชมฟุตบอลโลกของอังกฤษ ในการแข่งขันปี1970 นอกจากนี้นั้นทั้งคู่ยังมีชื่อในHall Of fame ของ Manchester cityด้วย ส่วนColin bellนั้น ได้รับการยกย่องว่า เป็นMidfieldที่ดีที่สุดตลอดกาลของ Cityอีกด้วย) แต่อย่างไรก็ตาม ผลงานในฤดูกาลแรกไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก Cityได้อันดับที่15ของตาราง ถัดจากนั้นอีก 2ปี ในฤดูกาล 1967/1968 Manchester city สามารถคว้าแชมDivision1ได้อีกครั้ง โดยนัดสุดท้ายของฤดูกาลนั้น Manchester City พบกับ Newcastle United และเอาชนะไป4-3 นอกจากนี้นั้น Hightlight สำคัญก็คือการเอาชนะ Tottenham Hotspur ไป 4-1 ลูก นอกจากนี้ ยังบุกไปถล่มคู่แข่งฟ้าประทานอย่าง ManU เละคาบ้าน(อันนี้ใส่effectเอาเองอิๆ) 3-1ลูก นอกจากนี้ ยังชนะเลิศFA cup ในปี1969 ก่อนที่จะบินไปสอยตำแหน่ง European Cup Winners' Cup ในปี 1970 ณ กรุงเวียนนา ทำให้Manchester city กลายเป็นทีมแรกของอังกฤษ ที่สามารถคว้าแชม บอลถ้วย ทั้งของยุโรป และของประเทศ ภายในฤดูกาลเดียวกัน( ตรงนี้ยังงง เพราะบางที่ก็บอกว่าเป็นทีมที่2บางที่ก็บอกว่าเป็นทีมแรก)
ในปี 1971 Mercer ถูกแต่งตั้งเป็น General Managerและ Allison ถูกแต่งตั้งเป็น Team Manager และในฤดูกาล 1971/1972นี้ Mancityก็มีโอกาสลุ้นแชมอีกครั้ง โดยช่วงกลางเดือนมีนานั้น Mancity เป็นจ่าฝูง โดยมีคะแนนนำอยู่ 4คะแนน ทว่า เกมช่วงท้ายฤดูกาลกลับไม่ดีนัก เป็นผลให้mancity จบอยู่ที่อันดับ4ในปีนั้น
ต่อมาภายหลังในช่วงจบฤดูกาลปี1972นั้น ผู้จัดการทีมทั้ง2คือ MercerและAllison ได้ทะเลาะกัน จนในที่สุด Mercer ได้ลาออกจากทีมและไปอยู่กับ Coventry City ส่วนAllison นั้นก็ลาออกจากทีมไปหลังจบฤดูกาล พร้อมกับอันดับที่อยู่กลางตาราง
ช่วงปี1972-1974 Cityมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่สำคัญคือ การเข้ามาควบคุมชมรม ของ Peter Swales พร้อมกับ ผู้จัดการทีมคนใหม่ Johnny Hart และ Ron Saunders ซึ่งตอนแรกก็เหมือนจะไปด้วยดี แต่ก็เหลวเป๋วในอีกเดือนถัดมา จนcaptain Tony Book ต้องเข้ามาคุมทีมเพื่อรักษาเสถียรภาพเอาไว้
และแล้ว สวรรค์ก็เล่นตลกอีกครั้ง ในแมทสุดท้ายของฤดูกาล 1973/1974 เป็นการพบกันระหว่าง คู่ปรับฟ้าประทาน Manchester City และ Manchester United โดยคราวนี้ Manchester United มีเดิมพันที่สูงมาก
เพราะ Manchester United ต้องชนะเพียงสภานเดียวเท่านั้น เพื่อหนีการตกชั้น และก็เป็นManchester City ที่ทำให้ManU ตกชั้น ด้วยคะแนน1-0
และที่น่าตลกกว่านั้นก็คือ ผู้ที่ทำคะแนนให้Manchester City ชนะ ManU นั้นก็คือ Denis Law อดีตผู้เล่นดาวรุ่งของทีมManchester United ที่พึ่งย้ายเข้ามาทีมManchester Cityเมื่อปี1973
นอกจากนี้ ในปี 1976 Cityยังคว้าแชม League Cup โดยการเอาชนะ Newcastle United ไป 2-1 และจบฤดูกาลปี1977 ด้วยตำแหน่งRunner UP

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E...
http://en.wikipedia.org/wiki/Manchester_City_F.C.
http://topicstock.pantip.com/supachalasai/topicstock/2007/10/S59467...

Views: 1126

Reply to This

Replies to This Discussion

ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูล
และล่าสุด ยุคทองที่แท้จริงของแมนซิตี้แล้วคับ เอิ้กๆๆๆ
ลึกซึ้งจริงๆ
และขณะนี้ได้เข้ายุคทองอีกครั้ง
อิอิ และยุคทองครั้งสูงสุดกำลังจะมาถึงเมื่อ Manchester City สามารถผงาดคว้าสามแชมป์ในปีนี้
ปี1937แมนซิได้แชมป์PremeirLeuge
ปีนี้ของจริงครับพี่น้อง
เยี่ยมครับ นารูโตะ Back to the basic!
Cheers!
ผมเชื่อว่าปี 1970 , 1976 , 2010 จะเป็นปีทองของ สโมสร manchester city
ใช่ครับอ่านมาเหมือนกัน ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
ปรับปรุง บางประโยคอีกนิดหน่อยนี่ น่าเอาเก็บไว้เลย
จุดสำคัญของซิตี้ คือ การที่แฟนบอลคอยสนับสนุน
เป็นกำลังใจตลอด แม้จะตกต่ำ เรียกว่ารุ่นปู่เชียร์ยันมารุ่นหลาน
ความผูกพันของแฟนบอลกับสโมสร คือ รากฐานสำคัญสุดๆ

จุดแข็ง คือ การปั้นเด็กเก่งๆขึ้นมา
ที่เรียกได้ว่าไม่แพ้ใคร อาจจะเหนือกว่าปืนด้วย
(ของปืนเป็นแบบซื้อมาปั้น ของเรามันแฟนๆสนับสนุน)
แต่จุดอ่อนปั้นเท่าไหร่ คือ โดนดึงตัวไปหมด
รักษาไม่อยู่ ทำให้ทีมเป๋ไป
เห็นด้วยอย่างยิ่ง น่าจะเก็บกระทู้นี้ไว้ที่ความเป็นมาของ manchester city

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.