Members

OPINION: กวาร์ดิโอลากับหมากที่พลาดตั้งแต่เริ่มกระดาน

OPINION: กวาร์ดิโอลากับหมากที่พลาดตั้งแต่เริ่มกระดาน

OPINION: กวาร์ดิโอลากับหมากที่พลาดตั้งแต่เริ่มกระดาน

นายใหญ่ชาวสแปนิชกำลังเจอกับบททดสอบใหญ่ที่สุดในอาชีพ เมื่อต้องแก้หมากที่วางไว้ผิดตั้งแต่เริ่ม บนกระดานที่ชื่อว่าพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

ความปราชัยที่สนาม”กูดิสัน พาร์ค“เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่เป็นความพ่ายแพ้เกมลีกที่ย่อยยับที่สุดในชีวิตกุนซือของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา แต่ยังทำให้คำถามที่ซ่อนอยู่ในใจของใครหลายคนผุดขึ้นมาอีกครั้งว่า แท้จริงแล้วโค้ชหนุ่มจากกาตาลันผู้นี้เก่งจริงหรือไม่?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป๊ปคือหนึ่งในเทรนเนอร์ที่มาแรงที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา เขาสร้างชื่อเสียงและสั่งสมบารมีอย่างรวดเร็วทั้งที่เพิ่งมีโอกาสคุมทีมอาชีพเมื่อปี 2008 เริ่มจากจารึกชื่อตัวเองเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบาร์เซโลนา หลังนำสโมสรประกาศศักดาซิวแชมป์ถึง 14 รายการ จากการทำทีมเพียง 4 ฤดูกาล 

จากนั้นเขานำ บาเยิร์น มิวนิค ฟาดแชมป์อีก 7 รายการ ระหว่างย้ายมาทำงานในบุนเดสลีก้าฤดูกาล 2013-16 นั่นหมายความว่า อดีตกัปตันทีมชาติสเปนกวาดถ้วยแชมป์ไปทั้งสิ้น 21 รายการ ในระยะเวลาเพียง 8 ปีนับตั้งแต่เทิร์นโปรเป็นโค้ชอาชีพ หากบอกว่าเขาคือกุนซือที่ดีที่สุดในยุคนี้คงไม่ใช่เรื่องผิด ในเมื่อผลงานมันประจักษ์ชัดเจนขนาดนี้

ถ้วยรางวัลไม่ใช่เหตุผลเดียวที่คนทั่วโลกยอมรับในฝีมือของกวาร์ดิโอลา แต่สิ่งที่แฟนบอลมากมายหลงรักเทรนเนอร์รายนี้จนหัวปักหัวปำคือวิธีการเล่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาคือผู้นำปรัชญา ”ติกิ-ตาก้า” มาใช้จนกลายเป็นเทรนด์ลูกหนังอันเลื่องชื่อ ฟุตบอลเอนเตอร์เทนของบาร์ซาที่มีทั้งประสิทธิภาพและความสวยงามยังคงติดตาตรึงใจใครหลายคนจนถึงทุกวันนี้

แต่ในเวลาเดียวกันมีคนยังกังขาในความสามารถของเป๊ปเช่นกัน โดยมองว่าเขาประสบความสำเร็จเพราะได้คุมทีมที่อุดมไปด้วยบรรดาแข้งแถวหน้าของโลก บาร์เซโลนามีทั้ง ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า และ ลิโอเนล เมสซี สามสุดยอดผู้เล่นแห่งยุคที่ต่างอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ 

ขณะที่ บาเยิร์น มิวนิค คือทีมมหาอำนาจเบอร์หนึ่งในลีกเยอรมัน หนำซ้ำการดึงสองผู้เล่นคีย์แมนจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อย่าง มาริโอ เกิทเซ และ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เข้ามาเสริม ยิ่งเหมือนเป็นการขจัดเสี้ยนหนามในการแย่งแชมป์โดยตรงออกไปอีก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ยังมีคนเคลือบแคลงสงสัยในฝีไม้ลายมือของเขาอยู่

ดังนั้นการย้ายสํามะโนครัวมาทำงานในอังกฤษกับ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ นอกจากเป็นความท้าทายส่วนตัวของเป๊ปแล้ว นี่ยังเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองจากคำครหาเหล่านั้น เพราะหากเขาประสบความสำเร็จในลีกที่ขึ้นชื่อว่าหินที่สุดในโลกได้ คงไม่มีใครหน้าไหนข้องใจฝีมือทำทีมของเขาอีกต่อไป 

กวาร์ดิโอลาเปิดตัวในพรีเมียร์ลีกอย่างสมบูรณ์แบบ เขานำเรือใบสีฟ้าเก็บชัยชนะรวดตลอด 6 เกมแรก ผงาดรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางโดยมี 18 คะแนนเต็ม เวทย์มนตร์ของเป๊ปน่าจะใช้การได้แน่บนแผ่นดินอังกฤษ 

แต่หลังจากนั้นเรื่องราวพลิกผันเป็นหนังม้วนใหม่ ผลงานของพวกเขาแผ่วหนักชนะแค่เกมเดียวใน 5 เกมต่อมา ทีมที่เคยแกร่งทั่วแผ่นในช่วงต้นฤดูกาลกลับเผยจุดบกพร่องออกมาทีละน้อยจนกลายเป็นแผลใหญ่

สถานการณ์ของซิตี้ไม่มีทีท่าว่าจะกระเตื้องขึ้น เมื่อพวกเขาแพ้คู่แข่งถึง 4 เกม จาก 10 นัดถัดมา จนหลุดพื้นที่แชมเปียนส์ลีกร่วงลงมารั้งอันดับ 5 ของตาราง แน่นอนว่าคนที่ถูกเพ่งเล็งไปคนแรกคงหนีไม่พ้นกุนซืออย่างเป๊ป ถึงตอนนี้เขานำทีมแพ้ในลีกไปแล้ว 5 นัดในซีซั่นนี้ นี่คือสถิติที่เลวร้ายที่สุดตลอดอาชีพของเขา

จุดหักเหของเรือใบสีฟ้าเกิดขึ้นในเกมบุกแพ้สเปอร์ส 2-0 ก่อนหน้านี้พวกเขายึดแท็คติคแผงหลัง 4 คน ในระบบ 4-2-3-1 และ 4-3-3 เดินหน้าคว้าชัยมาตลอดจนกระทั่งมาสะดุดในเกมนี้ ขงเบ้งจากแดนกระทิงดุจึงแก้เกมด้วยการเปลี่ยนมาใช้ระบบแผงหลัง 3 คน แต่ผลงานของทีมกลับแย่ลงกว่าเดิม เนื่องจากนักเตะประสบปัญหาปรับตัวเข้ากับรูปแบบการเล่นใหม่ไม่ได้

จากโอกาสที่กวาร์ดิโอลาหมายมั่นปั้นมือว่าจะพิสูจน์ตัวเอง พรีเมียร์ลีกกลับเป็นหอกย้อนแทงซ้ำแผลในใจของเขา แต่เขาต้องยอมรับด้วยว่ามันเกิดจากความผิดพลาดจากตัวเขาเอง โดยเฉพาะเรื่องการเสริมทัพและยึดมั่นในปรัชญาของตัวเองมากเกินไป

นายใหญ่ชาวสแปนิชล้มเหลวกับการซื้อผู้เล่นเข้ามาเสริมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ เขาถลุงงบสโมสรไปกว่า 100 ล้านปอนด์ แลกกับการดึง เคลาดิโอ บราโว, จอห์น สโตนส์, อิลคาย กุนโดกัน, เลรอย ซาเน, โนลิโต้ และ กาเบรียล เชซุส แต่มีเพียงแค่กุนโดกันที่โชว์ฟอร์มเข้าตาแต่ดันโชคร้ายเจ็บยาวทั้งฤดูกาล ส่วนที่เหลือต่างทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง(ยกเว้นเชซุสที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมในช่วงตลาดหน้าหนาว)

การปล่อย โจ ฮาร์ท ออกจากทีมคือความผิดพลาดมหันต์ของกวาร์ดิโอลา เขาเลือกดึงบราโวเข้ามาเฝ้าเสาแทน เพราะต้องการผู้รักษาประตูที่ใช้เท้าได้ดีเข้ามาเป็นตัวเปิดเกมคอนโทรลของตัวเอง แต่ไม่ทันนึกว่าทีมในลีกอังกฤษเน้นฟุตบอลไดเร็คต์ใช้ลูกโด่งโจมตีคู่แข่งเป็นหลัก นายด่านชาวชิลีที่มีจุดอ่อนเรื่องนี้จึงมีปัญหากับการรับมือกับลูกกลางอากาศ(ประตูที่เสียในเกมบุกชนะแมนฯยูฯ 1-2 คือตัวอย่าง)

บราโวมีสถิติเซฟประตูต่ำเตี้ยชนิดน่าตกใจ เขาเสีย 14 ประตู จากลูกยิงตรงกรอบ 22 ครั้งหลังสุด โดยเฉพาะเกมล่าสุดเขาถูกแข้งเอฟเวอร์ตันใส่สกอร์ 4 ประตู จากการยิงตรงกรอบ 4 ครั้ง สถิติการป้องกันและรักษาคลีนชีตของเขาเป็นรองผลงานของฮาร์ทในปีก่อนแบบครึ่งต่อครึ่ง 

เป๊ปคว้า จอห์น สโตนส์ เข้ามาเสริมตำแหน่งปราการหลังตัวกลางแค่คนเดียว ทั้งที่เสียสองขุมกำลังในตำแหน่งนี้อย่าง มาร์ติน เดมิเคลิส และ เอเลียคลิม ม็องกาลา เมื่อผนวกกับ แวงซอง กอมปานี กัปตันทีมที่มีปัญหาเรื่องสภาพร่างกาย นั่นเท่ากับว่าเขาเหลือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟอาชีพให้เลือกใช้งานแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยแค่ กองหลังเจ้าของค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ กับ นิโคลัส โอตาเมนดี้ เท่านั้น
 
สโตนส์ย้ายมาร่วมถิ่น”เอติฮัด สเตเดี้ยม” โดยพกสถิติกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในเกาะอังกฤษติดตัวมาด้วย แต่เขากลับเจอความกดดันเล่นงานจนกลายสภาพเป็นบ่อน้ำแทน เขาเล่นพลาดจนทีมเสียหายถึงขั้นเสียประตูหลายครั้งในฤดูกาลนี้ ช็อตเข้าตาคือจังหวะจ่ายบอลคืนหลังสั้นจนถูกแนวรุกคู่แข่งฉกเข้าไปยิงในเกมพบ สโต๊ค ซิตี้ และ เลสเตอร์ ซิตี้ 

ฟูลแบ็คของซิตี้คืออีกหนึ่งความเลินเล่อของกวาร์ดิโอลา นักเตะอย่าง ปาโบล ซาบาเลต้า, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, บาการี ซานญา และ กาแอล กลิชี ล้วนอายุหลัก 3 นำหน้าทั้งนั้นและผ่านจุดสูงสุดในอาชีพของตัวเองมาแล้ว แต่เขากลับไม่เสริมทัพผู้เล่นในตำแหน่งนี้ ทั้งที่ทีมที่เขาเคยคุมอย่างบาร์ซาและบาเยิร์น มีจุดเด่นอยู่ที่การเติมเกมรุกริมเส้นจากฟูลแบ็คอย่าง แดเนียล อัลเวส หรือ ดาวิด อลาบา 

กุนซือเลือดกาตาลันเชื่อมั่นกับความคิดของตัวเองจนลืมดูศักยภาพของลูกทีม เขาเคยประสบความสำเร็จกับการผลักดัน ฟิลิปป์ ลาห์ม แจ้งเกิดในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ดังนั้นเขาจึงนำไอเดียนี้มาใช้กับผู้เล่นเรือใบสีฟ้าหลายคน อาทิเช่น หุบโคลารอฟยืนเซ็นเตอร์แบ็ค, จับซาเนกับนาบาสมาเล่นวิงแบ็ค หรือแม้แต่ดันซาบาเลต้าขึ้นมาเล่นกองกลาง แต่ผู้เล่นเหล่านี้กลับสอบตกเพราะปรับตัวเข้ากับตำแหน่งใหม่ไม่ได้

การเปลี่ยนแผนการเล่นบ่อยมีผลต่อฟอร์มของแมนฯซิตี้เช่นกัน อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าแท็คติคของเป๊ปเริ่มไม่นิ่งนับตั้งแต่เกมบุกแพ้ไก่เดือยทอง เขาปรับมาใช้แผนกองหลัง 3 คนอยู่ช่วงหนึ่ง แต่มันไม่เวิร์คก่อนกลับไปใช้แผนกองหลัง 4 คนอีกครั้ง อีกทั้งเขายังไม่เคยใช้ 11 ผู้เล่นตัวจริงซ้ำกันแม้แต่เกมเดียว มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นทุกนัดขึ้นอยู่กับว่ามากหรือน้อย

ผิดกับทางฝั่งเชลซีของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่โชคดีเจอแผนการเล่นที่ใช่เร็ว เมื่อระบบ 3-4-3 ที่ใช้แก้เกมในครึ่งหลังกับอาร์เซนอลเกิดลงล็อค หลังจากนั้นเขาจึงยึดแผนนี้มาตลอดและส่งผู้เล่นตัวจริงชุดเดิมลงเล่นเกือบทุกเกม นักเตะจึงคุ้นเคยกับแผนการเล่นและประสานงานกันอย่างเข้าขา ผลงานของพวกเขาจึงออกมาดีอย่างที่เห็น

ปัญหาสำคัญของกวาร์ดิโอลาคือเขาเชื่อว่าเอาชนะคู่แข่งได้ด้วยฟุตบอลคอนโทรล ไม่ปล่อยให้คู่แข่งได้บอล แต่เกมรับของแมนฯ ซิตี้ ไม่แข็งแกร่ง ความมั่นใจซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของฟุตบอลคอนโทรลจึงหดหาย กลายเป็นรวนไปหมด เมื่อเกมรับหละหลวม ตั้งเกมขึ้นไปข้างหน้าไม่ได้ ทีนี้จะให้มาเล่นบอลโยนเหมือนชาวบ้านเขาก็ไม่ใช่แนวเสียอีก

มองอีกนัยหนึ่ง กวาร์ดิโอลาอาจจะประเมินฟุตบอลไดเร็คต์ของอังกฤษต่ำไป อาจเป็นเพราะไม่เคยเจอกับตัวเองมาก่อนแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ จึงไม่รู้ถึงพิษสงของรูปแบบการเล่นนี้ เกือบทุกทีมในลีกมีโอกาส ‘กดสูตรติด’ เปลี่ยนการจ่ายเพียงไม่กี่ครั้งเป็นประตูได้ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ยิ่งมาเจอทีมที่เล่นได้แม่นยำ เรือใบสีฟ้ายิ่งเข้าตาจนหนัก เกมรุกขึ้นไม่ได้แถมเกมรับยังรั่วอีก

นี่คือโจทย์ใหญ่ที่กวาร์ดิโอลาต้องแร่งแก้ไข ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่เป้าหมายความแชมป์พรีเมียร์ลีกเลย แค่จบอันดับท็อปโฟร์เพื่อคว้าตั๋วแชมเปียนส์ลีกยังลำบาก

เป๊ปยังพอมีเวลากอบกู้สถานการณ์ในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมนี้ เขาจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร นี่ไม่ใช่แค่การช่วยทีมกลับมาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์ลีกอีกครั้ง แต่มันยังเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของเขาด้วยว่า เขาคือของจริง หรือ ของเก๊ทำเหมือนอย่างที่ถูกครหากันแน่?

หากเปรียบการคุมทีมฟุตบอลเป็นการเล่นหมากรุก กวาร์ดิโอลาคงวางหมากพลาดตั้งแต่เริ่มกระดาน ที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับกึ๋นของเขาแล้วว่า จะพลิกสถานการณ์บนกระดานที่ชื่อว่าพรีเมียร์ลีกอังกฤษ กลับมาเป็นของตัวเองได้หรือไม่?

/////////////////////////////

เครดิต : http://www.goal.com/th
ติดตามข่าวสารทีมได้ที่เว็ปหลักของประเทศไทย : http://mcfc.in.th

Views: 780

Reply to This

Replies to This Discussion

หากเปรียบการคุมทีมฟุตบอลเป็นการเล่นหมากรุก กวาร์ดิโอลาคงวางหมากพลาดที่นี่ก็ขึ้นอยู่กับกึ๋นของเขาแล้วว่า จะพลิกสถานการณ์บนกระดานที่ชื่อว่าพรีเมียร์ลีกอังกฤษ กลับมาเป็นของตัวเองได้หรือไม่?เป๊ปยังพอมีเวลากอบกู้สถานการณ์ สู้ๆครับ

เรียกว่าเดินหมากผิดสูตรเอาตำราหมากรุกสเปนมาเล่นในอังกฤษณ์ เดินได้ไม่กี่ตาถูกรุกฆาตจนกลางกระดาน.แก้หมากไม่ตกเลย

คนที่ดูฟุตบอลอังกฤษ เขาก็รู้กันทุกคนล่ะครับโป๊ก แล้วโค้ชระดับแชมป์อย่างเป๊ปทำไมจะไม่รู้ แค่อยากลองศึกษาดูไม่ได้คงเปลี่ยนผู้เล่นใหม่ แต่จะซื้อฤดูกาลเดียวเป็น 10 คน คงจะโดนแบนจากฟีฟ่า อันนี้ทุกคนก็รู้ว่านักเตะเราอายุเยอะ ก็คงต้องรอฤดูกาลถัดไปครับผม ค่อยมาดูกันว่าของแท้หรือของปลอม

พึ่งมาไม่กี่เดือนก็คงต้องให้เวลาศึกษาเกมส์การเล่นของที่นี่ไปก่อนเป๊ปอาจจะไม่ใช่ป๋าเปเยที่มาปุ้บก็ได้แชมป์เพราะหลายๆปัจจัยแต่อาจจะเป็นเหมือนมันชินี่ที่ต้องการเวลาลองผิดลองถูกปรับทัศนคติและอีโก้ของตัวเองเพื่อให้เดินเกมส์ได้อย่างชาญฉลาดไม่มีใครไม่เคยลองผิดลองถูกต่อให้เก่งแค่ไหนก็ต้องมีวันที่พลาดได้เป๊ปเองก็เช่นกันอยากให้เข้าใจเพราะถ้าวันนึงเค้าทำทีมให้เดินเกมส์ได้อย่างเฉียบขาดเมื่อไหร่รุกก็จะฆาตเมื่อนั้นบางทีมันอาจจะมาช้าหน่อยแต่ก้คุ้มที่จะเสี่ยงและรอเชื่อว่าผลอาจคุ้มค่าการรอคอย

เมื่อความคิดแฟนบอลเป็นเช่นนี้

จุดยืนของสโมสรคงผิดไป

เพราะหลายคนที่มาเป็นนักเตะและโค๊ช

พูดกันเสมอว่า สโมสรมีเป้าหมายสูงและชัดเจน

ไม่รอเวลา อย่างเช่นปลด เปเย เอาเป๊ปมา

ที่เปเยรับได้ก็เพราะยอมรับในวัตถุประสงค์ของสโมสร

แต่เมื่อ เป๊ปทำผิดพลาด ก็คือผิดวัตถุประสงค์ของสโมสรเช่นกัน

หรือผิดกับทุกคนที่อยู่และเคยอยู่ในสโมสรแห่งนี้

..ที่วิเคราะห์ออกมาก็ชัดเจน มันเป็นความสำเร็จในอดีตที่เป๊ปบันดาลให้เกิดขึ้น..

..และสุดท้ายก็ตัวเขาเองอีกน่ะแหละที่ทำให้ปรัชญาการทำทีมของเขาเกิดความเสื่อมถอย..

..มันมาเสื่อมถอยในพรีเมียร์ลีก เหตุสำคัญก็คือเป๊ปเป็นโค้ชระดับโลกที่ยังไม่ถึงขั้นอัจฉริยะ..

..เป๊ปไม่มีความสามารถรอบด้าน (versatility) จะเก่งก็เก่งในโลกส่วนตัว ในวิธีการที่เชื่อว่าดีที่สุด..

..เก่งในลาลีกา เก่งในบุนเดสลีกา แต่กลับไม่คิดไม่ศึกษาอย่างละเอียดในเรื่องของโลกที่ตัวเองจะไปรับงาน..

..ซึ่งนั่นคือโลกของพรีเมียร์ลีก..

ไม่ศึกษาก็แย่อยู่แล้ว ยังคล้ายๆจะลบหลู่อีก..

..ก็เลยเจอฤทธิ์เดชไปเต็มๆ ถึงขั้นไปไม่เป็น !?!

สโมสรคงคิดหนักกับผลงานในปัจจุบัน จะเปลี่ยนม้ากลางศึกก็คงจะเสียหายมากยิ่งกว่า ผมเชื่อว่าทั้งเป็ปและสโมสรคงถกกันเครียดเลยแหละ แต่สุดท้ายก็ต้องให้เวลาเป็ปแก้ไขปรับปรุง เป็ปเองก็ได้บทเรียนไปมากแล้วคงไม่ทำอะไรที่ไม่เข้าท่าอีกจะคอยดู คอยเชียร์ละกัน

เวลายังมีอีกยาวไกล ถ้าจะเร่งแก้ไขก็ต้องแก้ในสิ่งที่ควรจะทำ ถ้าไม่แก้ตอนนี้ ก็ลำบากจริงๆ สำหรับแมนซิตี้ที่จุลุ้นท็อปโฟร์ต่อไป

มองอีกนัยหนึ่ง กวาร์ดิโอลาอาจจะประเมินฟุตบอลไดเร็คต์ของอังกฤษต่ำไป อาจเป็นเพราะไม่เคยเจอกับตัวเองมาก่อนแบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ จึงไม่รู้ถึงพิษสงของรูปแบบการเล่นนี้ 

ฟูลแบ็คของซิตี้คืออีกหนึ่งความเลินเล่อของกวาร์ดิโอลา นักเตะอย่าง ปาโบล ซาบาเลต้า, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, บาการี ซานญา และ กาแอล กลิชี ล้วนอายุหลัก 3 นำหน้าทั้งนั้นและผ่านจุดสูงสุดในอาชีพของตัวเองมาแล้ว แต่เขากลับไม่เสริมทัพผู้เล่นในตำแหน่งนี้ ทั้งที่ทีมที่เขาเคยคุมอย่างบาร์ซาและบาเยิร์น มีจุดเด่นอยู่ที่การเติมเกมรุกริมเส้นจากฟูลแบ็คอย่าง แดเนียล อัลเวส หรือ ดาวิด อลาบา 

พูดได้ตรงใจจิงๆ แถมไม่มีการใช้ลูกโยนเข้าไปในเขตโทษซักครั้ง ว่าแต่ใครเคยเห็นมะครับ ยิงทีไรก็ติดผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไปหมด...

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.