Members

ก่อนที่จะวางมือนาบลงกับแป้นคีย์บอร์ด เพื่อที่จะบรรเลงบทความชิ้นนี้ อาจมีบรรยากาศเก่าๆเข้ามาแทรกซึมในความรู้สึกนึกคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ภาวะการนอนเช้า ตื่นบ่ายได้กลับมาเยือนในทุกๆสัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันที่ต้องตรวจทาน(นับได้ประมาณ 20 เที่ยว) ก่อนโพสน์คอลัมน์ลงในเว็บไซต์แห่งนี้... มันช่างแตกต่างกับครั้งที่ผมเดินทาง ไปๆ กลับๆ ระหว่างบ้าน – ที่ทำงานเสียเหลือเกินนะครับ อาจฟังดูเหมือนเป็นชีวิตประจำวันที่ วุ่นวายในยามเช้า แสนยาวนานในยามบ่าย และน่าเบื่อหน่ายเป็นที่สุด(กับรถติด)ในยามที่พระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปแล้ว...


ไม่สนุกสนานเท่าที่ควร ก็แหงละครับ ไปทำงานนี่นะ(555+) ถึงอย่างไรก็ตามแต่อะไรๆมันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะในช่วงเวลาสั้นๆผมก็ยังสามารถเก็บเกี่ยว "ความสุข" นอกสถานที่(ณ ที่นี้หมายถึง นอกออฟฟิศ) ได้อยู่บ้าง เช่นว่า ในทุกๆเช้าหลังจากที่ผมก้าวเท้าลงจากรถไฟฟ้า BTS (สถานี ช่องนนทรีย์) แล้ว จะต้องแวะซื้อแซนด์วิชตรงแผงขายใกล้ทางแยกก่อนเดินลงบันใดซะทุกทีไป เหตุผลง่ายๆก็คือ ลูกสาวเค้าน่ารักครับ เอ้ยยย!!! ไม่ช่ายยย (ถึงแม้จะมีส่วนบ้างก็เถอะ ฮี่ๆๆๆ) อะแฮ่มมม...(กลับมาๆๆๆ) คือว่าอันที่จริงแล้ว ร้านตรงนี้เป็นที่แรกที่ผมยอมเสียเงินราวๆ 45 บาท เพื่อให้ได้มาซึ่งแซนด์วิชสำหรับ 1 คน ต่อ 1 คำ (555+) และ ชาเขียว โออิชิ 1 ขวด... อาจเป็นเพราะความหิวโซ และต้องการความสะดวกรวดเร็ว + ความมักง่ายของคนซื้ออย่างผม จึงทำให้รู้สึกว่าจำนวนเงินที่จ่ายไปนั้นมันช่างคุ้มค่าเสียเหลือเกินสำหรับ แซนด์วิชอร่อยๆ และ รอยยิ้มที่เป็นกันเองของผู้ขาย(แม้เวลาผมจู้จี้ให้เอานี่ออก เอาโน่นใส่แทน เค้า ก็ไม่บ่นสักคำนะครับ ทำให้แต่โดยดี ฮิๆๆๆ)


ด้วยเหตุนี้เองผมจึงค่อนข้างแฮปปี้กับการแวะซื้อแซนด์วิชร้านนี้ทุกๆเช้า และ เลือกที่จะเซฟเงินโดยการลากเท้า จากสถานีรถไฟฟ้า – ออฟฟิศ แทนที่จะโบกวินมอฯไซด์ให้เสียตังค์เพิ่มอีก 25 บาท(ซะอย่างนั้น)


ผมประทับใจอะไรหนักหนา??? แม้จะรู้ๆกันอยู่ว่า ด้วยคาร์แรคเตอร์ที่ดีของคนค้าคนขาย ก็จำต้องมีวิถีทางในการเชื้อเชิญลูกค้าโดยการใช้จิตวิทยาในรูปแบบต่างๆอยู่แล้ว และอาจนับรวมถึง รอยยิ้มแป้น อันนั้นเข้าไปด้วย(จะคาดหวังอะไรกับความจริงใจเสียมากมาย) แม้แต่แม่ลูกที่เป็นคนขาย อาจเคยนึกขำผมอยู่ในใจซะเองก็เป็นได้ว่า ซื้อของไม่มีประโยชน์(แถมแพง)กินอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน(555+)


แต่ก็เอาเถอะครับ สำหรับผมมันไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากมายนัก(ก็แค่แซนด์วิช 555+) ตราบใดที่ผมยังรู้สึกสุขใจได้ และคนเหล่านั้นไม่ได้แสดงเจตนาอันใดที่จะเป็นการทำร้ายความรู้สึกกัน มันก็ไม่เห็นมีสิ่งไหนที่จะต้องไปกังวล(นี่หว่า) อาจฟังดูเล็กน้อยเสียเหลือเกิน ผมอาจอุปทานไปเองเล่นๆว่านั่นคือความสุข แต่ในเมื่อใจยังยืนกรานอยู่เสมอว่าอะไรเหล่านั้นใช่ “ความสุขในทุกๆเช้า(จริงๆ)” มันก็คงแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้นไปเสียไม่ได้


แม้ว่าอะไรที่เคยคุ้นอยู่นั้นอาจเป็นแค่ “เปลือก” ที่ดูดีมีราศี(มีอัธยาศัยที่ดี)เมื่อยามพบเห็นหรือได้ยิน แต่เมื่อกระเทาะดูเนื้อในแล้ว อาจไม่ได้สุกใสอย่างที่เราเคยคาดหวังไว้ แต่อย่างน้อยๆมันก็ใช้ได้ผลในการดึงดูดลูกค้า(อย่างผม)ละครับ(555+)


ที่ลากยาวมาจนถึงบรรทัดนี้ไม่ได้มีเจตนาจะแนะนำ “ร้านแซนด์วิชแสนอร่อย ณ BTS ช่องนนทรีย์” ให้ใครๆได้รู้จักหรอกครับ แต่ด้วยความรำลึกนึกถึงบรรยากาศเก่าๆในบางช่วงเวลาเมื่อครั้งที่ยังเคยเตร็ดเตร่อยู่แถบๆนั้น ด้วยความสัตย์จริงหากผมยังคงวนเวียนและเวียนวน ใช้ชีวิตประจำวันในลักษณะนั้นไปเรื่อยๆ โอกาสที่ผมจะมานั่งบ่นๆๆๆ โดยการกระแทกแป้นพิมพ์ผ่านทางบทความเหล่านี้คงมี เปอร์เซ็นต์ เป็น 0 แหงๆ (ซึ่งก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลร้ายสำหรับท่านผู้อ่าน แหะๆๆๆ)


นับตั้งแต่พรีเมียร์ ลีก ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกแตะเบรกให้ได้พักหายใจหายคอกันบ้างหลังจากวัน บ๊อกซิ่ง เดย์ ผมก็แทบจะไม่มีโอกาสได้ติดตามการถ่ายทอดสดแบบจริงๆจังๆอีกเลยแม้แต่แมตช์เดียวหลังจากนั้น(ไม่เว้นแม้กระทั่งทีมที่ตามเชียร์ มานานนมอย่าง อาเซน่อล) อาจได้ติดตามข่าวคราวและผลงานของทีม "เรือใบสีฟ้า" บ้างเป็นบางครั้งคราว และก็ได้ทราบว่ายังลุ่มๆดอนๆในเกมเยือนเหมือนเดิมครับ เรียนตามตรงว่าไม่ได้รู้สึกประหลาดใจจนเกินงาม สำหรับผลการแข่งขันที่(ดูเหมือนจะ)พลิกโผบ้างในบางนัด(เหมือนเคย) แต่หากจะมีอะไรให้ เซอร์ไพรส์ อยู่สักเล็กน้อยก็คงเป็นในกรณี สกอร์เลส(Scoreless) ของ โรบินโย่ นั่นแหละ


ครั้งสุดท้ายที่ "เปเล่น้อย" สอยประตูได้ คงต้องนับย้อนไปถึง เกม ลีก กับ ฮัล ซิตี้ เมื่อปลายเดือน ธันวาคม ปีที่แล้วโน่นละครับ ในแมตช์นั้น "บินโญ่" โชว์ฟอร์มหรูเหมาซัดคนเดียว 2 ประตู เป็นของกำนัลให้ทีมจากอีสแลนด์เปิดบ้านถล่ม เสือน้อย ไปแบบสบายเท้า 5 – 1 แต่หลังจากนั้นมา ฟอร์มของดาวยิงตาหวานผู้นี้ก็มีแต่ทรงกับทรุด จนน่าใจหาย


จะเป็นเพราะด้วยเหตุผลที่เจ้าตัวโด่งดังขึ้นมาจากตำแหน่งศูนย์หน้า หรือ ในฐานะ ซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลก หรือ ทั้ง 2 อย่าง จึงทำให้ “ร๊อบบี้” จำต้องแบกรับความคาดหวังในระดับสูงลิบไว้บนบ่าทั้ง 2 ข้างแต่เพียงผู้เดียวกับภาระหน้าที่ในการไล่ล่าตาข่าย แน่นอนว่าด้วยชื่อชั้นของ โรบินโญ่ นั้นสามารถสร้างความหวาดผวาให้กับแนวรับคู่แข่งก่อนเริ่มเกมส์การแข่งขันได้เสมอ แม้ว่าโดยธรรมชาติของ “นิว เปเล่” เองแล้วจะไม่ใช่ศูนย์หน้าที่มีสถิติการยิงประตูโดดเด่นอะไรมากมายนัก แต่เมื่อโอกาสมาถึงเจ้าตัวก็มักไม่ค่อยจะทำลั่นแบบน่าเขกกะโหลกให้เห็น(เหมือนดั่งที่ทำๆอยู่ทุกวันนี้) คุณสมบัติในแบบฉบับดังกล่าวจัดเป็นข้อแตกต่างระหว่าง "ผู้เล่นธรรมดา" กับ "สตาร์ระดับโลก" อย่างแท้จริง


นักเตะที่มีเทคนิคเหนือชั้น และเซนส์บอลระดับที่ สตาร์ บราซิลเลี่ยนมี ไม่ว่าจะลงวาดลวดลายในลีกแห่งหนไหนในปฐพี มาตรฐานก็จะยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่วันยังค่ำนั่นแหละครับ ไม่เว้นแม้กระทั่ง ลีก อังกฤษที่รวดเร็วดั่งพายุบุแคม แถมเข้าสกัดกันอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ากำลังรุมสกรัมกันในกีฬา รักบี้ ยังไงหยั่งงั้น แม้อาจบอกได้ว่าความแข็งแกร่งทางด้านร่างกาย และแรงเข้าปะทะในจังหวะ 50/50 จะเป็นข้อเสียเปรียบอันใหญ่หลวงของดาวเตะแซมบ้ารายนี้ก็ตามที


แต่ถึงกระนั้นก็เถอะครับ ผมเชื่อว่า โรบินโญ่ เองไม่มีปัญหากับการลากบอลผ่านแนวรับ หรือ สร้างสรรค์เกมจากจุดนั้น ตราบใดที่หมอเอง “พกใจติดตัวมาด้วย”


หากคำกล่าวที่ว่า มาร์ค ฮิวจ์ ให้อิสระ “บินโญ่” ในการสร้างสรรค์เกมรุกอย่างเต็มที่เป็นเรื่องจริง ก็ไม่น่าแปลกใจที่แฟนๆจะคาดหวังสิ่งพิเศษเหนือความคาดหมายจาก “เปเล่น้อย” มากกว่าที่เป็นอยู่ “อะไรบางอย่างที่นักเตะระดับโลกคนหนึ่งจะสามารถบันดาลให้กับทีมได้” ณ ที่นี้ไม่ได้หมายถึงจำนวนประตูเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่หมายถึงความมุ่งมั่นในการปั้นเกม และ ทัศนคติ ต่อการเล่นเกมรุกของหนุ่มน้อยจากแดนกาแฟรายนี้ต่างหาก


3-4 เกมส์ที่ผมได้มีโอกาสชมการถ่ายทอดสด และติดตามเช็คฟอร์มดาวยิงหมายเลข 10 ไปพร้อมๆกันอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ปรากฎให้เห็นเต็ม 2 ตา คือฟอร์มการเล่นที่ไม่เอาอ่าวของ โรบินโญ่ ไม่ได้มีเจตนาจะแขวะหรือกร่นด่านักเตะขวัญใจของใครหลายๆคน(รวมถึงตัวผมเองด้วย) เพียงแต่ว่าไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ผ่านสายตาจากเกมส์ที่แล้วๆมาได้เลย... มันเป็นอะไรที่เช้าชามเย็นชามสุดๆ เอาตัวรอดไปวันๆ มีจังหวะตัวต่อตัวกลับไม่กล้าที่จะลากจี้เข้าไปสร้างความกดดันให้กับแผงหลังฝั่งตรงข้าม ซึ่งอันที่จริงแล้วนี่ถือเป็น “ของชอบ” ของเจ้าตัวเองแท้ๆ การวิ่งหาช่องในแดนหน้ายิ่งแล้วใหญ่แทบไม่มีให้เห็น โดยส่วนมากหมอจะประคองบอลอยู่ด้านหลัง/ด้านข้าง ของคนมีบอลเพื่อรอรับช่วงต่อเสียมากกว่า ส่วนสิ่งที่พึงกระทำหลังจากนั้นจะเป็นการ... แปะคืนหลังสั้นๆให้ เดอยอง หรือ กอมปานี อีกที แล้วแต่ว่าใครอยู่ใกล้วิถีบอลมากที่สุด(แล้วจะมารอล้วงบอลทำมะเขืออะไรครับ???)


เกิดอะไรขึ้นกับ โรบินโญ่??? อาการล้าหรือ??? โค้ชห่วย???นายกฯเป็นตัวซวย???(เฮ้ยยย ไม่เกี่ยว 555+) หรือว่ามันมีดีแค่นี้จริงๆ และ ชื่อเสียงเรียงนามต่างๆ นาๆ ที่ได้รับการกล่าวขานชื่นชม หรือ จะเป็นเพียงแค่ “เปลือก” ที่ทำให้อะไรๆดูสวยงามเกินจริง อย่างนั้นหรือ??? เหล่านี้เป็นปัญหาคาใจแฟนๆ ซิตี้ เรื่อยมา และนับวันจะยิ่งทวีคูณขึ้นอย่างรวดเร็ว


แม้จะสรุปไม่ได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวว่าสาเหตุต้นตอมันเกิดมาจากอะไรกันแน่ แต่ก็พอมองออกได้บ้างว่าสภาพจิตใจของ โรบินโญ่ ณ เวลานี้ไม่ปกติ (ไม่ได้กำลังจะบอกว่าบ้าบอหรือวิปริตนะครับ555+) การเล่นดูไม่เป็นธรรมชาติ อาจไม่ได้ทำบอลเสียในจังหวะปั้นเกมรุก แต่ก็มักทำให้ทีมเสียโอกาสอยู่บ่อยครั้ง จากการดึง/คลึงบอล ไป – มา เพื่อหาจังหวะจ่ายหรือยิงที่แน่นอน(เสียจนเกินงาม)ของหมอนั่นแหละ หมายความว่า อัตราการเล่นแบบกล้าได้กล้าเสียจะลดน้อยลง การตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะเป็นการ ผ่านบอล หรือ ยิงเอง พักหลังๆทำได้น่าผิดหวัง บางทีอาจเป็นเพราะว่า “บินโญ่” เองเน้นชัวร์ และ กลัวเสียมากจนเกินไป การที่ มาร์ค ฮิวจ์ ให้อิสระในการเล่น กับ สตาร์บราซิลเลี่ยน ไม่ใช่เรื่องเสียหาย หากแต่ โรบินโญ่ เองก็จำเป็นต้องหาวิถีทางที่จะทำให้ตนเองเป็นอิสระและหลุดพ้นจากความกังวลต่างๆ นาๆ ที่คอยรบกวนจิตใจของเค้าอยู่ด้วยเช่นกัน(มันจึงจะเห็นผล)


นักเตะที่มีขีดความสร้างสรรค์สูงจำเป็นต้องมีความมั่นใจในตัวเองครับ และนั่นเป็นสิ่งที่ “เปเล่น้อย” ต้องการมากที่สุดในการเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมา


ทางด้านผู้บริหารระดับสูง และ ทีมงานสต๊าฟโค้ชของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เองคงตระหนักดีและกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ ณ เวลานี้ของ โรบินโญ่ อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะความคาดหวังทั้งหลายทั้งปวงได้รับการฝากฝังไว้ที่เค้าตั้งแต่ต้นจนจบ "เดอะ ซิติเซ่นส์" จำเป็นต้องมี โรบินโญ่ ต่อไปใน ฤดูกาลหน้า แม้ว่าฟอร์มของดาวยิงฉบับกระเป๋าจะแกว่งไปมาชวนให้แฟนๆส่ายหน้ามากขนาดไหนก็ตามที


หาก มาร์ค ฮิวจ์ คิดหวังสูง เตรียมงบประมาณการเซ็นสัญญากับแข้งระดับโลกในช่วง ซัมเมอร์ ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้ไว้แล้วละก็ ยังไงๆ แมนฯซิตี้ ที่มีชื่อของ “โรบินโญ่” เป็นตัวชูโรงก็ดูดีมีสง่าราศี “ในการเรียกลูกค้า” อยู่วันยังค่ำ


ถึงแม้ว่าหากพิจารณาจากผลงานของดาวดังบราซิลเลี่ยน ณ เวลานี้ ชื่อของเจ้าตัวจะกลายเป็นแค่ “เปลือก” ที่ได้กระเทาะออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว(เป็นการชั่วคราว)ก็ตามครับ...


River.

Views: 158

Reply to This

Replies to This Discussion

ครับ เรียกลูกค้าต่อไป ..


เปเลน้อยย ฟอร์มนาย คัมแบ๊กได้แล้วนะ
บินโญ่ ช่วงหลังเล่นแบบไม่มีใจให้กับทีม หรือว่ารอให้ถูกขายออก....
เขียนร่ายยาวเลย ช่างมีอารมณ์สุนทรีดีนะครับ

ขอให้เจอสาวน้อยแม้ค้าบ่อยๆ และก็ปิ๊งๆ...น่าคร๊าบบบ ฮาๆๆ


เห็นด้วยครับกับที่เขียนมา...ขอชมว่า เขียนได้ดีกว่านักเขียนสตาร์ซอคเกอร์ไปหลายขุมเลย
พูดตรง ๆ ตอนนี้ฟอร์มห่วยกว่าดันน์ หรือ ไมก้า ริชาร์ดที่เรียกฟอร์มกลับมาแล้วซะอีก
ถึงจะเป็นแค่เปลือก..
แต่เราก็มานั่งเชียร์ โย่.ทุกนัด..
เล่นหว่ย..ไร้ใจ...
ผมอาจอุปทานไปเองเล่นๆว่านั่นคือความสุข แต่ในเมื่อใจยังยืนกรานอยู่เสมอว่าอะไรเหล่านั้นใช่ “ความสุขในทุกๆครั้ง(จริงๆ)” มันก็คงแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้นไปเสียไม่ได้..
สู้ต่อไป.โย่ไร้ใจ...ถ้าจะขาย..ฝังสะใจกว่าเยอะ....
ขอบคุณบทความดีฯที่ทำให้วันนี้เป็นวันที่สุขอีกวัน.ที่ได้อ่านบทความชิ้นนี้..
ถึงไม่ได้กินแซนวิสก็เถอะ....
ขอขอบคุณที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้เช่นกันครับ ^^


พูดแล้วก็อยากกิน+เจอคนขาย แซนวิช ขึ้นมาเลยนะนี่ 555+
เด่วไปด้วยกันเลยดีมั้ย??? ล้อเล่นครับ555

=ช่วงหลัง บินโญ่ เล่นเหมือนไม่ได้ใส่ใจลงไปในเกม จริงๆ
ไม่มีอะไร แค่แวะมาทักทาย - -

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.