Members

ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองเราจะใกล้เข้ามาถึงช่วงแตกหักยังไงไม่รู้นะครับ กระแสข่าวต่างๆที่หลั่งไหลออกมา ก็มีทั้งสร้างความเอือมระอา และน่าติดตามไปพร้อมๆกัน

จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใส่ใจกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นก็เห็นทีจะทำไม่ได้เสียแล้วสิ ก็แหม มันใกล้ตัวซะขนาดนี้ อีกทั้งยังเป็นข่าวคึกโครมไปทั่วโลกถึงขนาดที่ว่าเพื่อนผมซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิดยังมีโอกาสได้ทราบเรื่องราวต่างๆในไทยแลนด์แดนสยาม ณ ปัจจุบัน ไม่น้อยหน้าเจ้าของประเทศเลยทีเดียว มิหนำซ้ำยังสะเออะเอ่ยนามถึงผู้มีอำนาจที่บงการอยู่เบื้องหลังม๊อบอันธพาลเหล่านี้ ให้ได้สะดุ้งกันเป็นระยะๆอีกต่างหาก(555+)

ชัดเจนครับ...ว่าทั้งโลกต่างเห็นพ้องและนำเสนอข่าวในทิศทางเดียวกัน ก็ยังสงสัยอยู่จนบัดนี้นะครับว่า เดอะ พริ้นซ์ ออฟ สวีเดน ที่ตกเป็นข่าวติดอยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิร่วมชะตากรรมกับชาวต่างชาติรายอื่นๆ ณ เวลานั้น จะนำเอาเรื่องราวประสบการณ์อันน่าประทับใจทั้งหลายทั้งปวงไปเล่าให้คนข่าวบ้านเค้าฟังกันอย่างไร??? คิดแล้วก็ละเหี่ยใจนะครับ ยิ่งถ้าหากท่านเจ้าชายดันโปรดปรานความร้อนแรงของเสื้อแดงเป็นชีวิตจิตใจและเกิดอุตรินำมาสวมใส่ในค่ำคืนวันนั้นแล้วละก็... แหม ไม่อยากจะคิดครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น

ท่านอาจมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับประสบการณ์ใหม่ๆนอกคอนเซ็ป "อเมซซิ่ง ไทยแลนด์" ยิ่งขึ้นไปอีกก็เป็นได้ จริงไหม???( โฮลี่ชิท!!! อิทส เดอะ พริ้นซ์ เลือดนองไปซะแล้ว เฮ้อออ)

เชื่อว่าหลายๆท่านก็คงคล้ายๆกับผม คือ เกาะติดสถานการณ์ในบ้านเมืองยิ่งกว่าตั้งหน้าตั้งตาตามกระแส แมนเชสเตอร์ ซูเปอร์ ดาร์บี้ แมตช์ ที่กำลังจะระเบิดขึ้นในวันอาทิตย์นี้เสียอีก(ต่อให้ปฏิเสธว่าไม่อยากข้องแวะเรื่องการเมืองเพียงใด ก็จะต้องมีใครมาคะยั้นคะยอแกมบังคับ ให้รับรู้กันจนได้ละครับ)

เอาล่ะ พักเรื่องเครียดๆ มาว่ากันด้วยเรื่องฟุตบอลบ้าง(นะจ๊ะ) ว่ากันว่าถ้าหากเป็นเวลาก่อนหน้านี้สักสองอาทิตย์ การหยิบยกเอาเรื่องราวของ "เดอะ ซิติเซ่นส์" มาพูดถึง คงไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่ดีในการคลายเครียดเป็นแน่แท้ เพราะสถานการณ์ของทีมในตอนนั้นเข้าขั้นปั่นป่วนและตึงเครียดเสียเหลือเกิน(จะกลายเป็นว่าเครียดหนักกว่าเดิม) แต่กับฟอร์มโดยรวมของทีมที่กระเตื้องขึ้นในสัปดาห์หลังสุดมานี้ สามารถสร้างความประทับใจให้แฟนๆได้พอสมควร อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของบรรดานักเตะ และ เหล่าสตาฟผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก่อนรับศึกหนักในการเผชิญหน้ากับอริร่วมเมืองตัวฉกาจอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันสิ้นเดือน ได้เป็นอย่างดี

แน่นอนครับ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงของ แมนฯ ซิตี้ ในสองนัดหลังสุด ช่วยปลุกกระแสความน่าสนใจของ ดาร์บี้ แมตช์ แห่งกรุง แมนเชสเตอร์ ได้อีกเป็นกอง โอกาสคว้าชัยชนะที่เคยถูกมองว่าริบหรี่ ณ บัดนี้ได้เพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัวทีเดียว แม้กระนั้นก็ดี ต้องยอมรับว่าการเปิดรัง ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เสตเดียม รับมือกับผู้มาเยือนอย่าง "ปีศาจแดง" จะยังคงเป็นงานที่หนักอึ้งอยู่เหมือนเดิม ถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือกันอีกครั้งละครับ ระหว่าง มาร์ค ฮิวจ์ กับนายเก่า อย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจากที่เคยประมือกันมาบ้างแล้วเมื่อครั้งที่ "สปากี้" ยังเป็นนายใหญ่ของทัพกุหลาบไฟ อยู่ในวาระนั้น

เชื่อว่า "เฟอร์กี้" คงวางแผนมาอย่างรัดกุมในการรับมือกับแนวรุกของ ซิตี้ ที่นำโดย สตาร์บราซิลเลี่ยนอย่าง โรบินโย่ อีกทั้งบทบาทใหม่ของ ไรท์ ฟิลลิปส์ ในฐานะ มิดฟิลด์ ผู้คอยทะลุทะลวงตรงกลางก็ถือเป็นรายละเอียดที่จะปล่อยปะละเลยไม่ได้เช่นกัน ดีไม่ดีเราอาจมีโอกาสได้เห็นหมากนี้ของ มร. ฮิวจ์ กันอีกครั้งในเกมวันอาทิตย์ก็เป็นได้นะครับ

จากผลงานชั้นอ๋องที่เปิดบ้านไล่ถล่ม อาเซน่อล ชนิดไม่ไว้หน้าคนเขียนคอลัมน์(เออดิ) อีกทั้งยัง บุกไปสอนเชิง "ราชันชุดน้ำเงิน" ได้ถึงถิ่น เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของเกมการโต้กลับเร็วที่มี ไรท์ ฟิลลิปส์ ปักหลักอยู่ตรงกลางสนามได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งทีแรกผมยอมรับตามตรงว่ารู้สึกงุนงงไม่น้อยกับการตัดสินใจของ มาร์ค ฮิวจ์ ที่จัดตัวออกมาในลักษณะดังกล่าว พร้อมกับตั้งคำถามอยู่ในใจว่า เมื่อให้ "เจ้าสั้น" มารับภาระหน้าที่ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ตรงส่วนนี้ จะเป็นการจำกัดขีดความสามารถในการใช้ความเร็วจี๋ของเจ้าตัว เพื่อป่วนแนวรับคู่แข่งหรือไม่???

แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นกุนซืออย่าง "สปากี้" ที่สมควรได้รับเครดิตไปเต็มๆ เมื่อผลลัพธ์ที่ออกมา บวกกับฟอร์มการเล่นในสนามของ SWP กับบทบาทใหม่ ที่ดูเด่นเป็นสง่าชนิดหักปากกาเซียนจนเขียนไม่ออกกันเป็นทิวแถว คือนอกจากจะทำให้การตั้งเกมรุกของ ซิตี้ สามารถจัดระเบียบได้รวดเร็วยิ่งขึ้นแล้ว อัตราการทำงานในเกมรับ(Work rate)ของ "ไรท์น้อย" ยังจัดว่าสูงเอาเรื่อง(พูดง่ายก็ๆคือ ขยัน นั่นละครับ) คอยวิ่งพล่านไล่สะกัดบอลในแดนกลางร่วมกับ วาสเซลล์ และ ไอร์แลนด์ ได้อย่างน่าชมเชย ซึ่งก็ช่วยแบ่งเบาภาระของแบ๊คโฟร์ไปได้เยอะเชียว

ส่วนหัวใจในแนวรับอย่าง ริชาร์ด ดันน์ กัปตันทีม "เรือใบสีฟ้า" ก็สามารถกลับมาเรียกฟอร์มเก่งได้ในเวลาที่เหมาะเหม็งเสียเหลือเกินนะครับ โดยสองนัดที่ผ่านมาพร้อมกับชัยชนะอันล้ำค่า ทั้งในเมือง แมนเชสเตอร์ ถิ่นของตนเอง หรือจะเป็นที่ เยอรมานี ปราการหลังผู้นี้ก็เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง มีสมาธิกับเกมดีเยี่ยม ข้อผิดพลาดที่เคยส่งผลกระทบให้ทีมเสียประตูอย่างที่แล้วๆมาแทบไม่มีให้เห็น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในชัยชนะทั้งสองนัดของทีมอย่างแท้จริง และถ้าหาก "ดันนี่" ยังคงรักษามาตรฐานการเล่นเอาไว้ได้ในระดับนี้ อีกทั้งยังสามารถยืนระยะได้ตลอดเก้าสิบนาทีในเกมดาร์บี้แมตช์สุดสัปดาห์ เชื่อว่าความหวังที่จะบุกมาคว้าสามคะแนนเต็มของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างแน่นอน

ทางด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เองแม้จะหวังมาเก็บชัยชนะ เพื่อเป็นการการันตีตำแหน่งในกลุ่มนำต่อไป แต่คงไม่ย่ามใจถึงขนาดจัดตัวรุกลงมาวิ่งเล่นกันให้ควักในทุกอนูของสนาม แมตช์นี้น่าจะมีโอกาสได้เห็นนักเตะจอมขยันอย่าง พาร์ค จี ซอง ลงมาชะลอการขึ้นเกมรุกของ โรบินโย่ ตั้งแต่ต้นเกมเสียมากกว่า เช่นเดียวกับทางฝั่งของเจ้าถิ่น ซึ่งน่าจะยังใช้บริการของ ดาริอุส วาสเซลล์ ในตำแหน่งปีกขวาต่อไป เพื่อไล่ล่าการขึ้นเกมทางริมเส้นของ ยูไนเต็ด ที่มีทีเด็ดเหลือเฟือจากทั้ง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และ ปาตริช เอวฟร่า(คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณนะครับ ว่าร้ายกาจขนาดไหน)

จุดเด่นของทั้งสองทีมคือเกมสวนกลับเร็วที่มีดีด้วยกันทั้งคู่ ก็ไม่แน่ว่าทีมที่คุมจังหวะของเกมได้เหนือกว่าจะเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบเสมอไป นัดนี้ได้วัดกึ๋นของสองกุนซือกันละครับ ว่าจะวางแผนมาได้แยบยลขนาดไหน มาร์ค ฮิวจ์ จะสามารถปลุกเร้านักเตะใหม่ๆ ให้มีอารมณ์ร่วมไปกับบรรยากาศแห่งความเป็นอริที่คุกรุ่นอยู่ในศึกสายเลือดเช่นนี้ได้ดีเพียงใด แน่นอนว่าเหล่าบรรดาสาวก CITID คงต้องแห่ไปให้กำลังใจทีมรักกันจนเต็มความจุของสนาม ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ สเตเดียม อย่างไม่ต้องสงสัย ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเขย่าโสดประสาทของผู้มาเยือนได้เช่นกัน

"เรด เดวิลส์" อาจเป็นทีมที่มีฐานแฟนบอลมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ไม่ใช่ที่นี่ ณ เมือง แมนเชสเตอร์ แห่งนี้ ก็ฟังดูตลกดีเหมือนกันนะครับที่แฟนบอลผู้อาศัยอยู่ในเมืองส่วนใหญ่กลับรักใคร่และให้การสนับสนุนทีมลูกไล่อย่าง "เดอะ ซิติเซ่นส์" มากกว่าโคตรทีมร่วมเมืองเช่น "ยูไนเต็ด" ด้วยอัตราส่วนที่ทิ้งห่างกันอย่างสุดกู่ อีกทั้งดีกรีความเกลียดชังท่ามกลางแฟนบอลทีมอื่นๆที่มีต่อแชมป์ UCL ปีล่าสุด ก็มีจำนวนมหาศาลเช่นกัน(นับได้เป็นแฟนๆผู้ฝักใฝ่คลั่งใคล้ในสโลแกน You’ll never walk alone ซะเกินกว่าครึ่ง 555+)

ซึ่งก็คงจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดหากเกมสำคัญในค่ำคืนวันอาทิตย์นี้จะมีแฟนๆ แมนฯซิตี้ เฉพาะกิจ มาร่วมด้วย ช่วยกัน "แช่ง" ปีศาจแดง ให้ประสบพบเจอกับความหายนะกันอย่างถ้วนหน้าใน โฮม ทาวน์ ของตัวเอง(ฮิๆๆๆ)

ถามว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ทำอะไรผิด ถึงได้มารุมเขม่นกันเช่นนี้???

ถ้าไม่นับความน่าหมั่นไส้ของผู้จัดการทีม และนิสัยเสียของนักเตะบางราย(รวมถึงแฟนบอลขี้โม้บางกลุ่มในบางประเทศ) ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหนักหนาหรอกครับ เพียงแต่ความสำเร็จมันเกินหน้าเกินตาชาวบ้านชาวช่องเค้า ดีเด่นเกินไป บางครั้งก็มีผลร้ายตามมาเช่นกัน

ดูๆไปก็คล้ายๆกับอดีตนายกรัฐมนตรีของบางประเทศนะครับ อุตส่าห์ทำคุณประโยชน์ให้บ้านเกิดเมืองนอนอย่างประเมินค่ามิได้ จนกลายเป็นบุคคลที่ประชาชนรักใคร่ และเทใจให้การสนับสนุนอย่างล้นหลามเป็นประวัติการณ์ แต่กลับมีกลุ่มคนบางกลุ่มบางประเภทแสดงท่าทีรังเกียจเดียจฉันฑ์ในความสำเร็จที่สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรง สาปแช่งให้ฉิบหายวอดวายไปต่างๆนาๆ ก็นะ...ความอิจฉามันเข้าครอบงำทำอย่างไรได้ละครับ...ว่าแล้วก็ก่อการอุกอาจด้วยการประกาศยึดสนามบินให้มันสูญเสียรายได้เข้าประเทศเล่นๆเป็นแสนล้านบาทมันซะอย่างนั้น!!!(ฮิๆๆๆ) ก็ไม่ทราบว่าครั้งหน้าจะยึดอะไรอีกดีล่ะ???(เฮ้อออ)

อ้าว...ไปโผล่เข้าเรื่องการเมืองซะได้!!!(555+) ก็อย่างที่เรียนไว้ตอนต้นละครับ ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะเปิดโทรทัศน์ไปช่องไหน เข้าเว็บอะไร ก็มีแต่ข่าวประเภทนี้ผ่านหูผ่านตาให้ว้าวุ่นใจกันได้ตลอดไม่เว้นแต่ละวัน

เพราะฉะนั้นในคืนวันอาทิตย์นี้ ตั้งแต่เวลา 20.30 น. เป็นต้นไป ขอเรียนเชิญพี่น้องกองเชียร์(และกองแช่งเฉพาะกิจทั้งหลายแหล่) เข้ามาเชียร์บอลให้ผ่อนคลายหายตึงเครียดจากภาวะบีบคั้นทางการเมือง(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะผ่อนคลายหรือหัวใจวายดี)และเป็นกำลังใจให้ทีม "เรือใบสีฟ้า" พร้อมทั้งตั้งหน้าตั้งตา "แช่ง" พลพรรคปีศาจแดงให้เล่นกันไม่ออกด้วยก็แล้วกัน(นะจ๊ะ)

จะว่าไปแล้วการพิมบทความถึงทีมที่ไม่ค่อยชื่นชอบสักเท่าไหร่(หรือพูดตรงๆก็คือทีมที่เกลียดนั่นไงครับ) กลับเป็นแรงบันดาลใจให้สามารถบรรเลงถ้อยคำได้อย่างสนุกสนานมันส์มืออยู่เหมือนกันนะครับ(มันอัดอั้น555+) เหมือนกับครั้งที่ผมลงคอลัมน์ "เรือใบ-ไก่-และอะไรต่อมิอะไรบ้าง" ซึ่งมีเนื้อหาสาระหลักๆเกี่ยวกับทีม "ไก่เดือยทอง" ท๊อตแนมฮ๊อต สเปอร์ส(อริตัวฉกาจของ เดอะ กันเนอร์ส) ยังไงหยั่งงั้น(ไอ้ที่ว่าไม่สบายไข้ขึ้นก็เพราะบทความ มาราธอน ชิ้นนั้น นั่นแหละครับ)

เอ...มาคราวนี้มีความจำเป็นต้องพาดพิงถึง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พอดี ก็ถือว่าเป็นบทความที่ยาวเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะครับ...แหม แต่ก็ยังไม่ได้พลั้งมือพิมไปว่าเกลียดชัง "ปีศาจแดง" เข้าใส้อะไรเทือกนั้นเสียหน่อย

ผมพยายามข่มใจใช้สำนวนให้เป็นกลางที่สุดแล้วนะเนี่ย...(555+)

River.

Views: 238

Reply to This

Replies to This Discussion

มาแล้ว รอตั้งนานนึกว่าจะไม่มาซะแล้ว ขอบคุณครับ ^^
แจ่ม ชอบหัวข้อคอลัม *-*
บทความหนนี้สนุกดีครับ อ่านแล้วแอบยิ้มได้นิดหน่อยอยากให้นักเตะอ่านออก และได้มาอ่านกันจัง คงมีกำลังใจเพิ่มขึ้นเยอะ
ยาวจังเลยครับ ฮิฮิ
น้องรีเวอร์เขียนจนคนติดกันงอมแงมทั้งเว็บ ไม่ธรรมดา
อ่านทั้งหมดแล้ว สรุปใจความได้ว่า CITY ชนะแหง่มๆ 3-0
เป็นนักเขียนก็งี้แหละ เชียรทีชอบออกหน้าออกตาเกินไปก็ไม่ได้ ว่าที่ชังแต่คนอื่นชอบก็เจ็บ

แต่มันก้ดีเหมือนกัน ถือเป็นการกล่อมเกลา สำนวนโวหารไปในตัว

แฮ่แต่รูน้าว่าไม่ชอบอะไรอยู่ ไม่ถึงกับไม่ชอบหรอก แต่แค่คนละข้างเท่านั้นเองนิ

เราใจฝ่ายเดียวกัน ฮ่า
ขอบคุณสำหรับ บทความครับ

คืนนี้ขอเน้นๆนะ *-*
หวาว *-*
United vs. City "ต่างสี ที่เดียวกัน" คิดได้อย่างไรนะ...เป็นความหมายที่ลงตัวทีเดียว (แต่ไม่ใช่เหลืองกับแดง)
อ่านแล้วเหมือนได้กิน "แฮมเบอร์เกอร์" ชิ้นใหญ่เป็นการเมืองไทยไส้ดาร์บี้แมตซ์แห่งเมืองแมนเชสเตอร์ แต่รสชาติถูกปากเช่นเคย
งวดนี้นํ้าเยอะจิงๆ รุป่าว เหมือนสรุปได้ว่าแมนซิใช้สูตรเดิม

นัดนี้ตัวนักเตะไม่ได้ขาดมากอย่างที่คิด ติดอยู่ที่กุนซือว่าใครจะวางแผนแก้เกมดีกว่ากัน
ถ้าเฟอรกี้จัดตัวแปลกๆ แล้วโด้เล่นเหมือนสองนัดที่ผ่านมาก ก้อคงเรียบร้อยเหมือนนัดเจอวิลล่า


ขอติว่าจะวกเข้าการเมืองอะไรมากมายเนี่ย ตอนจั่วหัวผมว่ากําลังดี ดูไม่เลิอกข้าง แต่พอวนมารอบสองนี้หมดเลย
กลางเปนเหนข้างเต็มตัว ถ้าเอาไปลงเวปบอรดอื่นๆมีหวังเจอเสียงกระแหนะกระแหนมาเต็มที่ วันหลังก้อเพลาๆเหอบทความลดเกรดลง

แต่ชอบหัวนะ พูดแล้วมันเข้ากับหลายๆเรื่องๆ สวยดีๆ
ที่ว่าน้ำเยอะกว่าเนื้อ ลุงมั่นใจว่า บทความเกี่ยวกับ ลมพัดดอกไม้ไหว น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา
ไม่ว่าน้ำจะท่วมฟ้า ปลาจะกินดาว กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ก็ยังต้องรองบประมาณอยู่
เดี๋ยวนี้มันหายไปไหนหมด ก็เล่นปูเรื่องใหม่ ไม่ ยกออกนอกเมืองสวรรคโลก ข้ามโคกข้ามป่าพนาสี เหมือนเดิม
แหม่ก็แค่คุณ Snowvyriver แกอยากจะเขียนสิ่งใหม่ๆให้ไม่เหมือนเดิมก็แค่นั้น
แต่คำตินี้ยังยืนยัน ไม่เอาการเมือง ไม่ว่าจะน้อยหรือมากเหมือนเดิม ลุง หนับหนุนๆ แต่ก็ ไม่มีใครอดได้ทั้งนั้นแหละ
ดูที่ชอบหัวก็รู้ เค้ารู้นะตัวเองหลับแล้วฝันถึงอะไรอยู่

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.