Members

โจ๊กไม่ไข่ไม่ขิง กะ โจ๊กใส่ไข่โรยขิง

ทั้งหลายทั้งปวงต่อไปนี้ได้แรงบันดารใจมาจาก กระทู้ ถุงยางสามอัน ของยัยหนู kaney
โจ๊กไม่ไข่ไม่ขิง

เช้าตรูวันอาทิตย์ต้นฤดูหนาวที่อากาศสุดแสนสบาย ไม่ว่าเมื่อคืนบอลจะแพ้หรือชนะวันนี้ลุงขอตื่นประมาณเที่ยงๆได้ไหม ยังไม่ทันตอบตัวเองให้ชื่นใจ ก็มีเสียงเล็กๆ ของยัยหลานสาวตัวแสบสองคนมาปลุกข้างหู พร้อมกับเขย่าตัวลุงไปมา พร้อมกับยิงคำถามด้วยเสียงใสๆว่า
“ลุงเล็กๆ ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงกับลุงเล็ก แล้วลุงเล็กจะทำยังไง”
ลุงได้แต่นึกในใจ ยัยคนนี้มามุขเดิมอีกแล้ว เลยตอบไปด้วยเสียงงัวเงียรับมุขเล่นไปด้วยว่า
“ก็โทร 191 หรือ เรียกศูนย์นเรนธรซิ”
“อะไรอ่ะ ศูนย์ นเรนธร”
อ้าวลืมไปเด็กต่างจังหวัด ลุงก็ขี้เกียจอธิบายเพราะยังตื่นไม่เต็มที่ เลยตอบไปหวังว่ามุขนี้คงจะจบด้วยเวลาอันสั้นว่า
“เปลี่ยนเป็นเรียกปอเด๊กตึ๊งหรือ ร่วมกตัญญูก็ได้ แต่อย่าเรียกมาพร้อมกันนะเดี๋ยวมันทะเลาะกัน”
“ทำไมต้องทะเลาะกันล่ะ”
อ้าวเป็นเรื่องไม่จบง่ายๆเฮอะ ดีที่ยัยหลานสาวอีกคนส่งเสียงขัดจังหวะเสียก่อน
“เป็นคำตอบที่ไม่ถูกต้อง คำตอบที่ถูกต้องก็คือ ต้องไปตลาดนัด”
อ้าวคำตอบไม่เหมือนเดิมกับคราวที่แล้วเหอะ
“ไปตลาดนัดทำไมหละ” ลุงชักเริ่มมีอารมณ์ร่วมเล่นมุขด้วย
“ก็ต้องไปตลาดนัดซิ ไปซื้อเข็มขัดใหม่ไง เค้าเรียกมุขลูกสาวพิศาลน่ะรู้จักไม๊ลุง มุขอ้อมอะ มุขอ้อม”
โธถังกะละมังตั้ง ลุงเลยต้องเปลี่ยนจากท่านอนราบเป็นท่ากึ่งนั้งกึ่งนอน
“แล้วนี่ตื่นกันแต่เช้าหิวไม๊ ลุงลวกใส้กรอกให้รองท้อง คนล่ะสามชิ้นเลยเอาไม๊”
ยัยตัวเล็กเอียงคอพร้อมกันตอบ
“ดีเหมือนกัน แต่ก่อนที่จะไปลวกต้องฟังอะไรที่หนูเล่าก่อน”
เอ...มามาดใหม่เหอะ เปลี่ยนจากเคยยิงคำถามไม่หยุดไม่หย่อน มาเป็น มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง ลุงเลยต้องทำท่าตั้งใจฟัง
“ลุงเล็กรู้จักไม๊ พวก เมสเซ็นเจอร์ น่ะ”
อ้าวไหนว่าจะเล่าอะไรให้ฟัง ไหง่ตั้งคำถามเหมือนเดิม แต่คำถามนี่ไม่เคยได้ยินเหอะ เล่นด้วยก็ได้
“รู้จัก พนักงานรับส่งเอกสารไง”
“นั้นแหละๆ พวกที่ชอบขี่มอเตอร์ไซด์ ใส่หมวกกันน๊อคอย่างดี แต่ไม่ชอบรูดซิปเสื้อคลุม เลยต้องส่วมเสื้อคลุมกลับหลังเอามาส่วมแขน กับปิดหน้าอกไว้นั่นแหล่ะ”
จะมามุขไหนวุ้ยเนี๋ย คิดไม่ออกจริงๆ
“แล้วไง ใส่หมวกกันน๊อคกับใส่เสื้อกลับหลังแล้วเป็นไง”
“คือเกิดข่าวลือว่าเค้าจะบังคับให้พวกนี้เลิกใช้มอเตอร์ไซด์ จะเปลี่ยนเป็นจักรยานก็ไม่ยอม ต้องใช้รถยนต์สี่ล้อเท่านั้น น่าสงสารน่ะรายได้ยิ่งน้อยๆกันอยู่”
ยัยตัวเล็กเฉิดหน้าทิ้งจังหวะทำท่าเมือนให้ลุงตั้งคำถามต่อ
“จะไปให้เค้าเลิกใช้ได้ยังไงมีหวังวุ่นวายตายเลย”
“คือมันเกิดเหตุการณ์ผิดปกติกับบรรดา เมสเซ็นเจอร์ ที่ประสพเหตุ มอเตอร์ไซด์ล้มไม่ว่าเหตุการณ์จะรุนแรงหรือเล็กน้อย ก็เสียชิวิตทุกราย หลังจากร้องโอดโอยไม่นาน พอไทยมุ่งเข้าไปช่วยเหลือเป็นเสียชิวิตทุกราย”
น้ำเสียงยัยหนูตอนนี้มีตะกุกตะกักนิดหน่อยเพราะเวลาเล่าต้องใช้คำศัพท์ยากๆ แต่ลุงไม่ต้องแกล้งทำหน้าซื่อ เพราะอยากรู้จริงๆ ว่าเรื่องจะเป็นไงต่อ
“อ้าวทำไม๊เสียชิวิตง่ายๆอย่างนั้นล่ะ”
“ก็นั้นแหละยังหาสาเหตุไม่พบ รายล่าสุดศูนย์นเรนธรก็ไปไม่ทัน”
บ่ะยัยคนนี้รู้จักศูนย์นเรนทรซะด้วย ลุงไม่ขัดคอแล้วเพราะอยากรู้จริงๆ
“แล้วทำไม ไม่สอบถามสาเหตุจากบรรดาไทยมุงที่เข้าไปช่วยเหลือก่อนหน้านี้ล่ะ”
ยัยหนูเก็บอาการทางใบหน้าไม่อยู่อมยิ้มไปเล่าไป ต่อไปว่า
“เห็นบรรดาไทยมุงบอกว่า ตอนแรกที่มอเตอร์ไซด์ล้ม ก็ยังเห็น เมสเซ็นเจอร์ ลุกขึ้นนั่งคอบิดไม่อยู่กับที่ ยังบ่นว่าจุกอยู่เลย เพิ่งมาเสียชีวิตก็อีตอน พวกผมหมุนคอให้เข้าที่นี้แหละ”
เป็น ฮา ไม๊ล่ะตะหงิดๆ ตั้งแต่ยัยตัวแสบปูเรื่องว่า เมสเซ็นเจอร์ ชอบใส่เสื้อคลุมกลับหลัง มาแล้ว เลยต้องขอตัวไปลวกไส้กรอกให้ก่อน แต่ไม่วายยัยตัวเล็กอีกคนไม่ยอมให้ลุงไปง่ายๆ
“ฟังของหนูก่อน หนูมีคำถาม เรื่องนี้ฮิตมากที่โรงเรียนเลยนะ”
ลุงเลยยังลุกไม่ได้ นั้งอยู่กลางวงล้อมของยัยหลานสาวสองคน
“คือในงานพระราชพิธี ถวายเพลิงพระศพ พระพี่นาง เค้า ไว้อะไร กันง่ะลุงเล็ก”
งานนี่ลุงคงไม่ต้องตอบ หรอกนะยัยหลานรัก เล่นหมิ่นเหม่ยังงี้ กำลังจะชมว่าพูดคำราชาศัพท์ได้ชัดเจนดีอยู่เชียว เห็นทีลุงต้องลุกไปลวกไส้กรอกมาให้ยัยสองคนนี่กินซะที
โจ๊กใส่ไข่โรยขิง RATE R+ ถึง R-
นิยามนี้มีมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมัน

เอาเป็นว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยอาณาจักรโรมัน เจริญรุ่งเรืองสุดๆจะเป็นในสมัยซีซาร์องค์ไหนก็อย่าไปใส่ใจเลย เอาเป็นว่าเจริญทั้งการทหาร เศษฐกิจ ศิลปะ กวี กีฬา ดนตรี เรียกว่าเจริญไปทุกอย่างยิ่งเรื่องการเมืองการปกครอง ซีซาร์ซึ่งน่าจะเปรียบกับผู้นำทางการทหารก็ไม่เคยมายุ่งก้าวงานทางด้านการเมือง ปล่อยให้บรรดา ขุนนางที่ทั้งมาจากการเลือกตั้ง และลากตั้งบริหารบ้านเมือง ว่าความบ้านความเมืองกันในสภาผู้แทน โดยที่พระองค์ไม่เคยแตะต้อง ว่ากันว่าพระองค์จะดำริสร้างสนามสู้สิงโตในเมืองหลวงเพิ่มยังต้องขออนุมัติงบประมาณจากสภาแห่งโรมเลย อู้ยพูดแล้วน่าอิจฉาชะมัด
แต่อย่างว่า ปัญหา เอจะเป็น ปัญหา หรือป่าวก็ไม่แน่ใจ คือพวกตุ๊ดพวกเกย์นี้มันมีแต่โบราณก่อนสมัยโรมันแล้ว แล้วบรรดาพวกนี้ก็โคxรเก่ง มีอยู่ในทุกวงการแล้วล้วนเป็นแต่บุคคลในแนวหน้าของสังคมทั้งนั้น
ในสมัยโรมันรุ่งเรืองนี่ก็เช่นกัน ยังมีเกย์ผู้เฒ่าผู้สูงศักดิ์ลือนามอยู่ตัวหนึ่ง เอ้ยผู้หนึ่ง ได้รับลากตั้งเข้ามาในสภาอันทรงเกียรติ์จนได้ เพราะบรรดาว่านเครือเกย์น้อย เกย์ใหญ่ด้วยกันลากตั้งมานั้งในสภาจนสำเร็จ แถมยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็น กรรมาธิการสภา ว่าด้วยเรื่องประนามและหยามเหยีดแห่งอาณาจักรโรมัน
คือว่ากรรมาธิการคณะนี้มีหน้าที่คิดค้นวิธีการลงโทษทางจิตใจแก่บรรดาผู้ทำผิดศีลธรรมแห่งอาณาจักร ให้ได้รับความอับอายทุกข์ทรมานทางจิตใจ แหม่เจริญสุดๆไปเลยอาณาจักรแห่งนี้
แต่ก็อย่างว่าเหมือนปัญหาโลกแตก ที่ใดมีเกย์ มีตุ๊ด ที่นั้นย่อมมีพ่อมีแม่ที่สุดแสนจะอับอายที่มีลูกเป็นเกย์เป็นตุ๊ด ยิ่งบรรดาพ่อแม่ที่เป็นบรรดาขุนนางผู้ทรงศักดิ์ยิ่งทนไม่ได้เอามากๆเข้าไปใหญ่ ถึงขนาดจับลูกชายเกย์สุดหล่อให้แต่งงานกับสตรีเพศ ประหนึ่งว่าจะให้หายจากการเป็นเกย์ขึ้นมาซะยังงั้น ซึ่งก็แน่นอนพันรายจะมีหายขาดซักห้ารายได้มั้ง
แต่ก็อย่างว่า อาณาจักรโรมันในสมัยนั้น เพศที่สาม เพศที่สี่ ก็มีอำนาจสั่นคลอนอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองสุดๆได้เช่นกัน ดังนั้นบรรดาเกย์น้อย เกย์ใหญ่ ซึ่งพากันโกรธแค้นบรรดาเกย์ที่หลงลืมหายขาดจากบรรดาภรรยาชายรูปหล่อล่ำบึ๊ก ได้พากันเล็งเห็นแล้วว่าเราก็มีเพศเดียวกันอยู่ในสภาแถมได้เป็นกรรมาธิการสภา ว่าด้วยเรื่องประณามและหยามเหยีอดแห่งอาณาจักรโรมันเสียด้วย จะพากันเข้าพบเกย์เฒ่าข้อร้องแกมบังคับ แถมยกยอปอปั้นว่า หากท่านทำสำเร็จ ถ้าได้เกิดชาติหน้า อีกหลายร้อยปีให้หลังท่านจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่ทรงอำนาจบารมีของประเทศที่องค์นเรศนเรศวรจะมาเป็นใหญ่ ว่าเข้าไปนั่นเลย หากเพียงท่านคิดค้นวิธีการลงโทษทางจิตใจแก่บรรดาเกย์หนุ่มผู้ซึ่งห่างหายขาดจากเกย์สาว
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ๆ เกย์เฒ่าก็ได้เสนอให้คณะกรรมาธิการ ยอมรับในความคิดของตน เสร็จแล้วก็เสนอให้สภาแห่งอาณาจักรโรมันประทับตรายางซะงั้น ก็รัฐธรรมนูญเค้าเสือกดันเขียนไว้ยังงั้นนี่หน่า
วิธีลงโทษของเกย์เฒ่า คือได้บัญญัติคำนิยามให้พลเมืองแห่งอาณาจักรโรมันใช้เรียกประนาม บรรดาเกย์หนุ่มที่ทิ้งเกย์สาว ไปหาอิสตรีเพศว่า
ไอ้พวก”ได้หน้าลืมหลัง”
สร้างความอับอายให้กับบรรดาเกย์หนุ่มที่บัดนี้กลายเป็นบุรุษเพศเต็มตัวเป็นยิ่งนัก
ร้อนถึงบรรดา ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นบิดรมารดาของ นิวบุรุษเพศ ไม่รู้จะหาวิธีแก้แค้น บรรดาเกย์น้อยใหญ่ยังไงดี ก็เลยไปปรึกษา กับขุนนางที่มาจากการเลือกตั้งที่เป็น กรรมาธิการสภา ว่าด้วยเรื่องประณามและหยามเหยีอดแห่งอาณาจักรโรมัน เช่นกัน ขุนนางท่านนั้นก็ได้แต่ปลอบใจว่า คงหมดหนทางจะแก้แค้นบรรดาเกย์เหล่านั้น เพราะสายเกย์เค้ามาแรงจริงๆ แต่ในความมืดทึบ ก็ยังเห็นแสงสว่างรำไรๆที่ปลายอุโมงค์ ขุนนางท่านนั้นก็กระซิบวิธีลดกระแส ให้ผ่อนหนักเป็นเบาให้บรรดาบิดรมารดาของ นิวบุรุษเพศ ฟัง ก็พากันพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย หรือจะเอาวิธีแตกหักก็ต้องเป็นวิธีนี้ ว่าแล้วขุนนางผู้นั้นก็ป้องปากกระซิบอีกครั้ง ที่นี้บรรดาพ่อแม่ของ นิวบุรุษเพศ ก็พากันโบกมือร้องห้ามว่า ดูมันจะรุนแรงไปนะท่าน และก็ดูจะไม่สมานฉันท์ไปซักหน่อย
ว่าแล้วขุนนางผู้นั้นก็เสนอ คำนิยาม ที่ใช้เรียกบรรดาเกย์หนุ่มที่แต่งงานไปกับสตรีเพศแล้วก็ยังไม่วาย แวะเวียนมาหาเกย์สาวอยู่เนื่อง ๆ เป็นวาระเร่งรัดให้สภาแห่งโรมันประทับตรายาง ท่ามกลางเสียงค้านที่ไม่ค่อยเต็มคำนักของขุนนางเกย์เฒ่า เพราะเคยเล่นเค้าไว้ก่อน แล้วก็ได้รับเสียงหนุนเกือบหมดสภาพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักจากบรรดาขุนนางผู้เป็น บุรุษและสตรีเพศเต็มตัว
นิยามศัพท์ที่ขุนนางท่านั้นเสนอให้สภารับรอง ให้บรรดาพลเมืองของอาณาจักรใช้เรียกบรรดาเกย์หนุ่มที่แต่งงานไปกับสตรีเพศแล้วก็ยังไม่วาย แวะเวียนมาหาเกย์สาวอยู่เนื่อง ว่า
ไอ้พวก”ห่วงหน้าพะวงหลัง”
นั้นแหละเป็นที่มาของคำนิยามทั้งสองคำว่า
“ได้หน้าลืมหลัง”
“ห่วงหน้าพะวงหลัง”
ซึ่งปัจจุบันเราเอามาใช้ให้ผิดเพี้ยนไปจากรากศัพท์ดั่งเดิม
ส่วนคำ นิยาม อีกคำที่ห่างหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์เพราะไม่ได้เสนอให้สภาแห่งโรมันรับรอง ได้แก่คำที่ใช้เรียก บรรดาเกย์หนุ่มที่หนีไม่ยอมวิวาห์กับหญิงสาวที่พ่อแม่บังคับหามาให้ ต้องเรียกไอ้พวกนี้ว่า
ไอ้พวก”หลงหลังจนไม่ลืมหูลืมตา”
นี่แหละเป็นสาเหตุที่เราถึงไม่เคยได้ยินคำนิยามคำนี้
ด้วยประการชะนี้แล

Views: 229

Comment

You need to be a member of Manchester City Fan Club in Thailand Website to add comments!

Join Manchester City Fan Club in Thailand Website

Comment by B on December 14, 2008 at 11:37am
แล้ว คำ เข้านอกออกใน นี่มันพอระมีประวัติมั๊ยละครับ
Comment by mcfc-มีน on November 23, 2008 at 4:57pm
อ่านซะเมื่อยเลยลุงเล็ก เอ๊ย
ตั้งแต่สองสาวจอมแก่นเจ้าปัญหา
จนมาถึงประวัติโรมัน
ไอ้เมสเซนเจอร์อะไม่เท่าไหร่
แต่พึ่งมารู้ว่า ความเปนมาของคำว่า
ได้หน้าลืมหลัง ห่วงหน้าพะวงหลัง
แล้วมีแถมด้วย หลงหลังจนไม่ลืมหูลืมตา อีก
มาถึงบางอ้อเลย อ้อ...มันเปนเช่นนี้เองรึครับลุง
555 คิดได้งัย555
Comment by Kaney on November 23, 2008 at 4:10pm
555 มันมีประวัติ นานจริงๆ
แต่น่าประทับใจกับ
แมงกะไซด์ จัง เมสเซนเจอร์
ล้มเมื่อไร ตายเมื่อนั้น 555

หนุกมากคะ ลุง

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.