กุนซือใหม่ ใครจะไปก่อน ?
สวัสดีครับ กลับมาเจอกันอีก ไม่รู้จะมีใครอยากที่จะเจอกับผมไหม (- -') ถ้าผมเขียนไม่ดี ไม่ได้เรื่องยังไง ติชมด่าเข้ามากันได้เลยนะครับ แต่เวลาเจอกันแล้ว ห้ามเตะห้ามต่อยห้ามตบก็พอ มันเจ็บ...
ช่วงนี้เวลาก็งวดเข้ามาทุกขณะแล้วนะครับ อีกไม่นานลีกยุโรปซีซั่นใหม่ก็ใกล้ที่จะเปิดฉากกันแล้ว เอาเข้าจริงๆ ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 40 กว่าวันเท่านั้น ซึ่งในวันนี้ ตัวผมก็ไม่มีอะไรมาก แค่อยากมาวิเคราะห์มั่วๆ ซั่วๆ ตามสไตล์ถึงในเหล่าชะตากรรมของกุนซือคนใหม่แห่งทีมดังต่างๆ
ไม่พูดพร่ำทำเพลงมาก เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ไล่ตั้งแต่ในทีมรักอย่าง "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มี เดวิด มอยส์ นั่งแท่นเป็นนายใหญ่คนใหม่ ซึ่งดูจากโปรแกรมที่คลอดออกมาแล้ว พูดได้เลยว่าสุ่มเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เพราะแค่จากใน 5 เกมแรก ก็ปาเข้าไปถึง 3 เกมด้วยกัน ที่ทีมจากโรงละครแห่งความฝันต้องเปิดศึกบิ๊กแมทช์กับอีก 3 ทีมยักษ์
ไล่ตั้งแต่ในนัดที่สองที่ มอยส์ ต้องพาลูกทีมเปิดบ้านลงเจอกับ เชลซี ที่เพิ่งจะได้กุนซือมาดกวนอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กลับมานั่งแท่นเป็นนายใหญ่อีกครั้ง ตามติดมาด้วยในนัดที่สามที่ทีมต้องออกไปทำศึกแดงเดือดกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล และปิดท้ายด้วยการทำศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ กับ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ในเกมนัดที่ห้า
เชื่อได้เลยว่า เมื่อเหล่าเด็กผีรู้โปรแกรมที่ออกมาแล้ว ทุกคนคงจะเป็นกังวลและเป็นห่วง เดวิด มอยส์ กันอยู่ไม่น้อย ทว่าหาก มอยส์ ไม่สามารถพาทีมเก็บสามแต้มได้เลยจากในสามนัดดังกล่าว เป็นไปได้ไหมที่เจ้าตัวจะถูกเด้งฟ้าผ่า ? ซึ่งตอบตามความคิดของผมแล้ว ผมเชื่อว่าโอกาสที่อดีตกุนซือ เอฟเวอร์ตัน จะโดนสั่งปลดกลางอากาศนั้นมีน้อยมากถึงมากที่สุด
หรือหาก มอยส์ จะถูกเด้งจริง ก็คงจะไม่ใช่ภายในห้าเกมแรกเป็นแน่แท้ ตามความคิดผมแล้วถ้า มอยส์ จะถูกเด้งจริงอาจจะเป็นในช่วงจบฤดูกาลแรกซะด้วยซ้ำ ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่แน่เหมือนกัน ที่เหล่าเด็กผีนั้นอาจที่จะได้เห็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลับมานั่งแท่นเป็นกุนซืออีกครั้งเป็นคำรบที่สอง หากทว่ากุนซือผู้ซึ่งรับไม้ต่อจากเขา ไม่สามารถพา "ปีศาจแดง" เกรียงไกรได้ในเร็ววัน
เอาล่ะ ที่นี้เรามาว่ากันถึงในทีมเพื่อนร่วมเมืองของ ยูไนเต็ด อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กันบ้าง ที่ได้กุนซือชาวชิลีคนเก่งของ มาลาก้า อย่าง มานูเอล เปเยกรินี่ มานั่งแท่นเป็นหัวเรือคนใหม่ ซึ่งจะว่าไปแล้วอดีตกุนซือ "เรือดำน้ำสีเหลือง" ก็สุ่มเสี่ยงมากที่เดียว กับการที่เขานั้นอาจจะได้ทำงานไม่ครบเทอม หากทว่าเจ้าตัวไม่สามารถพา "เรือใบ" แล่นฉิวได้ตามดั่งใจของเศรษฐีชาวอาหรับ
เพราะหากมองจากสถิติในรอบกว่า 13 ปีที่ผ่านมา ซิตี้ ก็เป็นอีกหนึ่งทีมของอังกฤษที่ทำการเปลี่ยนโค้ชไปมากมาย โดยนับตั้งแต่ในปี 2000 เป็นต้นมา "เรือใบสีฟ้า" ใช้โค้ชไปแล้วถึงกว่า 5 คน (นับเริ่มจากยุค คีแกน ไม่นับรวม ไบรอัน คิดด์) ขณะที่ในตัวของ เปเยกรินี่ เอง เขาก็ไม่เคยอยู่คุมทีมใดได้นานเช่นกัน
เชื่อได้ว่าหาก เปเยกรินี่ ไม่สามารถพาอดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2011-12 มีฟอร์มที่เข้าตาเศรษีชาวอาหรับที่ซึ่งเป็นเจ้าของทีมได้ กุนซือชาวชิลีผู้นี้ก็มีสิทธิ์สูงมากที่อาจจะถูกเศรษฐีอาหรับใจร้อนสั่งเด้งได้ในตั้งแต่ครึ่งฤดูกาลแรก
ส่วนในรายของกุนซือมาดกวนอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ได้หวดกลับมารับงานกับ "สิงห์บลู" เชลซี อดีตสังกัดเก่าอีกครั้ง ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งกุนซือใหม่แห่งเกาะอังกฤษที่น่าจับตามองไม่น้อยไปกว่าใน 2 คนแรกที่ได้กล่าวมา
ทว่าหากว่ากันตามฝืมือที่ถูกพิสูจน์แล้ว ทาง มูรินโญ่ อาจจะน่าเป็นห่วงน้อยกว่าใน 2 คนข้างต้น ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ผมเชื่อว่ามีสิทธิ์สูงมาก ที่กุนซือชาวโปรตุกีสผู้นี้จะนำ เชลซี กลับมาครองความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในครานี้
มาถึงตรงนี้ก็ขอสรุปเลยแล้วกัน จาก 3 กุนซือใหม่ที่น่าจับตามอง ที่ตัวผมได้กล่าวยกมา ตามความคิดของผมแล้วไล่เรียงไปในคนที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดจนถึงน้อยที่สุด ก็จะได้ตั้งต่อไปใน อันดับหนึ่งคือในรายของ เปเยกรินี่ ที่ซึ่งมาคุมทีมเศรษฐีใจร้อนอย่าง ซิตี้ ส่วนในอันดับสองนั้นก็คือ เดวิด มอยส์ ที่ได้มารับความกดดันมหาศาลต่อจากทาง เฟอร์กี้
ส่วนในตัว มูรินโญ่ ผมขอยกให้เป็นคนที่น่าเป็นห่วงน้อยที่สุด แต่สุดท้ายจะเป็นตามอย่างที่ตัวผมคิดหรือไม่นั้น ก็ขอให้ทุกคนได้เฝ้าตามดูกันต่อไป ...
ที่มา http://www.hikicker.com/
Comment
© 2024 Created by thaiMCFC.
Powered by
You need to be a member of Manchester City Fan Club in Thailand Website to add comments!
Join Manchester City Fan Club in Thailand Website