Techno update with Ninja Boy 27 / 08 / 10
กสท.จะวางขายมือถือ Android ในปีนี้ BlackBerry ปีหน้า
กสท.(CAT) มีแผนที่จะนำ Smart Phone ระบบปฏิบัติการ Android เข้ามาขายในช่วงปลายปีนี้ ส่วนBlackBerry CDMA จะเริ่มให้บริการกับลูกค้าทั่วไปในปีหน้า (2554)
ปัจจุบัน กสท.มีลูกค้าในโครงข่าย CAT CDMA อยู่ประมาณ 3.7 แสนรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายประมาณ 500 บาท/เดือน สำหรับเป้าหมายของปีนี้ตั้งไว้ที่ 4.5 แสน จากเดิม 7 แสนราย
เนื่องจากติดปัญหาการทำตลาดในกทม. และภาวะตลาดมือถือ
ที่มีการแข่งขันสูง
ที่มา - ไทยรัฐ
ค่ายมือถือยัน 1 ก.ย. แค่ทดสอบระบบ สิ้นปีนี้ถึงจะเปิดบริการคงสิทธิเลขหมายได้
นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ หรือ เคลียร์ริ่งเฮ้าส์ เป็นหน่วยงานกลางในการดูแลและบริหารด้านบริการคงสิทธิเลขหมาย(นัมเบอร์พอร์ตทาบิลิตี้) โดยเป็นความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5 ราย ได้แก่ เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ กสท โทรคมนาคม และทีโอที และเนื่องจากเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ จะเป็นตัวกลางในการบริหารจัดการแก่ลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนเครือข่ายผู้ให้บริการโดยยังคงใช้เลขหมายเดิมได้ จึงจำเป็นต้องมีความพร้อมทั้งด้านระบบไอที และโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด เพื่อให้บริการดังกล่าวมีประสิทธิภาพ สำหรับความคืบหน้าล่าสุดคือผู้ประกอบการทุกรายได้วางระบบนัมเบอร์พอร์ตฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มทดสอบระบบระหว่างกันตั้งแต่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป โดยระยะเวลาในการทดสอบระบบจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่เจอ ซึ่งถ้าไม่พบปัญหามากนักการทดสอบก็จะเสร็จได้เร็ว แต่ถ้าปัญหามากก็ต้องแก้ไขให้เสร็จสิ้นหรืออยู่ในระดับที่ยอมรับได้ “ที่ผ่านมาไม่มีประเทศใดที่ทดสอบแล้วไม่เจอปัญหา จากประสบการณ์ของต่างประเทศจะใช้เวลาทดสอบโดยเฉลี่ยราว 4 – 5 เดือน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนการเดิมที่วางไว้คือ ภายในสิ้นปี 2553 เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีสิทธิใช้เลขหมายเดิมแม้ว่าจะเปลี่ยนผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสูงสุด”
^ ^
มาข่าว Apple กันครับ
มาทางด้าน Facebook กันบ้างครับ
ทาง FB ออกมาประกาศแล้วครับว่า จะยกเลิกให้ บริการใน IE6 แล้วครับ
มาทางด้าน สุนัขจิ้งจอกไฟ กับบ้างครับ
Firefox 4 Beta 4 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามา 2 อย่าง
ปัจจุบัน กสท.มีลูกค้าในโครงข่าย CAT CDMA อยู่ประมาณ 3.7 แสนรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายประมาณ 500 บาท/เดือน สำหรับเป้าหมายของปีนี้ตั้งไว้ที่ 4.5 แสน จากเดิม 7 แสนราย
เนื่องจากติดปัญหาการทำตลาดในกทม. และภาวะตลาดมือถือ
ที่มีการแข่งขันสูง
ที่มา - ไทยรัฐ
ค่ายมือถือยัน 1 ก.ย. แค่ทดสอบระบบ สิ้นปีนี้ถึงจะเปิดบริการคงสิทธิเลขหมายได้
นายปรีย์มน ปิ่นสกุล ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ หรือ เคลียร์ริ่งเฮ้าส์ เป็นหน่วยงานกลางในการดูแลและบริหารด้านบริการคงสิทธิเลขหมาย(นัมเบอร์พอร์ตทาบิลิตี้) โดยเป็นความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5 ราย ได้แก่ เอไอเอส ดีแทค ทรูมูฟ กสท โทรคมนาคม และทีโอที และเนื่องจากเคลียร์ริ่งเฮ้าส์ จะเป็นตัวกลางในการบริหารจัดการแก่ลูกค้าที่ต้องการเปลี่ยนเครือข่ายผู้ให้บริการโดยยังคงใช้เลขหมายเดิมได้ จึงจำเป็นต้องมีความพร้อมทั้งด้านระบบไอที และโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด เพื่อให้บริการดังกล่าวมีประสิทธิภาพ สำหรับความคืบหน้าล่าสุดคือผู้ประกอบการทุกรายได้วางระบบนัมเบอร์พอร์ตฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะเริ่มทดสอบระบบระหว่างกันตั้งแต่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป โดยระยะเวลาในการทดสอบระบบจะขึ้นอยู่กับปัญหาที่เจอ ซึ่งถ้าไม่พบปัญหามากนักการทดสอบก็จะเสร็จได้เร็ว แต่ถ้าปัญหามากก็ต้องแก้ไขให้เสร็จสิ้นหรืออยู่ในระดับที่ยอมรับได้ “ที่ผ่านมาไม่มีประเทศใดที่ทดสอบแล้วไม่เจอปัญหา จากประสบการณ์ของต่างประเทศจะใช้เวลาทดสอบโดยเฉลี่ยราว 4 – 5 เดือน คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนการเดิมที่วางไว้คือ ภายในสิ้นปี 2553 เพื่อให้ผู้ใช้บริการมีสิทธิใช้เลขหมายเดิมแม้ว่าจะเปลี่ยนผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกสูงสุด”
^ ^
ศึกแท็บเล็ตเดือด รายเล็กม้วย !!
สังเวียนตลาดอุปกรณ์จอสัมผัสพกพาทรงสี่เหลี่ยมร้อนระอุต่อเนื่อง ล่าสุดสื่ออเมริกันพาดหัวตัวใหญ่ว่า Amazon
ผู้ค้าปลีกหนังสือออนไลน์เบอร์หนึ่งกำลังมีแผนขยายอำนาจออกนอกอาณาจักร เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ
อีรีดเดอร์ ด้วยการผลิตคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของตัวเอง ขณะที่บริษัทน้องใหม่อย่าง
Plastic Logic ซึ่งเคยโชว์ อีรีดเดอร์อนาคตไกลนามว่า Que ProReader นั้นตัดใจยกเลิกแผนทำตลาดที่วางไว้
เพราะไม่อยากเป็นแมงเม่าตัวจิ๋วที่ต้องตายในกองไฟสุดโหด
เว็บล็อกของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เผยแพร่บทความที่เชื่อว่า Amazon กำลังมีแผนสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นอกเหนือ
จาก Kindle เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Nick Bilton ผู้สื่อข่าวไอทีของนิวยอร์กไทมส์ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า รายชื่อ
ตำแหน่งงานในแผนก Lab126 ซึ่งเป็นแผนกที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Kindle นั้นล้วนเป็นตำแหน่งที่เชื่อได้ว่า Amazon กำลังตั้ง ทีมงานขึ้นมาผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชิ้นใหม่สักอย่าง
Lab126 นั้นเป็นแผนกซึ่ง Amazon ตั้งขึ้นในสำนักงานเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย รายชื่อตำแหน่งงานดังกล่าวนั้น
ได้แก่ ผู้จัดการโครงการ วิศวกรฮาร์ดแวร์ และวิศวกรโทรคมนาคมหรือ RF systems engineer ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์เชื่อว่าวิศวกรเหล่านี้กำลังอยู่ ระหว่างการซุ่มพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่ Kindle ในห้องทดลองลับ
โดย จากการสัมภาษณ์แหล่งข่าวนิรนาม พบว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Amazon ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่จะสร้างความมั่นใจว่า
ผู้บริโภคจะซื้อคอนเทนท์นานาชนิด ของ Amazon เช่นเดิม ทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เพลง และการซื้อหรือเช่าภาพยนตร์
แม้ผลิตภัณฑ์ลับที่ทีม Amazon กำลังซุ่มพัฒนาอยู่นั้นอาจเป็นเพียงการเพิ่มหน้าจอสีและจอสัมผัสลงใน Kindle
รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Amazon อยู่แล้ว แต่อีกคำตอบที่มองว่ามีความเป็นไปได้สูงไม่แพ้กันคือ
การสร้างแอนดรอยด์แท็บเล็ต
เป็นที่รู้กันดีว่า Kindle เจเนอเรชันต่อไปนั้นจะมาพร้อมหน้าจอสีและสัมผัส เนื่องจากปีที่ผ่านมา Amazon นั้นลงทุนซื้อ
บริษัท Touchco ผู้ผลิตชิ้นส่วนหน้าจอสัมผัส multitouch แต่จากการสัมภาษณ์ Ian Freed รองประธานฝ่ายธุรกิจดิจิตอล
ของ Amazon พบว่าผู้บริหาร Amazon นั้นปลื้มแท็บเล็ตมัลติมีเดียคู่แข่งอย่าง iPad มากเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้
ผู้ใช้เห็นความสำคัญของการซื้อคอนเทนท์ ประเภทเดียวกับที่ Amazon จำหน่ายอยู่ ขณะเดียวกัน ก็เคยมีข่าวลือว่า
Amazon กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งข่าวลือนี้ถูกมองว่าเกินจริงจากนโยบาย Amazon
ดังนั้นนักสังเกตการณ์จึงเชื่อว่า การที่ Amazon จะผลิตและจำหน่ายแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android)
ซึ่งมีขนาดเล็กและราคาประหยัดกว่า iPad นั้นเป็นเรื่องสมเหตุสมผล โดยคาดการณ์กันว่าแท็บเล็ตที่ Amazon
จะส่งมาแข่งกับ iPad นั้นจะมีขนาดจอภาพ 6 หรือ 7 นิ้ว ซึ่งพอเหมาะกับการใช้อ่านอีบุ๊ก และชมภาพยนตร์
การแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดแท็บ เล็ตทำให้บริษัทเกิดใหม่ตัดใจยกธงขาว โดย
Plastic Logic ซึ่งเคยสร้างชื่อฮือฮาในงาน CES 2010 เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยการโชว์ตัวอีรีดเดอร์
Que ProReader นั้นประกาศยกเลิกแผนการทำตลาดผลิตภัณฑ์อีรีดเดอร์จอสัมผัส
ขนาดใหญ่แต่บางเฉียบนี้ทั้งหมด ทั้งที่วางแผนสวยหรูว่าจะวางจำหน่ายภายในปีนี้
Richard Archuleta ซีอีโอของ Plastic Logic ให้เหตุผลในการกลับลำครั้งนี้ว่าประสบปัญหาเรื่องราคาจำหน่ายที่
ไม่ สามารถ แข่งขันได้ โดย Que นั้นไม่สามารถตั้งราคาจำหน่ายให้ต่ำกว่า 649 หรือ 799 เหรียญ (ราว 20,700 บาท
และ 25,500 บาท) จึงทำให้บริษัทตัดสินใจหันไปยกเครื่องอีรีดเดอร์ตระกูล ProReader
ให้ออกมาเป็นเครื่องอ่านรุ่นใหม่ทีประสิทธิภาพสูงกว่านี้แทน Queนั้นมีหน้าจอเป็นพลาสติกใสขนาด 10.7 นิ้ว
สามารถรองรับไฟล์เอกสารทั้งนามสกุลPDF, Microsoft Office และ ePub ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อแอปเปิลจำหน่าย
iPad ในราคา 499 เหรียญ (ราว 16,000 บาท) และ Amazon จำหน่าย Kindle รุ่นใหม่ที่ราคา 139 เหรียญ (4,500 บาท)
ทั้งหมดย่อมทำให้ Que หมดอนาคตหากจะวางจำหน่ายในราคาสูงกว่าเกือบเท่าตัว
ก่อนหน้านี้ โอเปอเรเตอร์เบอร์ 1 ของสหรัฐฯอย่าง AT&T นั้นมีแผนสนับสนุนการให้บริการเครือข่ายเชื่อมต่อข้อมูลบน
Que ซึ่งล่าสุด โฆษก AT&T ระบุว่ายังคงมีสัมพันธ์อันดีกับ Plastic Logic ซึ่งคาดว่า ProReader รุ่นหน้าอาจได้รับ
การสนับสนุนจาก AT&T เช่นเดิม Plastic Logic นั้นมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเมาเทนวิว แคลิฟอร์เนีย แต่มีฝ่ายวิจัยและ
พัฒนาอยู่ในประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 โดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์หรือCambridge University Cavendish Laboratory
ผู้ค้าปลีกหนังสือออนไลน์เบอร์หนึ่งกำลังมีแผนขยายอำนาจออกนอกอาณาจักร เครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ
อีรีดเดอร์ ด้วยการผลิตคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของตัวเอง ขณะที่บริษัทน้องใหม่อย่าง
Plastic Logic ซึ่งเคยโชว์ อีรีดเดอร์อนาคตไกลนามว่า Que ProReader นั้นตัดใจยกเลิกแผนทำตลาดที่วางไว้
เพราะไม่อยากเป็นแมงเม่าตัวจิ๋วที่ต้องตายในกองไฟสุดโหด
เว็บล็อกของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เผยแพร่บทความที่เชื่อว่า Amazon กำลังมีแผนสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นอกเหนือ
จาก Kindle เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย Nick Bilton ผู้สื่อข่าวไอทีของนิวยอร์กไทมส์ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า รายชื่อ
ตำแหน่งงานในแผนก Lab126 ซึ่งเป็นแผนกที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Kindle นั้นล้วนเป็นตำแหน่งที่เชื่อได้ว่า Amazon กำลังตั้ง ทีมงานขึ้นมาผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชิ้นใหม่สักอย่าง
Lab126 นั้นเป็นแผนกซึ่ง Amazon ตั้งขึ้นในสำนักงานเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย รายชื่อตำแหน่งงานดังกล่าวนั้น
ได้แก่ ผู้จัดการโครงการ วิศวกรฮาร์ดแวร์ และวิศวกรโทรคมนาคมหรือ RF systems engineer ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์เชื่อว่าวิศวกรเหล่านี้กำลังอยู่ ระหว่างการซุ่มพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่ Kindle ในห้องทดลองลับ
โดย จากการสัมภาษณ์แหล่งข่าวนิรนาม พบว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Amazon ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่จะสร้างความมั่นใจว่า
ผู้บริโภคจะซื้อคอนเทนท์นานาชนิด ของ Amazon เช่นเดิม ทั้งหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เพลง และการซื้อหรือเช่าภาพยนตร์
แม้ผลิตภัณฑ์ลับที่ทีม Amazon กำลังซุ่มพัฒนาอยู่นั้นอาจเป็นเพียงการเพิ่มหน้าจอสีและจอสัมผัสลงใน Kindle
รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Amazon อยู่แล้ว แต่อีกคำตอบที่มองว่ามีความเป็นไปได้สูงไม่แพ้กันคือ
การสร้างแอนดรอยด์แท็บเล็ต
เป็นที่รู้กันดีว่า Kindle เจเนอเรชันต่อไปนั้นจะมาพร้อมหน้าจอสีและสัมผัส เนื่องจากปีที่ผ่านมา Amazon นั้นลงทุนซื้อ
บริษัท Touchco ผู้ผลิตชิ้นส่วนหน้าจอสัมผัส multitouch แต่จากการสัมภาษณ์ Ian Freed รองประธานฝ่ายธุรกิจดิจิตอล
ของ Amazon พบว่าผู้บริหาร Amazon นั้นปลื้มแท็บเล็ตมัลติมีเดียคู่แข่งอย่าง iPad มากเนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้
ผู้ใช้เห็นความสำคัญของการซื้อคอนเทนท์ ประเภทเดียวกับที่ Amazon จำหน่ายอยู่ ขณะเดียวกัน ก็เคยมีข่าวลือว่า
Amazon กำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งข่าวลือนี้ถูกมองว่าเกินจริงจากนโยบาย Amazon
ดังนั้นนักสังเกตการณ์จึงเชื่อว่า การที่ Amazon จะผลิตและจำหน่ายแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android)
ซึ่งมีขนาดเล็กและราคาประหยัดกว่า iPad นั้นเป็นเรื่องสมเหตุสมผล โดยคาดการณ์กันว่าแท็บเล็ตที่ Amazon
จะส่งมาแข่งกับ iPad นั้นจะมีขนาดจอภาพ 6 หรือ 7 นิ้ว ซึ่งพอเหมาะกับการใช้อ่านอีบุ๊ก และชมภาพยนตร์
การแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดแท็บ เล็ตทำให้บริษัทเกิดใหม่ตัดใจยกธงขาว โดย
Plastic Logic ซึ่งเคยสร้างชื่อฮือฮาในงาน CES 2010 เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยการโชว์ตัวอีรีดเดอร์
Que ProReader นั้นประกาศยกเลิกแผนการทำตลาดผลิตภัณฑ์อีรีดเดอร์จอสัมผัส
ขนาดใหญ่แต่บางเฉียบนี้ทั้งหมด ทั้งที่วางแผนสวยหรูว่าจะวางจำหน่ายภายในปีนี้
Richard Archuleta ซีอีโอของ Plastic Logic ให้เหตุผลในการกลับลำครั้งนี้ว่าประสบปัญหาเรื่องราคาจำหน่ายที่
ไม่ สามารถ แข่งขันได้ โดย Que นั้นไม่สามารถตั้งราคาจำหน่ายให้ต่ำกว่า 649 หรือ 799 เหรียญ (ราว 20,700 บาท
และ 25,500 บาท) จึงทำให้บริษัทตัดสินใจหันไปยกเครื่องอีรีดเดอร์ตระกูล ProReader
ให้ออกมาเป็นเครื่องอ่านรุ่นใหม่ทีประสิทธิภาพสูงกว่านี้แทน Queนั้นมีหน้าจอเป็นพลาสติกใสขนาด 10.7 นิ้ว
สามารถรองรับไฟล์เอกสารทั้งนามสกุลPDF, Microsoft Office และ ePub ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อแอปเปิลจำหน่าย
iPad ในราคา 499 เหรียญ (ราว 16,000 บาท) และ Amazon จำหน่าย Kindle รุ่นใหม่ที่ราคา 139 เหรียญ (4,500 บาท)
ทั้งหมดย่อมทำให้ Que หมดอนาคตหากจะวางจำหน่ายในราคาสูงกว่าเกือบเท่าตัว
ก่อนหน้านี้ โอเปอเรเตอร์เบอร์ 1 ของสหรัฐฯอย่าง AT&T นั้นมีแผนสนับสนุนการให้บริการเครือข่ายเชื่อมต่อข้อมูลบน
Que ซึ่งล่าสุด โฆษก AT&T ระบุว่ายังคงมีสัมพันธ์อันดีกับ Plastic Logic ซึ่งคาดว่า ProReader รุ่นหน้าอาจได้รับ
การสนับสนุนจาก AT&T เช่นเดิม Plastic Logic นั้นมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเมาเทนวิว แคลิฟอร์เนีย แต่มีฝ่ายวิจัยและ
พัฒนาอยู่ในประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 โดยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์หรือCambridge University Cavendish Laboratory
มาข่าว Apple กันครับ
มีข่าวว่าทาง Apple จะเปิดตัว Apple TV แน่นอนครับในงาน media event ใน 1 กันยาฯ นี้แน่นอน และจะออก
ipod รุ่นใหม่ๆ ทั้ง touch, nano หรือ อื่นๆ มาที่อีกอันครับ ในส่วนของ IOS 4.0.2 ก็ที่ออกมาใหม่สำหรับคนที่ใช้
IOS 4.0.2 เนี่ย ไม่ต้องอัพเดทก้อได้นะครับ เพราะมันทำมาแค่ป้องกันการ jailbreak เฉยๆ ไม่ได้อัพในส่วนของ
การทำงานใดๆ รอคัว IOS 4.1 ดีกว่าครับ
ipod รุ่นใหม่ๆ ทั้ง touch, nano หรือ อื่นๆ มาที่อีกอันครับ ในส่วนของ IOS 4.0.2 ก็ที่ออกมาใหม่สำหรับคนที่ใช้
IOS 4.0.2 เนี่ย ไม่ต้องอัพเดทก้อได้นะครับ เพราะมันทำมาแค่ป้องกันการ jailbreak เฉยๆ ไม่ได้อัพในส่วนของ
การทำงานใดๆ รอคัว IOS 4.1 ดีกว่าครับ
มาทางด้าน Facebook กันบ้างครับ
ทาง FB ออกมาประกาศแล้วครับว่า จะยกเลิกให้ บริการใน IE6 แล้วครับ
มาทางด้าน สุนัขจิ้งจอกไฟ กับบ้างครับ
Firefox 4 Beta 4 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามา 2 อย่าง
Comment
© 2024 Created by thaiMCFC.
Powered by
You need to be a member of Manchester City Fan Club in Thailand Website to add comments!
Join Manchester City Fan Club in Thailand Website