รายงานข่าวด่วนจากเว็บไซต์ Digitimes ในไต้หวันระบุว่า Google จะส่งตัวอย่างระบบปฏิบัติการ Android 3.0 หรือ Gingerbread สำหรับใช้รันบน "แท็บเล็ต" ให้กับบริษัทพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุนโอเอสตัวใหม่ถัดจาก Froyo ยอดฮิต ในช่วงปลายปนี 2010

เว็บไซต์ Digitimes ระบุว่า ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์แบรนด์ดังอย่างเช่น Acer, Asus, MSI และรายอื่นๆ เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์"แท็บเล็ต"ที่ทำงานด้วย Android 3.0 (สนับสนุนวิดีโอแชท และ Youtube Leanback) ในช่วงเดือนมกราคม 2011 ที่งาน CES ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้ในรายงานข่าวยังมีการอ้างถึงแบรนด์อย่าง Samsung, HTC และ Motorola รวมถึงแบรนด์ที่หลายคนจับตาอย่าง Sony Ericsson ประเด็นที่น่าสนใจก็ยังจะมีเรื่องของ Android 4.0 (Ice Cream) ที่คาดว่าจะออกในช่วงครึ่งหลังของปี 2011 ถัดจาก Android 3.5 (Honeycomb) ซึ่งจะเป็นการอัพเดตโอเอสในครึ่งปีแรกของปีหน้า

นอกจากนี้ เหล่าบรรดาบริษัทผู้ผลิต"แท็บเล็ต"ยังเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์ม ARMDroid ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างฮาร์ดแวร์ ARM กับซอฟต์แวร์ Android ข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังก็คือ การจับคู่ในแพลตฟอร์ม ARMDroid จะถูกกว่า WinTel (Windows+Intel) มากถึง 90 เหรียญฯ (ประมาณ 2,700 บาท) เลยทีเดียว รายงานข่าวล่าสุดนี้ถูกปล่อยออกมาหลังจากที่ Steve Jobs แย้งว่า Google และ Android มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเกินไป ทำให้กลายเป็นภาระของนักพัฒนา และความยากลำบากในการเลือกซื้อของผู้บริโภค ยิ่งไปกว่านั้น Google ไม่อยากให้บริษัทผู้ผลิตทำ"แท็บเล็ต"ที่ใช้ Froyo อีกด้วย ซึ่งจอบส์หมายความว่า แท็บเล็ตคู่แข่ง iPad ตายตั้งแต่ยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ

MS Office 365 คู่แข่ง Google Apps

รายงานข่าวล่าสุด เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Microsoft ได้แนะนำ Office 365 บริการซอฟต์แวร์ Office และ e-mail เวอร์ชันทำงานบนเว็บ โดย Microsoft ต้องการต่อกรกับ Google Apps ที่ให้บริการเว็บแอพฯ อย่างเวิร์ด และสเปรดชีทด้วยค่าสมาชิก 50 เหรียญฯ (ประมาณ 1,500 บาท) ต่อปี ในขณะที่ MS Office 365 จะเก็บค่าบริการอยู่ที่ 72 เหรียญฯ (ประมาณ 2,200 บาท) ต่อปี ซึ่งผู้ใช้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนใช้งานได้ฟรี โดย Microsoft จะเริ่มเก็บค่าบริการในปี 2011

Microsoft กล่าวว่า Office 365 จะเป็นครั้งแรกของการให้บริการกับธุรกิจด้วยชุดซอฟต์แวร์ Office บนเว็บด้วยรูปแบบของการเก็บค่าบริการรายเดือน ทั้งนี้เนื่องจากแนวโน้มของ ธุรกิจสมัยใหม่ต้องการให้พนักงานใช้โปรแกรมต่างๆ ที่โฮสต์อยู่บนเว็บ และทำงานผ่านบราวเซอร์ ซึ่งประหยัด ปลอดภัย และให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า

ในส่วนของ Microsoft Office 365 สำหรับ SMEs ที่มีผู้ใช้ไม่ถึง 25 คน บริการจะประกอบด้วยซอฟต์แวร์ Office 2010 เวอร์ชันบนเว็บ SharePoint Online, Exchange Online และ Lync Online โดยให้บริการในรูปแบบของ Cloud ซึ่งจะเก็บค่าบริการ 6 เหรียญฯ (ประมาณ 180 บาท) ต่อเดือน กรณีที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ Microsoft จะเปิดโอกาสให้สามารถเลือกใช้บริการตามความเหมาะสมของพนักงานแต่ละหน่วยงาน ที่มีความจำเป็นต้องใช้แอพฯแตกต่างกัน ซึ่งจะทำให้ค่าบริการยืดหยุ่นตามไป ด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ 2 - 27 เหรียญฯ (ประมาณ 60 - 800 บาท) ต่อเดือน สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกเข้าไปดูได้ที่ www.office365.com (ล่าสุด Google Docs เพิ่มคุณสมบัติการทำงานใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถลากไฟล์ภาพจากเดสก์ทอปเข้าไปวางในเอกสารที่ กำลังแก้ไขได้ทันที)





ในระหว่างงานประชุม CEATEC ในชิบะประเทศญี่ปุ่น บริษัท TDK ในได้นำเสนอเทคโนโลยี OLED จอแสดงผลรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติคล้ายฟิล์ม คือมีความโปร่งใสจนสามารถมองเห็นทะลุได้ นอกจากนี้ยังสามารถแสดงภาพในขณะที่จอถูกดัดให้โค้งงอได้อีกด้วย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีจอแสดงผลชนิดนี้ทีเหนือกว่าจอที่ทำจากแก้ว ที่แตกร้าวได้ง่าย

TDK คาดว่าจะเริ่มผลิตฟิล์มแสดงผลภายในหนึ่งปี นั่นหมายความว่า เราอาจจะได้เห็นมือถือที่ใช้จอ OLED ชนิดนี้ก่อนสิ้นปี 2011 ก็ได้ โดยนอกจากจะผลิตจอแสดงผลดังกล่าว เพื่อใช้กับมือถือแล้วTDK ยังมองว่า ฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ยังเหมาะกับเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สวมใส่ (wearable electronics) อย่างเช่น แว่นตาแสดงผล Augmented Reality ที่สามารถมองเห็นสิ่งที่ตรงหน้า และภาพกราฟิกที่ปรากฎบนฟิล์ม OLED ทีใช้แทนกระจกแก้ว หรือด้วยความที่มันมีความยืดหยุ่นโค้งงอได้ ในบูธของ TDK ยังได้มีการนำเสนอสายรัดข้อมือที่มาพร้อมกับฟิล์มแสดงผลชนิดนี้ รวมถึงใน อนาคตสามารถพัฒนาเป็นวิวไฟน์เดอร์ของกล้องถ่ายรูป หรือแม้แต่ใช้หน้าจอชนิดนถ่ายรูปสำหรับ Cameraphone ได้เลย จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ก็คือ ภาพที่สว่างสนใสจนสามารถมองเห็นภายใต้แสงสว่างในธรรมชาติ และพวกที่ชอบก้ม หน้าดูมือถือเวลาเดินก็จะไม่ตกท่อ เพราะจอใส :D สำหรับต้นแบบที่นำมาโชว์จะมีขนาด 2 และ 3.5 นิ้ว แต่จะมีละเอียดสูงถึง 200 พิกเซลต่อนิ้ว





ปกติ Google จะแสดงโลโก้พิเศษๆ หรือที่เรียกว่า Doodle (ดูเดิ้ล) ที่โฮมเพจของเว็บไซต์ให้กับเฉพาะวันคล้ายวันเกิดของผู้ที่มีชื่อเสียงเท่า นั้น แต่ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้เป็นต้นไป Google ประกาศว่า ทางเว็บไซต์จะแสดง Doodle ที่หน้าโฮมเพจด้วยโลโก้พิเศษสุดสำหรับวันเกิดของผู้ใช้ทุกคน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนมีตังค์ หรือมีชื่อเสียงเท่านั้น

เงื่อนไขของการที่คุณจะได้รับบริการพิเศษ Happy Birthday จาก Google ด้วย Doodle สำหรับคุณก็คือ ผู้ใช้จะต้องเพิ่มข้อมูลวันเกิดเข้าไปใน Google Profile และเมื่อถึงวันเกิด เมื่อคุณเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ Google.com (Sign in เข้าระบบแล้ว) สิ่งที่คุณจะได้เห็นก็คือ โลโก้พิเศษสำหรับวันเกิดของคุณ และเมื่อคลิกบน Doodle ผู้ใช้จะถูกพาเข้าไปยังหน้าเว็บ Google Profile พร้อมทั้งลูกเล่นของริบบิ้นน่ารักๆ สวยงามค่อยๆ เลื่อนลงมาบนหน้าเว็บ ข้างล่างนี้เป็นคลิปตัวอย่างการทำงานของฟังก์ชันพิเศษที่เพิ่มขึ้นมานี้




เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในระหว่างการประชุมทางโทรศัพท์ประเด็นเกี่ยวกับทิศทางในไตรมาสที่ 4 ของ Apple สำหรับปีนี้ Steve Jobs ซีอีโอของ Apple กล่าวว่า ทางบริษัทไม่ได้มีแนวคิดที่จะออกแท็บเล็ต หรือ iPad ที่มีหน้าจอขนาด 7 นิ้วแต่อย่างใด

"เหตุผลที่เราไม่ทำ iPad ที่มีหน้าจอขนาด 7 นิ้วก็เพราะว่า เราไม่ได้ต้องการเล่นเกมราคา เราคิดว่า หน้าจอขนาดนั้นมันเล็กเกินไปที่จะแสดงผลซอฟต์แวร์" Jobs กล่าว "ในฐานะบริษัทที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยซอฟต์แวร์ เราคิดเกี่ยวกับเรื่องของกลยุทธ์ซอฟต์แวร์เป็นอันดับแรก" จอบส์ตระหนักดีว่า นักพัฒนาไม่ต้องการจัดการกับหน้าจอขนาดต่างๆ ซึ่งทำให้ต้องปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์ทุกครั้งที่ขนาดหน้าจอเปลี่ยน ดังนั้นการตัดสินใจไม่ทำ iPad ขนาด 7 นิ้วไม่ใช่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของคุณค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีปัจจัยสำคัญอยู่ที่ซอฟต์แวร์ รายงานข่าวล่าสุด iPad มีแอพพลิเคชันที่สามารถใช้งานได้มากกว่า 35,000 แอพฯ แล้ว!!!

"สิ่งที่เราทุกคน (Apple) กำลังทำก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่า และนั่นคือสิ่งที่เราทำ และเราจะทำสิ่งนั้นกับ iPad และ iPod" จอบส์ กล่าว นักวิเคราะห์ถามจอบส์ว่า แล้วเขาจะตอบโต้อย่างไร? แล้ว Apple จะไม่เสียส่วนแบ่งตลาดไปหรือ หากผู้บริโภคหันไปให้ความสนใจเรื่องของราคาที่ถูกกว่าแลกกับคุณสมบัติที่ลด ลงล่ะ จอบส์กล่าวว่า "คุณกำลังเข้าใจมันผิด... เพราะคุณกำลังมองไปที่เกมของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับซอฟต์แวร์มากนัก โดยคิดไปเองว่า ซอฟต์แวร์จะจัดการกับข้อจำกัดได้เอง อืม...ถามว่า เราสามารถทำให้มัน(iPad)ถูกกว่าได้ไหม? ก็แค่ทำหน้าจอให้เล็กลง โพรเซสเซอร์ที่ความเร็วต่ำกว่านี้ หน่วยความจำน้อยหน่อย แล้วคุณคิดว่า ซอฟต์แวร์จะทำงานบนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ดีอย่างนั้น หรือ? แต่มันไม่ใช่" จอบส์กล่าวต่ออีกว่า "นักพัฒนาต้องการใช้ข้อได้เปรียบจากโพรเซสเซอร์ที่เร็วกว่า และหน้าจอที่ใหญ่กว่าในการทำให้แอพพลิเคชันของพวกเขาทำงานได้ดีกว่า และเป็นที่พอใจของลูกค้า เรามีความเข้าใจในอุปกรณ์พวกนี้จริงๆ" จอบส์กล่าวทิ้งท้าย

MacBook Air รุ่นจอ 11.6 นิ้วมาแล้ว!!!

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา สตีฟ จอบส์ ซีอีโอของ Apple ได้แนะนำ MacBook Air รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว ส่วนที่หนาที่สุดจะบางแค่ 0.68 นิ้ว บางสุดแค่ 0.11 นิ้ว และหนัก 2.3 ปอนด์ (ประมาณ 1.05 กิโลกรัม) จอบส์ย้ำว่า เขาไม่ได้ต้องการแมคบุ๊คที่บางทีสุดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องแข็งแรงทนทานด้วย ดังนั้นตัวถังของ MacBook Air จึงใช้เป็นอะลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียว (unibody)

ในส่วนของสเป็กเครื่อง MacBook Air รุ่นใหม่จะมาพร้อมกับหน้าจอ 11.6 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล (16:9) ภายในใช้ซีพียู Intel Core 2 Duo ความเร็ว 1.4GHz (อัพเกรดเป็น 1.6GHz ได้) สตอเรจมี 2 ขนาดให้เลือกคือ SSD ความจุ 64GB ราคารุ่นนี้จะอยู่ที่ 999 เหรียญฯ หรือประมาณ 30,000 บาท และควาามจุ 128GB จะอยู่ที่ 1,199 เหรียญฯ หรือประมาณ 36,000 บาท ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมไร้รอยต่อตลอดชิ้น (unibody construction) หน่วยความจำ DDR3 มีให้เลือก 2 ขนาดเช่นเดียวกันคือ 2GB และ 4GB กราฟิกการ์ดที่ใช้เป็น NVIDIA GeForce 320M แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 5 ชม. ดูแล้วน่าใช้ดีนะครับ




นอกจากจะมีดีไซน์ที่สวยงามน่าใช้แล้ว MacBook Air รุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับ USB แทนแผ่น DVD ที่ภายในจะมีซอฟต์แวร์ระบบ Mac และชุดซอฟต์แวร์ Life 11 โดยเมื่อผู้ใช้เสียบมันเข้ากับเครื่อง แล้วกดปุ่ม "C" ค้างไว้ตอนบูีต MacBook Air จะมองเห็นมันเป็นไดรฟ์ออปติคัล ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งรันการตรวจสอบระบบภายในเครื่อง หรือล้างเครื่องเพื่อติดตัง OS X ใหม่ได้อีกด้วย



แนะนำแอพใน Android Market ครับ สำหรัคนที่ชอบอ่านข่าว จะมีข่าวจากสำนักข่าวต่างๆมากมายครับ รวมๆ มี 9 สำนัก

ได้ ณ ตอนนี้ยังเป็นตัว Beta อยู่ครับ ชื่อแอพว่า Thnews หาใน market ได้เลยครับ มีทั้งข่าว การเมือง กีฬา เทคโนฯ
และอีกมากมายครับ ที่สำคัญคือ เป็น แอพที่คนไทยพัฒนาขึ้นมาเอง ฟรีนะครับ ใครที่ใช้แอนดรอย์ก็สามารถโหลดมา
ใช้กันได้เลยครับ สำหรับคนที่ชอบอ่านข่าว ^ ^

Galaxy Player ไอพอดทัช"แอนดรอยด์"

ผู้ใช้ทั่วโลกกำลังชื่นชมกับ Samsung Galaxy S และตื่นเต้นกับ Galaxy Tab แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้ เพราะล่าสุด Samsung ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ชื่อว่า Galaxy Player ซึ่งหากจะอธิบายให้ง่ายที่สุดว่ามันคืออะไร? คำตอบก็คือ iPad Touch ส่ายพันธุ์ Android นั่นเอง...ว้าว!!!

Samsung ตั้งใจที่จะช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดของ Apple แทบทุกผลิตภัณฑ์จริงๆ ว่ากันตั้งแต่ iphone ที่มี Galaxy S ตามด้วย ipad ที่มี Galaxy Tab และมาคราวนี้ก็ถึงทีของ iPod Touch ที่ต้องมาเจอกับ Galaxy Player เครื่องเล่นมัลติมีเดียสายพันธุ์ Android คราวนี้เรามาดูที่สเป็กของมันดีกว่าครับ Galaxy Player ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 2.1 กล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซล หน่วยความจำภายในเครื่องมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 8GB และ 16GB แต่หากไม่พอก็มีช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ microSD ให้ด้วย สามารถรับวิทยุ FM มีระบบแผนที่ดาวเทียม GPS เชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi หน้าจอขนาด 3.2 นิ้ว สนับสนุนการเล่นวิดีโอ DivX แถมยังสามารถเข้าถึง Android Market เพื่อโหลดแอพฯต่างๆ อย่าง Angry Birds ก็บ่ยั่น

อย่างไรก็ตาม ทาง Samsung ยังไม่ได้เปิดเผยราคาของ Galaxy Player ในสหรัฐฯ แต่วางตลาดในยุโรปด้วยราคา 200 ยูโร หรือประมาณ 8,368 บาท ซึ่งราคาเท่าๆ กับ iPod Touch ซึ่งหาก Samsung ใช้มาตรฐานนี้ในการตั้งราคา Galaxy Player ก็น่าจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 200 เหรียญฯ หรือ 6,000 บาท สำหรับแฟน Android ที่กำลังรอคอยเครื่องเล่นมีเดียแนวๆ นี้ไม่ควรพลาด!!!



บล็อกของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ในเนเธอร์แลนด์ระบุว่า ขณะนี้ทางบริษัทกำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา Wiindows 8 อย่างไรก็ตาม คาดว่าโอเอสตัวใหม่นี้จะยังไม่วางตลาดภายใน 2 ปีนี้ รายงานดังกล่าวมาจากข้อความโพสต์ที่ต่อจากในวาระที่ Windows 7 มีอายุครบ 1 ปี

สำหรับรายละเอียดในเบื้องต้นเกี่ยวกับ Windows 8 ที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ ข่าววงในอ้างว่า Windows 8 จะมาพร้อมกับ Windows App Store คล้ายกับที่ Mac OS X Lion ของ Apple เพิ่งประกาศไปเมื่อสัปดาห์ดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ก็จะมีระบบล็อก อินแบบรู้จำใบหน้า (Facial Recognition) รวมถึงการบู๊ตเครื่องที่เร็วกว่าเดิม แถมยังอ้างอีกว่า เราอาจจะได้เห็น Windows 8 ในต้นปี 2011 อย่างไรก็ตาม คาดว่า Microsoft คงต้องทำการบ้านกับ Windows 8 พอสมควร เพื่อให้แข่งขันกับ Mac OS X Lion ได้

อย่างไรก็ดี การมีช่องว่าง 3 ปีสำหรับการพัฒนาระบบปฏิบัติการ ไม่ใช่เรื่องใหม่ของ Microsoft เพราะในอดีตจะใช้เวลานานกว่านี้มาก ซึ่งแน่นอนว่า นานกว่า Apple แต่สำหรับ Windows 7 ที่เพิ่งครบรอบปีในเดือนนี้ ใช้เวลา 2 ปีครึ่งหลัง Windows Vista วางตลาด ในขณะที่ก่อนหน้านี้ Windows Vista ออกตามหลัง Wndows XP วางตลาดไปแล้ว 5 ปี การทิ้งช่วงนานเกินไปทำให้ความสามารถในการแข่งขันของ Microsoft ลดลง ดังนั้น Steve Ballmer ประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่า จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกต่อไป ดังนั้น เราอาจจะได้เห็น Windows 8 ภายในปลายปีหน้าก็เป็นได้

Credit : ARIP & Microsoft