Members

Techno update with Ninja Boy : ขอไว้อาลัย Steve Jobs เจ้าพ่อแอปเปิ้ล

วันนี้โลกเราได้เสียบุคคลอันเป็นตำนานในวงการเทคโนโลยีของโลก สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple

เขาเป็นอัจฉริยะ ที่คิดค้นและปฏิวัติวงการเทคโนโลยีด้วยการนำเทคโนโลยีมาสู่ตลาดใหม่ๆ เกิดกระแสต่างๆ

ทำให้ตลาดนี้ดูคึกคักขึ้นมา เช่น ipad ที่ปลุกกระแส tablet ทำให้ผุดแท็ปเลตต่างๆขึ้นมามากมาย

1955-2011

"Today The World has lost another great man RIP Steve !!!"

-----------------------------------------------------------------------------------

 

 

สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล
 
สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)
สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)
 
        CNN รายงานอ้าง บริษัท แอปเปิล ยืนยันว่า สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล วัย 56ปี เสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็งตับอ่อน
 
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 ต.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศ CNN รายงานอ้าง บริษัท แอปเปิล ยืนยันว่า สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล วัย 56ปี เสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็งตับอ่อน
 
        ทั้งนี้ คณะผู้บริหารของบริษัท แอปเปิล อิงค์ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของแอปเปิล ได้เสียชีวิตแล้ว โดยระบุว่า  "เรารู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่า สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ได้เสียชีวิตแล้วในวันนี้"
 
        "ความฉลาดหลักแหลม ความลึกซึ้ง และพลังที่อยู่ในตัวของสตีฟ เป็นแหล่งของการนวัติกรรมที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งช่วยเพิ่มพูนและสนับสนุนชีวิตของพวกเราทั้งหมดในแอปเปิล อิงค์ อาจกล่าวได้ว่าโลกของเราสามารถสื่อสารกันอย่างไร้ขอบเขตได้มากขึ้นก็เพราะสตีฟ จ๊อบส์"
 
        โดยก่อนหน้าที่ สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) จะเสียชีวิต ได้มีข่าวออกมาตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม 2011 ว่าสตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ขอลาจากงานที่บริษัทเพื่อพักรักษาตัวจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ที่ศูนย์มะเร็ง สแตฟอร์ด แคนเซอร์ เซ็นเตอร์ ในแคลิฟอร์เนีย จนมีข่าวลือว่าอาการของสตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ทรุดหนัก และคาดว่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 6 สัปดาห์ และมีข่าวลือต่อว่า สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) เสียชีวิตมาเป็นออมาระยะๆ แต่ สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ก็ออกมาใช้ชีวิตให้สื่อเห็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อยืนยันว่ายังแข็งแรง แต่แล้ว สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ก็ออกมาประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Apple ในเดือนปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยแต่งตั้ง ทิม คุ๊ก (Tim Cook) ขึ้นมาทำงานแทน  ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นลางสังหรได้ว่าอาการของ สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) กำลังทรุดหนัก
 
        การจากการไปของ สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ถือเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญของวงการไอทีอีกครั้งหนึ่ง ขอแสดงความเสียใจและร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของ สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ครั้งนี้ด้วย
 

สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)
สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) 
ประวัติ สตีฟ จ๊อบส์
 
        สตีเฟน พอล "สตีฟ" จ๊อบส์ (อังกฤษ: Steve Jobs, 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955 - 5 ตุลาคม ค.ศ. 2011) เป็นผู้นำธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน อดีตประธานกรรมการบริหารของแอปเปิลคอมพิวเตอร์ และยังเคยเป็นประธานกรรมการบริหารพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ และเป็นคณะกรรมการบริหารบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์ใน ค.ศ. 2006 หลังดิสนีย์ซื้อกิจการพิกซาร์
 
        สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ร่วมก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์กับสตีฟ วอซเนียก ใน ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)เป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแมคอินทอช หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจกับคณะกรรมการบริหารใน ค.ศ. 1984 สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ลาออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้นอุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิลใน ค.ศ. 1996 ทำให้สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และสตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)รับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)ยังเป็นประธานกรรมการบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไปใน ค.ศ. 2006 จ๊อบส์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์ 
 
        หลังจากที่ป่วยเป็นมะเร็งตับอ่อนเป็นเวลาหลายปี สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)เสียชีวิตในวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554
 
 
สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)
สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs)
 
 
ผลงานสร้างชื่อของสตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล



 
 
 
 
บารัค โอบาม่า กล่าวไว้อาลัยสตีฟ จ็อบส์
 
         ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ของสหรัฐ ได้แสดงความเสียใจต่อการจากไปของสตีฟ จ๊อบส์ บุรุษผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแห่งแอ๊ปเปิล โดยยกย่องว่าเขาเป็นหนึ่งในนวัตกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก และยังทำให้ผู้คนจำนวนมากได้รู้ข่าวการเสียชีวิตของเขาผ่าอุปกรณ์ที่เขาเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้น
 
         ผู้นำสหรัฐระบุในแถลงการณ์ที่เขาเขียนไว้อาลัยต่อการจากไปของจ๊อบส์ว่า " เขาเป็นผู้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพวกเรา ทำให้เกิดนิยามใหม่ในวงการอุตสาหกรรมทุกแขนง และประสบความสำเร็จในการทำหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เขาเปลี่ยนแนวทางในการมองโลกของพวกเรา "
 
         ผู้นำสหรัฐยังกล่าวถึงบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของ แม็คคอมพิวเตอร์ , ไอพอดและไอแพด ด้วยว่า "สตีฟเป็นหนึ่งในนวัตกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา  กล้าพอที่จะคิดต่าง  แกร่งพอที่จะเชื่อว่า เขาสามารถเปลี่ยนโลกได้ และมีพรสวรรค์พอที่จะลงมือทำ ด้วยการสร้างหนึ่งในบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกจากโรงรถของเขา และเป็นตัวอย่างของความเฉลียวฉลาดของคนอเมริกัน ด้วยการทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและอินเตอร์เน็ต ลงไปอยู่ในกระเป๋าได้อย่างสบายทำให้เด็กหลายล้านคนอยากเป็นอย่างเขาเมื่อเติบโตขึ้น "
 
        ผู้นำสหรัฐ กล่าวด้วยว่า เขาและนางมิเชล ผู้เป็นภรรยา ได้ส่งความระลึกถึงและสวดมนตร์อำนวยพรไปยังนางลอรีน ภรรยาของจ็อบส์ , ครอบครัวของเขา และทุกคนที่รักเขา 
 
         ประธานาธิบดีโอบาม่า เคยพบปะกับจ็อบส์ ที่อยู่ระหว่างการลาพักจากการทำงานที่แอ๊ปเปิลเพื่อรักษาอาการป่วย ในงานเลี้ยงของบรรดายักษ์ใหญ่ในซิลิคอน แวลลีย์ ที่แคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และปรากฎภาพถ่ายขณะทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกัน และเมื่อวันจันทร์ ผู้นำสหรัฐเพิ่งจะเปิดเผยต่อเอบีซี นิวส์ และยาฮูว่า เขาได้รับไอแพดรุ่นใหม่จากแอ๊ปเปิล ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ประธานาธิบดีโอบาม่าใช้งานไอแพดอยู่ และเคยถ่ายรูปขณะถือไอแพด 2 ที่วางจำหน่ายไปเมื่อเดือนมีนาคม
 
 
 
google เว็บค้นหาชื่อดังของโลก ได้ไว้อาลัยต่อ สตีฟ จ็อบส์
google เว็บค้นหาชื่อดังของโลก ได้ไว้อาลัยต่อ สตีฟ จ็อบส์
 
 
 Google ไว้อาลัย "สตีฟ จ็อบส์" พระเจ้าของสาวกแอปเปิล
 
 
       google เว็บค้นหาชื่อดังของโลก ได้ไว้อาลัยต่อ สตีฟ จ็อบส์ ด้วยการสร้างลิงค์ชื่อของเขา พร้อมทั้งระบุปีเกิดและปีที่เสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังเว็บไซต์แอปเปิลที่มีแถลงการณ์เสียชีวิตของผู้บริหารคนดัง
 
        สำหรับหน้าแรกของ google นั้น ได้ระบุไว้ว่า "Steve Jobs, 1955-2011" เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถคลิกเข้าไปเชื่อมต่อกับเว็บแอปเปิลหน้าแรก ซึ่งปรากฏเป็นภาพของ สตีฟ จอบส์ ขนาดใหญ่ พร้อมแถลงการณ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตในวัย 56 ปี

 

  หนึ่งในการกล่าวบรรยายที่ดีที่สุดในโลก โดยสตีฟ จ็อบส์.....[ช่วงท้ายชมคลิบครับภาษาไทยครับ]

 
อยากให้อ่านกันครับ "หนึ่งในการกล่าวบรรยายที่ดีที่สุดในโลก" โดยสตีฟ จ็อบส์ การบรรยายครั้งนี้ถูกใช้ในการสอนในสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลกหลายแห่ง อยากให้ลองอ่านดูครับ

 

 

 

 

“Stay Hungry, Stay Foolish”

บทสรุปการบรรยายของ สตีฟ จ๊อบส์ ในพิธีรับปริญญาที่มหาวิทยาลัย Standford


---------------------------------------------
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้รับเชิญมากล่าวบรรยายใน พิธีรับปริญญาของมหาวิทยาลัยที่ถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่ง
ทั้งที่ความเป็นจริงผมนั้นไม่เคยได้รับปริญญาเลย และวันนี้ถือว่าเป็นวันที่ผมเข้าใกล้พิธีรับปริญญามากที่สุดในชีวิต

ในวันนี้ผมอยากจะเล่าเรื่องราวในชีวิตของผมเพียงแค่ 3 เรื่องครับ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก มันก็แค่เรื่อง 3 เรื่องเท่านั้นเอง

เรื่องแรกเกี่ยวกับ การเชื่อมต่อของจุด

ผมดรอปเรียนจากมหาวิทยาลัยรีด (Reed College) 6 เดือนแล้วกลับไปเรียนต่ออีก 18 เดือนก่อนที่ผมจะลาออกอย่างจริงจัง ทำไมผมต้องทำเช่นนั้น เนื่องจากว่าผมไปเข้ามหาวิทยาลัยที่มีค่าใช้จ่ายแพงมากๆ เงินเก็บทั้งหมดของพ่อแม่ผมต้องหมดไปกับค่าเรียนพิเศษของผม และผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยากจะทำอะไรต่อไปกับชีวิต การเรียนมหาวิทยาลัยมันจะทำให้ผมค้นพบได้อย่างไรว่าผมต้องการอะไร ดังนั้นผมจึงตัดสินใจลาออก นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวเลยทีเดียวที่ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่ตอนนี้ผมคิดว่า นั่นคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเลยทีเดียว จากการที่ผมลาออกนี้ จึงทำให้ผมสามารถไปเรียนในสิ่งที่ผมอยากเรียนได้ แต่ก็ใช่ว่าชีวิตจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะผมไม่มีที่พัก ผมต้องไปขอนอนพื้นห้องของเพื่อนๆ เก็บกระป๋องไปขายเพื่อหาเงิน และทุกๆคืนวันอาทิตย์ผมต้องเดินทาง 7 ไมล์ไปยังโบสถ์เพื่อให้ได้กินอาหารดีๆสักมื้อ แต่ประสบการณ์เหล่านี้กับให้ผมได้อะไรมากมายอย่างหาที่เปรียบมิได้ และผมได้ไปลงเรียนวิชา ประดิษฐ์ตัวอักษร กับมหาวิทยาลัยรีด (Reed College) ถือว่าที่นี่สอนวิชานี้ดีที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ ผมเรียนรู้การออกแบบตัวอักษร การเว้นระยะห่าง รวมถึงศิลปะในการประดิษฐ์ตัวอักษรหลายๆอย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้ผมหลงใหลเป็นอย่างมาก ทั้งหมดที่ผมทำไปนั้นไม่เคยหวังที่จะนำมาใช้ประโยชน์ใดๆกับชีวิตของผมเลย แต่หลังจากนั้นอีก 10 ปี ผมได้ออกแบบ คอมพิวเตอร์แมคอินทอชเครื่องแรก (Macintosh) ทุกอย่างที่ผมได้เรียนรู้มา มันกลับเข้ามารวมกันในหัวผมอีกครั้ง และผมก็ได้ออกแบบให้มันอยู่ในเครื่อง MAC อีกด้วย มันเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่มีอักษรสวยๆให้ใช้ ถ้าผมไม่ลงเรียนวิชาประดิษฐ์ตัวอักษร ทุกคนก็คงจะไม่มีตัวอักษรสวยๆมาใช้กันเหมือนในทุกวันนี้ ถ้าผมไม่ดรอปเรียน ผมก็คงไม่ได้ไปลงเรียนประดิษฐ์ตัวอักษร และเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณจะไม่มีอักษรสวยๆให้ใช้กันแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะสามารถเชื่อมต่อจุดต่างๆโดยมองไปข้างหน้า (หมายถึง อนาคต) แต่คุณสามารถเชื่อมต่อจุดเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำและชัดเจน หากคุณได้มองย้อนกลับไปข้างหลัง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร คุณจะต้องมีความมั่นใจและเชื่อมั่นว่า จุดในปัจจุบันนี้ของคุณมันจะต้องไปเชื่อมต่อกับจุดในอนาคตของคุณอย่างแน่นอน สติปัญญา, โชคชะตา, ชีวิต , กรรม หรือจะอะไรก็ตามแต่ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยทำให้ผมต้องสิ้นหวัง และมันทำให้ชีวิตของผมนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

เรื่องที่สองของผม เกี่ยวกับ ความรักและการสูญเสีย

ผมถือว่าโชคดีที่ได้พบกับสิ่งที่ผม รักในช่วงต้นชีวิต โดยผมกับเพื่อนชื่อ วอซ (Woz) ได้ตั้งบริษัท แอปเปิ้ล (Apple) ในโรงรถของบ้านผม ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นอีก 10 ปีบริษัทของผมมีพนักงานมากกว่า 4,000 คน และเป็นบริษัทพันล้าน ตอนที่ผมอายุ 30 ปี เราได้ประดิษฐ์ผลงานที่ดีที่สุดของ เราคือ คอมพิวเตอร์แมคอินทอช (Macintosh) และช่วงนั้นผมก็ถูกไล่ออก บางคนสงสัยว่าบริษัทของผมเอง ทำไมผมถึงต้องออก เนื่องจากเมื่อบริษัทใหญ่ขึ้นผมก็ต้องจ้างผู้คนมาช่วยผมบริหารงานมากขึ้น และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ต้องแตกแยกกัน โดยที่คณะกรรมการเห็นไปทางเดียวกัน ดังนั้นผมก็จึงต้องออก หลังจากผมออกแล้ว ผมก็ไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรต่อ ผมทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง ผมต้องไปขอโทษทุกๆคนที่ทำให้เรื่องราวมันจบลงไม่ค่อยสวย ผมถึงกับคิดจะหันหลังให้กับธุรกิจประเภท นี้ไปเลย แล้วผมก็รู้สึกได้ว่า ผมยังรักงานในบริษัท Apple อยู่ ถึงผมจะโดนปฏิเสธแต่ผมก็รักมัน ผมจึงตัดสินใจว่าผมจะเริ่มกับมันใหม่อีกครั้ง และแล้วอีก 5 ปีหลังจากนั้น ผมได้ตั้งบริษัท NeXT และบริษัท Pixar ขึ้นมา และช่วงนั้นผมก็ได้พบกับภรรยาที่แสน สวยของผม สำหรับบริษัท Pixar นี้ได้สร้างผลงานภาพยนตร์ Animation เรื่องแรกของโลก นั่นคือ Toy Story และปัจจุบัน Pixar กลายเป็น Studio เกี่ยวกับ Animation ที่ประสบความสำเร็จที่สุดอีกแห่งของโลก หลังจากนั้น Apple ก็มาซื้อ NeXT แล้วผมก็ได้กลับเข้าสู่ Apple อีกครั้ง สิ่ง เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าผมไม่โดนไล่ออกจาก Apple มันเปรียบเสมือน ยาที่มีรสขม ถึงแม้รสชาติมันจะขมมากเพียงใด แต่คนไข้ก็ยังต้องการมัน ผมรู้แค่ว่า สิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตผมยังเดินหน้าต่อไปได้ คือการทำในสิ่งที่ผมรัก งานเป็นสิ่งที่ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในชีวิตคุณ ดังนั้นวิธีที่จะทำให้คุณพอใจได้อย่างแท้จริงคือ จะต้องเชื่อว่างานที่คุณทำนั้นวิเศษ และการที่จะได้ทำงานที่วิเศษนั้น คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ หากคุณยังหาสิ่งที่คุณรักไปพบจงหาต่อไปอย่าท้อถอย แล้วคุณจะรู้เองเมื่อคุณได้พบมัน แล้วจะเกิดความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม มันจะยิ่งทำให้เรารู้สึกดีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจงตามหามันต่อไป อย่าได้ท้อถอย

เรื่องที่สาม เกี่ยวกับ ความตาย

เมื่อผมอายุ 17 ปีผมได้อ่านประโยคที่ว่า “ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวัน ให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต แล้วจงมั่นใจได้เลยว่า สักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นจริงอย่างที่คุณคิด” ตั้งแต่นั้นมาเป็นเวลา 33 ปี ผมก็จะถามตัวเองที่หน้ากระจกทุกเช้าว่า “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ผมต้องการจะทำในสิ่งที่จะไปทำวันนี้หรือเปล่า” หากผมตอบว่า “ไม่” ผมก็รู้ได้เลยว่า คงต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างซะแล้การที่คิดว่า “ไม่ว่าจะยังไง คุณต้องตาย” เป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก เพื่อใช้หลีกเลี่ยงการติดกับความคิดบางอย่าง คุณเกิดมาตัวเปล่า ไม่มีเหตุผลใดเลยที่คุณจะไม่ทำตามหัวใจของตัวเอง
เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วผมเพิ่งพบว่าผมเป็นมะเร็งหมอบอกว่าไม่มีทางรักษาได้ นั่นคือให้คุณทำใจรับความตายได้เลย และไปสั่งเสียกับครอบครัวได้แล้ว ช่วงนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ผมเข้าไป ใกล้ชิดกับความตายมากที่สุด แต่ว่า ไม่มีใครที่ไม่ต้องตาย ทุกคนจะต้องตาย ขอโทษที่เล่าเหมือนเป็นละคร แต่นี่มันคือเรื่องจริงที่ต้องรับให้ได้ ดังนั้นช่วงชีวิตที่คุณมีอยู่ ไม่ควรไปเสียเวลาเติมเต็มให้กับผู้อื่นมากนัก อย่าไปติดกับกฎเกณฑ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ อย่าไปขึ้นกับผลความคิดของผู้อื่น อย่าให้ความคิดเหล่านั้นมากลบเสียงของคุณเอง ที่สำคัญที่สุด จงกล้าที่จะทำตามหัวใจและสัญชาติญาณของคุณ ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม เพราะมันรู้ถึงสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริง เรื่องอื่นๆถือว่าเป็นเหตุผลที่รองลงมา ตอนเด็กผมชอบหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า The Whole Earth Catalog ในนั้นมีประโยคหนึ่งที่เขียนเอาไว้ ว่า “Stay Hungry, Stay Foolish” (ถ้าให้แปลตรงๆก็ อยู่อย่างหิวกระหาย อยู่อย่างโง่เขลา แต่ความหมายที่แท้จริงคือ ให้เรามีความฝันและมีจินตนาการ) ดังนั้นวันนี้ที่พวกคุณเพิ่งจบการศึกษาแล้วจะต้องออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมจะภาวนาสิ่งนี้ให้คุณ..................พฤษภกาสร    อีกกุญชรอันปลดปลง
โททนต์เสน่งคง     สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย    มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา

 

 

 

 





Credit :  Stay Hungry, Stay Foolish

 

Views: 406

Comment

You need to be a member of Manchester City Fan Club in Thailand Website to add comments!

Join Manchester City Fan Club in Thailand Website

Comment by mcfc-มีน on October 10, 2011 at 9:38am
r.i.p 
Comment by ManciTy(J) on October 8, 2011 at 10:33am
r.i.p steve jobs

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.