ทั้ง mac ทั้ง linux เป็น os เหมือน windows เพียงแต่เป็นคนละค่าย
แน่นอน windows ก็ของ microsoft ซึ่งเน้นความหลากหลายแบบเป็ด เก่งหลายอย่าง แต่เห็นดีอย่างเดียวก็เรื่องคำนวณ ถ้าใช้โปรแกรมพวก statpro, autocad กับอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการแสดงผลอันนั้นแหล่ะถึงจะเร็ว นอกนั้นดาดๆแถมเปลือง CPU เปลือง RAM อีกต่างหาก ถ้าใช้พวก กราฟฟิกหรือตัดต่อวิดีโอ หรือแม้แต่แค่เขียนแผ่นพร้อมใช้ word ก็ต้องพึ่ง CPU แบบ 2 คอร์ขึ้นแล้ว
ข้อเสีย มากๆก็อีตรงแฮกเกอร์ทั้งโลกจ้องทำลายแต่ windows ชนิดที่เรียกว่าที่ไหนมี windows ทีนั้นมี virus(หรือจะเรียกว่า หนอน หรือม้าส่งข่าวก็ตามแต่)
mac ก็ของ apple อันนี้เป็นระบบปฏิบัติการที่เน้นชัดๆเกียวกับเรื่องกราฟฟิก ไม่ว่าจะเป็นกันตนา ดีด๊า สหมงคล......... จะเอาไปใช้เป็นหลัก แต่ hard wear โคตรแพงเข้าตำรา อุปสงค์อุปทาน ก็ใครมันจะซื้อคอมพิวเตอร์เพียงแค่ไป สร้างอิมีเนชั่น กับ ตัดต่อ วีดีโอ เล่าเจ้าค่ะ
ข้อเสีย virus ก็เริ่มมีแต่ถือว่าน้อยมากไม่ต้อง format hard disk ทิ้ง เดือนเว้นเดือนเหมือนที่ใช้ windows
Linux เป็นการผสมผสานกันอย่างหาที่ติไม่ได้(เพราะฟรี) โปรแกรมเมอร์ทั้งโลกที่ไม่ได้สังกัด Microsoft กับ apple ช่วยกันเขียน OS ตัวนี้ให้น่ารักที่สุด แถมลูกเล่นง่ายๆแต่วิวิศมาหรา ทั้ง Microsoft กับ apple ก็ลอกเอาไปใช้ดื้อๆ แถมวิเศษไปกว่านั้น hard wear จะเป็นของ IBM หรือ apple ก็ลงได้ทั้งคู่ ยู้ฮู
ข้อเสีย ใช้ยากฉิxหxย สำหรับคนไม่ชอบใจสิ่งที่โปรแกรมมีมาให้อยากจะปรับปรุง(กระสัน)ตลอดเวลา คนที่มีความรู้คอมพิวเตอร์พื้นฐานถึงปานกลางยังปลงว่าโคตรๆเลย แต่ข้อดีในข้อเสียคือมีหลายสายพันธ์ ตั้งแต่ หมวกแดง เศร้าสร้อย ทะเล ยัน มหาสมุทร จน แฮกเกอร์ปวดหัวพัฒนา(หรือจะใช้คำอื่นดี)ไม่ทัน
ที่ลุง POST มาตามทฤษฎี ถ้าความเร็ว ASDL เท่าๆกัน ถึง OS จะแตกต่าง การกระตุกย่อมไม่แตกต่าง แต่ข้อได้เปรียบเห็นๆที่ลุงยืมของหลานในบ้านมาใช้ ก็น่าจากการใช้ ทรัพยากรในเครื่องที่แตกต่างกันของแต่ละ OS (แหง่หละ windows ใช้เปลืองกว่าเพื่อนฝูง)
ลุงเล็กฟันธงว่าถ้าบ้านเราเอาจริงเอาจังกับเรื่อง ลิขสิทธ์ แผ่นแท้จากพันธ์ทิพย์ไม่มีในท้องตลาด linux ก็จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทีจีนแดง กับ ญี่ปุ่นไม่เห็นไปจับเลย