ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาผมเองต้องนั่งเฝ้าหน้าจอคอมตลอดทั้งคืนเลยครับ
เรียกว่าถ้าไม่ง่วงไม่เพลียจริงๆ ต้องลุกขึ้นมาเปิดคอม เฝ้าดูสถานการณ์ลูกหนังอยู่ตลอด
ลุกออกไปซักนาทีนึงไม่ได้จริงๆครับ กลัวพลาดข่าวการย้ายทีมที่ช็อคโลกข่าวนั้น
“กาก้า..”
ไม่น่าเชื่อนะครับว่านักเตะเพียงคนเดียวจะมีอิทธิพลต่อหลายฝ่ายมากขนาดนี้
มีอิทธิพลต่อทีมผู้ซื้อ.. ที่พร้อมจะทุ่มเท่าไหร่ก็ได้เพื่อให้ได้ตัวมา
มีอิทธิพลต่อทีมผู้ขาย.. ที่ใจจริงก็อยากให้อยู่ใจจะขาด แต่บางทีเงินมันก็ทำให้คนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นเหมือนกัน
และสุดท้ายคือ อิทธิพลต่อวงการลูกหนังโลกครับ และอันหลังนี่ล่ะสำคัญที่สุด
เพราะตั้งแต่การเทคโอเวอร์แมนเชสเตอร์ ซิตี้ของอาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป วงการลูกหนังทั่วโลกต้องสะท้านสะเทือนไปเป็นแถบครับ
อย่างที่รู้ๆกันอยู่ เป้าหมายของการเทคโอเวอร์ของทุกประธานสโมสร ก็คือต้องประสบความสำเร็จ
ซึ่งประธานสโมสรเดี๋ยวนี้ มันก็คือนักธุรกิจทั้งนั้น
ดังนั้นเมื่อสโมสรประสบความสำเร็จ ได้แชมป์ ได้ถ้วย ชื่อเสียงก็จะมา โฆษณา สปอนเซอร์ต่างๆก็จะเข้า ดังนั้นรายได้ก็จะมา
นี่แหละคือสิ่งที่ประธานสโมสรต้องการ
โรมัน อบราโมวิช เคยบุกเบิกแฟชั่นทุ่มไม่อั้นมาเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว สมัยนั้นอยากได้ใครก็ทุ่มซื้อ
แต่ตัวเลขของ “เสี่ยหมี” ถือว่ายังคงจับต้องได้ครับ อยู่ในช่วง 20 ล้าน ถึง 30 ล้าน ที่แพงสุดก็คืออังเดร เชฟเชนโก้ ที่ 30 ล้านนั่นเอง
และหอกยูเครเนี่ยนนั่นแหละ ทำเอาเสี่ยหมีซึ้งเลย
เพราะหลังจากนั้นที่เราสังเกตกัน โรมัน อบราโมวิช ไม่เคยทุ่มซื้อนักเตะอย่างบ้าเลือดอีกเลย มีแต่รัดเข็มขัดมากขึ้น
แสดงให้เห็นครับว่า การบริหารสโมสรฟุตบอล มันไม่ได้เหมือนที่คุณบริหารบริษัทธุรกิจของคุณ เพราะการบริหารบริษัทมันต้องมีการวางแผน และเมื่อทำได้ตามแผน ก็ประสบความสำเร็จ แต่ฟุตบอลมันไม่ใช่ครับ มันมีปัจจัยอื่นที่สำคัญกว่านั้นเช่นโชค ดวง หรือสภาวะแวดล้อมรวมถึงสภาพจิตใจของนักเตะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
แล้วดูสิ่งที่อาบูดาบี ทำครับ พวกเขาทำอะไรกันบ้าง?
เอาง่ายๆแค่วันแรกที่เข้าควบคุมสโมสร พวกเขาก็ทำสถิติซื้อนักเตะที่แพงสุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษไปแล้ว
พวกเขาปาดหน้าเชลซีด้วยเงินที่มากกว่า ทั้งๆที่เชลซีคอยตื๊ออยู่นานสองนาน
พวกเขาทำให้โรบินโญ่ลืมฝันที่จะไปเล่นให้เชลซี ลืมฝันที่จะไปเล่นให้อดีตโค้ช หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ เพราะอะไรครับ?
เงินเท่านั้นครับ เหตุผลเดียว !!
การคว้าโรบินโญ่ เปรียบเสมือน “พิธีเปิด” ของเหล่าอาบูดาบีครับ เพราะหลังจากนั้นมันก็มีข่าวตัวโน้นย้ายตัวนี้ย้ายเต็มไปหมด
เคยมีข่าวเพี้ยนๆว่า ในวันคว้าตัวโรบินโญ่ กลุ่มอาบูดาบีส่งเช็คเปล่าไปให้ เรอัล มาดริด เพื่อขอซื้อ รุด ฟาน นิสเตลรอย โดยให้ทางเรอัล เขียนเช็คเองด้วย
แหม่น่าเสียดายครับ เป็นผมนะ จะเขียนซักพันล้านปอนด์ !! ดูซิจะกล้าให้มั้ย
ครับมาต่อ , สำหรับการคว้าโรบินโญ่เพียงคนเดียวมันก็คงไม่พอที่จะให้ทีมมาขึ้นมาเบียดกับทีมท็อปๆหรอกครับ มันอีกไกล มันก็เลยแน่นอนว่าต้องซื้ออีก
และก็ถึงเวลาที่เหล่า “ซูเปอร์อาบู” จะต้องโชว์พาวอีกครั้ง
การซื้อเวย์น บริดจ์เป็นแค่ข่าวหยิบย่อยเท่านั้น ถ้าเป็นอาหารกลางวันก็เป็นแค่ ออเดิร์ฟเท่านั้นเอง
และข่าวที่จะคว้า เบลลามี่ ปาร์คเกอร์ หรือ ซานตา ครูซ ผมว่ามันก็เป็นการเล่นข่าว หรือไม่ก็เป็นแผนการตลาดของซิตี้ ที่ทำให้หลายฝ่ายหันมาสนใจเท่านั้นล่ะครับ
เพราะแน่นอน เป้าหมายจริงๆแล้ว อยู่ที่ “กาก้า” เท่านั้น
เรารู้ๆกันอยู่ว่ามิลานคงไม่ยอมขายนักเตะที่ดีที่สุดในทีมออกไปแน่นอน แต่
พอเห็นตัวเลขแล้วก็ต้องสะอึกครับ.. ร้อยกว่าล้าน!!
คนเรามันก็มีความโลภกันทั้งนั้นแหละครับ และสุดท้ายมิลานก็กำลังจะกลืนน้ำลาย ยอมปล่อยกาก้าไป
ไม่ใช่มิลานทีมเดียวหรอกครับที่คิดแบบนี้ เมื่อกี้ก็มีข่าวออกมาว่า โค้ชทั้งกัลโช่ เซเรีย อา เขาก็คิดเหมือนกัน!!
ดังนั้น ผู้บริหารมิลานไม่ผิดหรอกครับ ที่จะปล่อยกาก้าไป
ส่วนทางกาก้าเอง ก็เหมือนโดน “คลุมถุงชน” ล่ะครับ ก็อย่างว่าทางนั้นเขาให้สินสอดมาเยอะมาก แถมถ้ายอมแต่งด้วยยังเตรียมประเคนด้วยเงินจำนวนมหาศาล
สุดท้ายแล้ว.. รักแท้ก็แพ้ฟ่อนเงิน จนได้แหละครับ
แต่กาก้าเองก็ฉลาดครับ ถึงเขาจะตกเป็นเครื่องมือของการซื้อขายครั้งนี้ เขายังเตรียมแผนกู้เอกราชให้ตัวเองได้ทุกเมื่อ ด้วยสัญญา “Minimum Fee Release Clause” หรือ เงื่อนไขการฉีกสัญญานั่นเอง ซึ่งนั่นจะทำให้กาก้า ย้ายออกจากซิตี้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ในปีหน้าครับ
แล้วมันก็แปลกนะครับ กาก้าเหมือนเป็นตัวนำโชคของซิตี้เลย เพราะตั้งแต่มีข่าวว่ากาก้าจะมา นักเตะที่เคยดูถูกดูแคลนซิตี้ ตอนนี้กลับอยากย้ายมากันหมดเลยครับ ทั้ง ซานตา ครูซ หรือแม้กระทั่ง จิจี้ บุฟฟ่อน !!
และผมเชื่อเหตุผลที่บอกว่าอยากมาเล่นกับกาก้านั้นเป็นเรื่องรองครับ แต่เหตุผลหลักที่สำคัญกว่านั่นคือ “เงิน” ต่างหาก
และนั่นคือสิ่งที่อาบูดาบี กรุ๊ป ได้ทำลงไป..
เขาทำให้นักเตะมีหัวใจให้ทีมน้อยลง ทำให้นักเตะกลายเป็นคน “หิวเงิน”
จากสมัยก่อนที่นักเตะมีความรักสโมสร เล่นเพื่อทีม สปิริตแรงกล้า แต่ปัจจุบันกลับจะเล่นกันเพื่อเงินและเพื่อผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว
และนอกจากนี้ ยังเป็นการผูกขาดตลาดด้วย
เพราะภาวะเศรษฐกิจแย่แบบนี้ คงไม่มีใครบ้ากล้าทุ่มแบบซิตี้แน่นอน
ขนาด ”เสี่ยหมี” ที่เคยทุ่มเอาๆ ตอนนี้กลับไม่ให้งบเชลซีเลยแม้แต่แดงเดียว
แต่ก็อย่างว่าแหละครับ คนมันรวยล้นฟ้า จะทำอะไรก็ได้
ดังนั้น อยากทำอะไรก็ทำเถอะครับซิตี้ เชิญ..
และถ้าวงการฟุตบอลมันต้องพังลงจริงๆ ก็คงเป็นเพราะ พวกคุณนั่นแหละครับ !!
เจี๊ยบ เคเอฟซี
www.soccersuck.com