9. โรเมลู ลูกากู : เอฟเวอร์ตัน
ในฤดูกาลที่แล้วท็อฟฟีสีน้ำเงิน จัดว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก แต่ปีนี้พวกเขากลับมาพร้อมความตั้งใจจะแก้มือ โดยเฉพาะกองหน้าตัวเก่งอย่าง ลูกากู ที่กระหายการยิงประตูจนใจแทบขาด
แถมการที่ ลูกากู และนักเตะแนวรุกคนอื่นยังอายุกันน้อย ๆ อยู่ด้วยจะทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาขีดจำกัดให้สูงขึ้นจากประสบการณ์อันย่ำแย่ในซีซั่นก่อน และยังมีตัวเก่งอย่าง เคร์ราร์ด เดวโลเฟว เข้ามาช่วยปั้นเกมอีก ทำให้ถือว่ามีลุ้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว
8. ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ : ลิเวอร์พูล
ศูนย์หน้าขาเซิ้งค่ายหงส์แดงคนนี้ต้องหมดโอกาสโชว์ฟอร์มเก่งของตัวเองไปแทบจะตลอดทั้งซีซั่นก่อน ส่วนสำหรับฤดูกาลใหม่นี้ เขาน่าจะกลับมาฟิตสมบูรณ์และพร้อมลงสนามช่วยทีมได้อย่างเต็มที่
และด้วยความที่เจ้าริดจี้ จัดว่าเป็นกองหน้าตัวแซ่บคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก ฉะนั้นถึงจะดูเปราะ ๆ หรือร้างสนามไปนาน แต่เชื่อว่าความคมของเขานั้นลับสนิมออกหน่อยเดียวก็น่าจะกลับมาเปรี้ยงได้อีกครั้งหนึ่ง
7. โอลิวิเยร์ ชิรูด์ : อาร์เซนอล
สไตรเกอร์เลือดน้ำหอมของทีมปืนโต ยังคงตกเป็นข้อกังขาสำหรับแฟนบอลทีมตัวเองในเรื่องของความสามารถอยู่ว่าจะดีพอพาทีมคว้าแชมป์รายการใหญ่ ๆ ได้หรือไม่
แต่เห็นเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ไม่ได้มีอะไรฉูดฉาดให้คอลูกหนังได้ซี๊ดซ๊าดกันแบบนี้ก็เหอะ ชิรูด์ ก็ยังสามารถยิงไปได้ถึง 18 ลูกจากซีซั่นก่อน (เฉพาะในลีก) ฉะนั้นปีนี้ถ้ายังรักษาฟอร์มได้ต่อเนื่องอย่างน้อยก็น่าจะกดได้ 20 ลูกขึ้นไปแน่
6. คริสเตียน เบนเทเก้ : ลิเวอร์พูล
ดาวยิงป้ายแดงของ ลิเวอร์พูล คนนี้ กลายมาเป็นความคาดหวังหลักของแฟนบอลและผู้จัดการทีมไปเรียบร้อยทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยลงเล่นในสีเสื้อหงส์แดงเลยแม้แต่เกมเดียว
แต่ด้วยราคาค่าตัวสูงถึง 32.5 ล้านปอนด์ บวกกับการถล่มประตูราวกับเครื่องจักรสังหารสมัยอยู่กับ แอสตัน วิลลา ทำให้ทุกอยากเห็นว่าเขาจะกลายเป็นสตาร์ให้กับทีมใหม่ได้หรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ ถ้าคลิ้กเข้าสูตรได้เมื่อไหร่ ยิงกระจายเมื่อนั้น !
5. อเล็กซิส ซานเชซ : อาร์เซนอล
ชายผู้เคยแบกทีมอาร์เซนอล เอาไว้บนบ่าของตัวเองมามากกว่าครึ่งฤดูกาลก่อน ทั้งเพิ่งมาอยู่กับทีมหมาด ๆ คนนี้ น่าจะยังได้เป็นหนึ่งในความคาดหวังสูงสุดของแฟนบอลต่อไปอีกครั้ง
จากที่ไม่ใครอยากเชื่อว่าเขาจะกระหน่ำให้ทีมได้มากมายไปถึง 16 ลูกในพรีเมียร์ลีกทั้งที่เพิ่งย้ายจากสเปนมาเป็นปีแรก ตอนนี้ ซานเชซ จะกลายเป็นนักเตะที่ทำได้ดีมากขึ้นกว่าปีก่อน และฟอร์มของผู้เล่นแนวรุกคนอื่น ๆ กำลังอยู่ในช่วงพุ่งขึ้นถึงขีดสุดก็จะช่วยให้เขายิงได้เยอะมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
4. เวย์น รูนีย์ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในฤดูกาลที่แล้ว รูนีย์ ยิงประตูในลีกได้ 12 ลูก ทั้งที่ถูกถอยลงไปเล่นเป็นกองกลางอยู่หลายต่อหลายเกม และนั่นก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งจากทีมชาติอังกฤษได้ดี
และในปีนี้ หลุยส์ ฟาน กัล ได้บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจะได้กลับไปเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าที่ถนัดอย่างเต็มรูปแบบ ฉะนั้นสาวกปีศาจแดง รอดูลีลาการถล่มประตูเจ๋ง ๆ จากกัปตันของทีมรักคนนี้ได้เลย ซัดตู้มหาย ! ตู้มหาย ! แน่นอน !!
3. ดิเอโก คอสต้า : เชลซี
คอสต้า ถือเป็นนักเตะใหม่ในพรีเมียร์ลีกจากซีซั่นก่อนที่โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเขาสามารถซัลโวประตูให้ทีมได้ตั้งแต่เกมแรก และในแทบจะทุก ๆ นัดที่ได้ลงสนาม
และแน่นอนว่าเขาเกือบจะได้ตำแหน่งดาวซัลโวของซีซั่นก่อนมาครองอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่มีปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดช่วงหลัง ทำให้ไม่ค่อยได้ลงเล่น และโดน อาเกวโร ยิงแซงไปในที่สุด
ส่วนปีนี้ต้องมาดูว่า มูรินโญ จะแก้ปัญหาให้ดาวเตะคนเก่งของเขาอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ ยิงตูมตามเหมือนเคยชัวร์
2. แฮร์รี เคน : ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส
หลายคนเชื่อว่าเจ้าหนูเฮอริเคนคนนี้จะมาสานตำนานซูเปอร์สไตรเกอร์ของทีมชาติอังกฤษได้ต่อจาก อลัน เชียร์เรอร์ ในเร็ววันนี้ เนื่องจากในฤดูกาลที่แล้ว จู่ ๆ เขาก็ระเบิดฟอร์มฮอตยิงต่อเนื่องจนกลายเป็นปรากฏการณ์ได้อย่างไม่มีใครคาดคิด
และเมื่อดูจากฟอร์มการเล่นและการทำงานร่วมกันระหว่างเขากับสโมสรแล้ว ก็น่าเชื่อว่า เคน จะยังคงรักษาระดับของตัวเองเอาไว้ได้อีกครั้งแบบไม่น่ามีปัญหาอะไร และตอนนี้เขามีทั้งความมั่นใจประสานกับความท้าทาย ฉะนั้นเชื่อเถอะว่ายิงเยอะกว่าเดิมแหง
1. เซร์คิโอ อเกวโร : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เมื่อพูดถึงการท้าชิงตำแหน่งดาวซัลโวของฤดูกาลใหม่ แน่นอนว่าตัวเก็งหมายเลขหนึ่งก็ต้องเป็นเจ้าของรางวัลนี้จากปีที่แล้วอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร แน่นอน
และก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วสตาร์อาร์เจนไตน์คนนี้ เป็นนักเตะที่มีฝีเท้าจัดจ้านมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ฉะนั้นเขาจะยังคงเป็นคนที่มีสิทธิ์ได้ดาวซัลโวไปครองต่อเนื่องอีกหนึ่งสมัย แถมการเสริมทีมของ เปเยกรินี ในปีนี้ ก็จัด ราฮีม สเตอร์ลิง มาแล้วหนึ่ง พร้อมกับมีแนวโน้มจะได้ เควิน เดอ บรอยน์ มาบวกอีกหนึ่ง
ฉะนั้นถ้าทุกอย่างลงตัว งานพังประตูของกองหน้าอย่าง อเกวโร ก็จะยิ่งง่ายมากกว่าซีซั่นที่แล้วพอสมควร ที่เหลือก็แค่รักษาตัวไม่ให้บาดเจ็บก็น่าจะเพียงพอ
90MIN