Members

พรีเมียร์ลีกซีซั่น 2015-16 (ตอน 4)''เรือใบสีฟ้า'' แมนฯ ซิตี้

พรีเมียร์ลีกซีซั่น 2015-16 (ตอน 4)''เรือใบสีฟ้า'' แมนฯ ซิตี้

     ''เรือใบสีฟ้า'' แมนฯ ซิตี้ พลาดแชมป์ปีที่แล้วด้วยเหตุผลเดียวคือขาดแรงจูงใจทั้งนักเตะและโค้ช
 
        ถ้าหากจะกล่าวโทษกัน มานูเอล เปเยกรีนี่ ต้องรับผิดชอบ แต่หากดูผลงานการพลาดแชมป์คงไม่มีอะไรต้องวิพากษ์วิจารณ์มากมาย เพราะเชลซีคือแชมป์และเป็นทีมที่มีมาตรฐานสม่ำเสมอสุดๆ หากตัดเชลซีออกไป
       
        แมนฯ ซิตี้คือแชมป์ปีที่แล้ว
       
        บอร์ดบริหารภายใต้การนำของ ไอตอร์ เบกิริสไตน์ อดีตปีกจอมกระชากของบาร์เซโลน่า ผู้ผันตัวเองมาเป็นผู้บริหารแมนฯ ซิตี้ ยืนยันต่อบอร์ดว่า เปเยกรีนี่สมควรทำหน้าที่ต่อไปด้วยเหตุผลเรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ไม่ได้ด้อยกว่าเชลซีมากขนาดนั้น
       
        หาโค้ชใหม่ยากยิ่งกว่าเก่า เพราะตอนนี้โค้ชมากบารมีเพื่อคุมสตาร์ดังของเรือใบมีทีมประจำอยู่แล้ว ด้วยเป้าหมายสำคัญคือแชมป์ลีกและก้าวหน้าในชปล. โค้ชใหม่แทนเปเยกรีนี่ ต้องมีดีกรีระดับเดียวกับ มูรินโญ่, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กระทั่ง อันเชลอตติ และ เจอร์เก้น คล็อปป์
       
        ดังนั้น...แมนฯ ซิตี้ยังคงยึดมั่นกับเปเยกรีนี่ต่อไปตามเดิม พร้อมเพิ่มตัวผู้เล่นให้ใช้งานอีก โดยเฉพาะนักเตะท้องถิ่น (home grown) อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง และ ฟาเบียน เดลฟ์
       
        รายแรกนั้นเป็นมหากาพย์อยู่พักหนึ่งและถูกคาดหมายจากแฟนหงส์ว่าน่าจะล้มเหลวเหมือนดาวรุ่งรายอื่นๆ ที่เคยไปเล่นให้แมนฯ ซิตี้ ทั้ง แดเนียล สเตอริดจ์, สจ๊วร์ต ซินแคลร์ หรือ แจ็ค ร็อดเวลล์
       
        เรื่องนี้อยู่ในความสงสัยและเป็นการตั้งข้อสังเกตแบบมีลูกชิงชังตามน้ำพร้อมแช่งให้ล้มเหลว อะไรทำนองนี้
       
        ย้อนกลับไปเมื่อซีซั่นที่ผ่านมานับว่าแมนฯ ซิตี้เบียดแย่งแชมป์กับเชลซีแบบสนุกเอาเรื่องทั้งต้นและปลายฤดูกาล ก่อนจบที่รองแชมป์ลีกมาเร่งเครื่องไม่ทันซะแล้ว กระนั้นตัวเลขแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นรองเชลซีแบบห่างขนาดนั้น
       
        ชนะ 24 เสมอ 7 แพ้ 7 ยิงได้ 83 เสีย 38 ดาวซัลโวของทีมคือ เอล กุน อเกวโร่ 26 ประตู ในแง่เกมรุกยังคงมีประสิทธิภาพ ในแง่เกมรับไม่เสียหายมากขนาดนั้น แต่ดันมาเสียประตูนัดสำคัญที่ทำให้ไม่ชนะในเกม
       
        ผลเสมอ 7 มีอยู่ 4 นัดที่พวกเขากำลังจะเป็นผู้ชนะแต่แล้วก็พลาดท่าเสมอแต้มหลุดไปสองอย่างเช่นเกมที่นำเบิร์นลี่ย์ 2-0 กลับโดนทีมกลุ่มตกชั้นไล่ตีเสมอ 2-2 จากความเฉื่อยชาของนักเตะและโค้ชที่ไม่สามารถปิดบัญชีได้
       
        อีกนัดหนึ่งคือเสียสองแต้มให้คิวพีอาร์จากผลเสมอ 2-2 นี่คือทีมตกชั้นในเวลาต่อมา รวมทั้งนัดแพ้เบิร์นลี่ย์ 0-1 หน้าตาเฉย...คุณสมบัติทีมแชมป์ไม่อนุญาตให้แพ้ทีมกลุ่มตกชั้นไม่ว่าจะตกในสถานการณ์แย่ขนาดไหนก็ตาม
       
        กล่าวคือมันมีหลายนัด...ทำแต้มตกหล่นง่ายไปหน่อย
       
        มีการประเมินกันว่า "เรือใบสีฟ้า" ทำแต้มหายไป 8 คะแนน นั่นคือจำนวนแต้มที่จะเทียบเท่ากับเชลซี แล้วต้องตัดสินด้วยผลต่างประตูได้เสีย ตรงนี้แมนฯ ซิตี้ทำได้ดีกว่าเป็นต้นทุนอยู่แล้ว เพราะผลต่างในปริมาณสูงสุดคือการได้ +3 นั่นเอง
       
        อย่างไรก็ตาม...สายข่าววงในยืนยันว่าถ้าบอร์ดบริหารแมนฯ ซิตี้ได้ เจอร์เก้น คล็อปป์ มา เชื่อว่าเปเยกรีนี่ก็น่าจะไป แต่คล็อปป์ขอเบรกพักงาน 6 เดือนเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเองก่อนกลับมาสู่วงการฟุตบอลอีกครั้ง
       
        ขณะที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขอท้าทายอำนาจในบาเยิร์น มิวนิค กับสุดยอดตำนานของเสือใต้ที่พร้อมออกมาจวกเป๊ปทุกครั้งที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ดังนั้นแฟนเรือใบที่อยากได้เป๊ป อาจจะต้องรอไปอีกหนึ่งซีซั่น
       
        เรื่องก็เลยยังคงค้างที่เปเยกรีนี่ต่อไป
       
        ด้วยเหตุผลคือต้นทุนของทีมยังดีอยู่และยังไม่ได้โค้ชยอดฝีมือมาทำงานนั่นเอง ตรงนี้ทำให้แฟนเรือใบสีฟ้าต้องลุ้นแชมป์กับเปเยกรีนี่ต่อ แต่การที่พวกเขาได้ ราฮีม สเตอร์ลิง รวมทั้ง ฟาเบียน เดลฟ์ มาเสริมทัพ อาจเป็นจุดที่น่าสนใจแง่ที่ว่ามีนักเตะอังกฤษให้ได้ร้องเพลงเชียร์เต็มปากสักหน่อย
       
        เป็นทีมอังกฤษ แฟนบอลอังกฤษ แต่มาร้องเพลงเชียร์นักเตะละตินอเมริกา, ยุโรปตะวันออก, แอฟริกา
       
        มันน่าปวดใจนะครับ แถมเจ้าของทีมเป็นอาหรับอีก
       
        โอเค...ซีซั่นที่แล้ววิเคราะห์ความผิดพลาดคือควรชนะในนัดที่ต้องชนะแต่พลาดเสมอ ส่วนนัดที่แพ้ทั้ง 7 นัด ทีมบอร์ดบริหารแมนฯ ซิตี้ยอมรับว่าแพ้จริง ไม่มีข้อกังขา แต่นัดที่เสมอนั้นมันมาจากสถานการณ์ที่ต้องชนะ แต่พลาดเสมอ แต้มหายไป 8
       
        จุดนี้...ต้นทุนยังมี นักเตะชุดเดิมโดยเฉพาะเกมรุกยังแพรวพราว เติมแค่พลังใจ ความกระหายลงไปอีกสักหน่อย เรือใบน่าจะแล่นฉิว
       
        ถ้าจำกันได้ปีก่อนผมแสดงทัศนะว่า "เรือใบ" จะพลาดแชมป์เพราะขาดความกระหาย ขาดแรงจูงใจ ปีนี้สิ่งนั้นจะกลับมาเพราะความผิดหวัง ความล้มเหลว ทำให้พวกเขาต้องกระหายมากขึ้น ที่สำคัญแมนฯ ซิตี้แทบไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างทีมเลย ยังเป็นชุดเดิมจากหลังไปหน้า โอเค...ปรับเกมรับซะหน่อย เพราะที่มีอยู่ตอนนี้ก็เริ่มโรยราแล้ว
       
        ถ้าไม่คิดมากใช้สูตรบาร์เซโลน่า...หลังหลวมแต่หน้าไหลลื่น พร้อมสกอร์ แบบนี้มีโอกาสไล่ถล่มปิดเกมคู่แข่งตามทรง กุน, ซิลบา, นาบาส, นาสรี่, เชโก้ แถมได้ ราฮีม มาเสริมแนวรุกริมเส้น รวมทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ จากโวล์ฟสบวร์ก ที่พร้อมย้ายกลับมาอังกฤษตลอดเวลา
       
        แน่นอนครับ...แมนฯ ซิตี้คือเต็ง 2 ที่พร้อมกระชากแชมป์ในสายตาสื่อและผู้สันทัดกรณีทุกคนในอังกฤษรวมทั้งผมด้วย แต่จากการลงคะแนนล่าสุดให้เลือกว่าแมนฯ ซิตี้จะจบตำแหน่งไหนในปีนี้ เหยี่ยวข่าวโต๊ะฟุตบอลของนสพ.การ์เดี้ยน แสดงทัศนะว่าพวกเขาน่าจะจบที่ 4
       
        อะไรจะหลุดไปไกลขนาดนั้นเพราะรอบสี่ปีที่ผ่านมาแย่สุดของซิตี้คืออันดับสามนั่นเอง
       
        นั่นคือเรื่องของทัศนะ หลายสำนักพิมพ์อาจแตกต่างกันก็เป็นไปได้ขึ้นกับสภาวะแวดล้อมที่ต่างออกไป เพราะสื่อหลายฉบับส่วนใหญ่อยู่ส่วนกลางคือลอนดอน หลายคนเคยอยู่อังกฤษทราบว่าสื่อลอนดอนมีเอียงเล็กน้อยเรื่องของสำนึกรักบ้านเกิด
       
        คนเมืองหลวงเอาใจช่วยทีมเมืองหลวงมากกว่าทีมต่างจังหวัด ...เป็นธรรมชาติ
       
        ถ้าไปถามเหยี่ยวข่าวแถบภูมิภาคโดยเฉพาะละแวกแลงคาเชียร์ เกรทเตอร์ แมนเชสเตอร์ พวกเขาคงไม่เลือกกาให้แมนฯ ซิตี้ตกไปที่สี่ อย่างแย่ก็ที่สาม เบียดแย่งกับแมนฯ ยูไนเต็ด อะไรทำนองนั้น
       
        เอาเป็นว่าเรื่องทัศนะ...เป็นเรื่องส่วนตัวขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง แต่ไม่ได้หมายความว่าพอไม่ตรงกับที่เราคิดมันคือผิด
       
        สังคมไทยยังแยกไม่ออกในเรื่องนี้
       
        ส่วนทิศทางของ "เรือใบสีฟ้า" ในอนาคตอันใกล้นี้จะออกไปหน้าไหนดีละครับ จากการวิเคราะห์เจาะลึกจากหลายๆ สำนัก โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างของทีม ซึ่งมีของเดิมดีอยู่แล้ว คาดว่าปีนี้เปเยกรีนี่อาจปรับเปลี่ยนบางจุด
       
        รุกกระหน่ำ เน้นยิงประตูให้มากขึ้นกว่าปีก่อน
       
        การได้ ราฮีม และ เดลฟ์ มาเหมือนได้ประโยชน์จากเด็กท้องถิ่นในทีมเพื่อลงทะเบียนส่งยูฟ่าด้วย และได้พวกตัวรุกไปข้างหน้า และทำให้ทีมเล่นได้หลากหลาย แถมเป็นการแข่งขันแย่งตำแหน่งในทีม โดยเปเยกรีนี่มีบล็อกของทีมเอาไว้รออยู่ 2-3 บล็อก
       
        บล็อกแรก : 4-3-3 นี่รุกเต็มพิกัด โดยเฉพาะข้างหน้าใช้ทั้ง ราฮีม และ นาบาส ด้านกว้างมี กุน อยู่ข้างใน โดย ซิลบา คือแม่ทัพเกมรุก มี ยาย่า ตูเร่ กับ แฟร์นานโด หรือเดลฟ์ สนับสนุนในแดนกลาง
       
        บล็อกที่สอง : 4-3-2-1 คล้ายกับบล็อกแรกแต่คงต่างจากรายละเอียดในแง่ที่ กุน หน้าเป้า โดยมีตัวเพลย์เมกเกอร์เกมรุก 2 คน ซิลบา และ ราฮีม มีกลาง 3 ทั้ง ยาย่า ตูเร่, เดลฟ์ และแฟร์นานโด ระบบนี้ฟูลแบกมีบทบาทในการเติมเกมรุกริมเส้นตลอดเวลา เหมือนเป็นปีกยึดพื้นที่ด้านข้าง เพราะต้องการใช้ ราฮีม กับ ซิลบา เล่นบอลช่องมากขึ้น
       
        บล็อกที่ 3 : 4-4-2 แบบนี้ใช้ปีกลุยก่อน แล้วแบ็กค่อยเติมสนับสนุน ถ้าเจอทีมที่ตั้งรับ ระบบนี้เปเยกรีนี่คงต้องใช้บริการ วิลฟรีด โบนี่ หรือเชโก้ มาเป็นหน้าเป้า กุน เป็นหน้าต่ำ ด้านข้างเป็น ราฮีม, นาบาส, นาสรี่ แล้วแต่เลือก โดย ซิลบา คือกลางรุก มี ยาย่า ตูเร่ คุมเกมรับคนเดียว ระบบนี้คงใช้ในสถานการณ์ที่คู่แข่งรับแบบจอดรถบัสสองคัน
       
        ไม่ว่าจะบล็อกไหนทั้งสามบล็อกนี้ นักเตะที่เป็นโครงของทีมมี กุน, ซิลบา, ยาย่า ตูเร่, แฟร์นานโด โดยมี ราฮีม, นาบาส, นาสรี่ แย่งตำแหน่งเกมรุกกัน ส่วนแดนกลาง เดลฟ์, แฟร์นันดินโญ่ ต้องแย่งกันลงไปเล่นกับ ยาย่า ตูเร่ ใครเล่นกับยาย่าได้ดี มีโอกาสยึดตำแหน่งได้ยาว
        
        ทีมโฉมใหม่ของแมนฯ ซิตี้ในปีนี้ จึงขึ้นกับว่านักเตะแนวรุกคนไหนเล่นได้เข้าขากับกุน, ซิลบา คนนั้นมีโอกาสยึดพื้นที่ได้ก่อน เช่นกันกับแดนกลางต้องมาเล่นกับ ยาย่า ตูเร่ ให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมาเป็น แฟร์นานโด ที่พอจะดูดีกว่าคนอื่นๆ
       
        ส่วนแนวรับปีนี้ ม็องกาล่าอาจได้ใช้ประโยชน์มากขึ้นกว่าปกติ เพราะคู่เซนเตอร์โรยราเหลือเกิน ขณะที่แบ็กสองข้างถ้าจะพีกที่สุดก็คงเป็นปีสุดท้ายของทั้งสองคนละครับ ทั้ง ซาบาเลต้า, ซาญ่า, โคลารอฟ หรือ กาแอล กลิชี่
       
        เช่นกันครับตัวสำรอง...ที่พร้อมสอดแทรกในสนามนำโดย โบนี่, เชโก้, แฟร์นันดินโญ่, เดลฟ์ กระทั่ง นาบาส, นาสรี่, ราฮีม อาจเจอเหตุการณ์ที่ต้องสลับกันลงสนามก็เป็นไปได้ ที่จั่วมาข้างต้นนั้นเป็นการเติมนักเตะลงในบล็อกของเปเยกรีนี่ให้เต็ม เพื่อความชัดเจน ส่วนการหมุนนักเตะแนวรุกมันเป็นไปได้
       
        เพียงแต่ผมคิดว่า ราฮีมน่าจะได้เล่นก่อนนาสรี่ เช่นเดียวกันกับนาบาส แต่ซิลบานี่ยืนเป็นขาประจำอยู่แล้ว
       
        สรุป...ผมขอแสดงทัศนะค้านโต๊ะฟุตบอลของนสพ.การ์เดี้ยน ที่ส่วนใหญ่แสดงทัศนะว่า แมนฯ ซิตี้น่าจะจบอันดับ 4


        ผมคิดว่า "เรือใบ" ยังลุ้นแชมป์กับเชลซีเหมือนเดิมนะครับ จะได้หรือไม่ขึ้นกับ "ความกระหาย" ของเปเยกรีนี่ ที่จะทำให้ลูกทีมได้รับรู้มากมายขนาดไหน ถ้าเปเยกรีนี่ไม่สามารถถ่ายทอดความกระหายในการกลับมาชนะเพื่อเป็นแชมป์
       
        ด้วยศักยภาพสูงส่งขนาดนี้ อย่างเลวร้ายที่สุดก็ไม่น่าตกไปอยู่อันดับ 4 นะครับ
JACKIE

********************************************
Cr .siamsport.co.th/ ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 893

Reply to This

Replies to This Discussion

ผมว่าเกมส์ของเปเย ดูสนุก บุกรวดเร็ว ทำประตูได้ดีกว่าสมัยมันชินี่ ปรับปรุงแนวรับให้ดีก็ได้แชมป์แล้ว

เอาเจอเก้น คล๊อปป์

คุณjackieว่ามามเหตุผล สำหรับผมเต็งหนึ่งต้องยกให้ความเคี่ยวลากดินของมูริญโญ 

เต็งสองยังไม่ความเก๋าของอดีตแชมป๋และประสบการณ์นักเตะไม่แพ้เชลซีแต่เกมรับยังเป็นรอง

ส่วนอาร์เซน่อลปีนี้มาดีเอาชนะทีมของมูได้ในศึกคอมมูฯครี่งแรกตั้งแต่พบกันมา ดูครบเครื่องทั้งเกมรับและรุก

แต่ขาดการยืนระยะเชื่อว่ายังไม่ดีพอที่จะเป็นแชมป์เท่าสองทีมแรก

ส่วนที่สี่ผีแดงฟอร์มอุ่นเครื่องสวยหรูพอสมควรแต่เอาเข้าจริงก็ไม่คิดว่าจะดีพออย่างมากก็ที่สามหรือสี่เท่านั้น

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.