Members

คอลัมน์น่าสนใจ::แมนฯซิตี้ ลุ้น..อะไร?

คอลัมน์น่าสนใจ::แมนฯซิตี้ ลุ้น..อะไร?



     มานูเอล เปเยกรินี บอกว่าแมนฯซิตี้ขอชนะอย่างน้อย 9 นัดก็จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
 

 

        เริ่มจากสัปดาห์นี้รับมือแอสตัน วิลล่า ต้อง 3 คะแนน เพราะถ้าไม่ได้สิ่งที่ เปเยกรินี พูดจะเป็นเรื่องสูญเปล่าอีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำว่าเขาไม่เหมาะกับการคุมทีมใหญ่ที่มีเงินมากมายมหาศาลและแรงกดดันสูงแบบนี้ (คอลัมน์นี้เขียนผลการแข่งขันของซิตี้กับวิลล่าจะออกมา)


        ขนาดวิลล่า...ทีมที่ตกชั้นไปแล้วในความรู้สึก ยังเอาชนะไม่ได้


        ผมว่าตอนนี้พวกเขาน่าจะเอาชนะได้แล้วนะครับ มันคงไม่ใช่เรื่องยากอะไรขนาดนั้น และโดยเฉพาะพึ่งโดนเกเก้นเพรสซิงของหงส์แดงจัดการมาหมาดๆ ยิ่งทำให้นักเตะต้องมีแรงฮึดพอๆกับผจก. ทีม พร้อมทั้งทำให้แฟนบอลรู้สึกมองเห็นอนาคตบ้าง


        ถ้าบทสัมภาษณ์ก่อนลงสนามของ เปเยกรินี เป็นความจริงนั่นหมายความว่าจากนี้มันคือบอลถ้วยทุกนัดของเรือใบสีฟ้า ปะเหมาะเคราะห์ดี โชคช่วยหนุนนำให้ เลสเตอร์ และกลุ่มบนสะดุดพรัอมๆกัน


        พวกเขาย่อมมีโอกาส


        ตามโปรแกรมการแข่งขันก่อนลงสนามสัปดาห์นี้ แมนฯซิตี้ มีโปรแกรมเหลือ 11 นัด หักนัดวิลล่าไปเหลือ 10 แต่โดยภาพรวมจาก 11 นัดคือ 33 แต้ม แล้ว เปเยกรินี ขอชนะ 9 จาก 11 นั่นหมายความว่าเขาต้องการอย่างน้อย 27 คะแนน


        ที่เขามองว่า...เรือใบมีสิทธิ์คว้าแชมป์


        แล้วถ้าทีมอื่นชนะตามไปด้วยละครับ??


        ผมว่าตรรกะของ เปเยกรินี คือการสร้างแรงกระตุ้นให้นักเตะในทีมมากกว่าที่จะไปสนใจผลแข่งของ เลสเตอร์, สเปอร์สและอาร์เซนอล ขอเพียงพวกเขาชนะไปเรื่อยๆมันย่อมมีความแตกต่างเกิดขึ้น


        ถ้าเรามองถึงความกดดันและถ้าเรามองถึงผลงานของซิตี้ ในช่วงที่พวกเขากระชากแชมป์จากแมนฯยูฯ และลิเวอร์พูล ในสองครั้งที่ดราม่า จาก กุน นัดสุดท้ายที่ยิงคิวพีอาร์ และ เจอร์ราร์ด ลื่นล้ม


        มันก็ไม่แน่นะครับ


        ยิ่งพรีเมียร์ลีกปีนี้มันมีอะไรแปลกๆที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าอย่างน้อยที่สุดแชมป์ปีนี้ "แต้มน้อย" และเป็นแชมป์ที่ไม่ได้มาจากคำว่า "ดีสุดและเก่งสุด" หากแต่มันมาจากคำว่า "ผิดพลาดน้อยสุด"


        เหมือนแชมป์กอล์ฟที่ตีสกอร์โอเวอร์ ด้วยตัวเลขน้อยสุดนั้นแหละครับ (ในเมเจอร์ก็มีให้เห็น)


        ผมไม่ได้ปรามาสเลสเตอร์ ซิตี้และทีมอื่นๆ แต่ผลงานที่เห็น ตัวเลขที่ออกมาคือดัชนีชี้วัดว่า แชมป์ปีนี้ แต้มไม่เยอะแน่ ที่สำคัญใครพลาดน้อยกว่ากัน เพราะที่เห็นนี่สลับกันพลาด และเร่งเครื่องไม่ขึ้น


        ดังนั้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสนะครับ


        ล่าสุดพวกเขาอยู่อันดับ 4 ตามหลังผู้นำ 10 แต้มก่อนลงสนามสัปดาห์นี้ ถ้า เปเยกรินี จะกินดีหมีมาพูด พวกเขาเองเคยตามแมนฯยูฯ 8 แต้มเมื่อเหลืออีก1 เดือนครึ่ง สุดท้ายเป็นแมนฯยูฯ ที่สะดุดเอง พลาดเอง ปล่อยให้ ซิตี้ แซง


        ผมมองว่าการที่เรือใบไม่กดดันมันทำให้พวกเขาน่าจะเล่นง่ายขึ้นและชนะไปเรื่อยๆไงครับ


        ที่กดดันคือสองสามทีมข้างบนนั่นแหละ


        เอาเป็นว่าถ้าเราคาดการณ์ถึงแต้มที่แชมป์จะคว้าได้เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล หลายคนคิดเห็นไม่ต่างกันว่ามันน่าจะอยู่ที่ 80


        สมมตินะครับว่าถ้าเลสเตอร์ ชนะทุกนัดใน 10 นัดต่อไปนี้พวกเขาจะทำคะแนนได้ 87 แต้มสูงสุด แต่ถ้าถามถึงความน่าจะเป็นว่าพวกเขาจะชนะ 10 นัดรวดนั้นมันมีทางเป็นไปได้ก็จริง แต่ไม่มากเท่าไหร่


        ปีที่แล้วพวกเขาเคยทำได้ในสถานะการณ์ที่ต้องการ การอยู่รอด ปีนี้ต้องการคว้าแชมป์


        ความรู้สึกมันแตกต่างกันนะครับ...ระหว่างเกียรติยศยิ่งใหญ่กับการมีชีวิตให้อยู่รอดต่อไป ผมว่าอย่างหลังนี่เป็นอะไรที่ต้องทำให้ได้นะครับ it's a must เลยก็ว่าได้ ...แนวคิดนี้น่าติดตามนะครับ แต่อย่างน้อยผมก็ไม่เชื่อว่าเลสเตอร์ จะชนะ 10 นัดรวด


        ดังนั้นการประเมินแต้มของ เปเยกรินี ที่บอกว่าแชมป์น่าจะได้สัก 80 ผมว่ามันน่าจะออกมาแบบนี้ และถึงจุดนั้นเราคงมาพูดกันอีกครั้งหนึ่งว่า "แชมป์เพราะพลาดน้อยสุด" ไม่น่าจะเป็นความคิดที่ไกลจากความจริง


        ถ้างั้นแมนฯซิตี้ ที่ เปเยกรินี ตั้งเป้าชนะ 9 จาก 11 นัดสุดท้าย จะมีแต้มสูงสุดเท่าไหร่ ตอนนี้พวกเขามี 47 ถ้าพวกเขาทำได้อีก 27 ก็จะประมาณ 74 แต้ม หย่อนจาก 80 ไป 6 คะแนนเพราะเผื่อพลาด1 นัด


        คือเปเยกรินี มองว่าทีมของเขาไม่จำเป็นต้องชนะรวดเพราะมันคงทำยาก เผื่อพลาดสักหนึ่งนัด แล้วเก็บได้ประมาณนี้


        แน่นอนเขาไม่มองแง่ลบ...


        ลองดู 9 นัดจาก 11 นัดที่เขามองว่าต้องชนะให้ได้หน่อยสิครับ


        ถ้าเราเริ่มต้นจากเกมที่พบกับวิลล่าด้วยชัยชนะ พวกเขาจะเหลือโปรแกรมอีก 10 นัดและต้องการชัยชนะอีก 8 (วิลล่าไปแล้ว1) โดยเริ่มในสัปดาห์หน้าแม้มีเอฟเอ คัพ แต่โปรแกรมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกยังมีแข่งขันตามปกติ


        พวกเขาจะไปเยือน นอริช ซิตี้ เป็นนัดที่ 29....ทัศนะคือ "ชนะ"


        นัด 30 วันที่ 20 มี.ค. พบ แมนฯยูฯ (ห).......... เกมนี้น่าออกเสมอ


        นัดที่ 31 วันที่ 2เม.ย. เยือน บอร์นมัธ...............ชนะ


        นัดที่ 32 วันที่ 9เม.ย. รับมือ เวสต์บรอม...........ชนะ


        นัดที่ 33 วันที่ 16 เม.ย. เยือนเชลซี..................เสมอ

 


        นัดที่ 34 วันที่ 24 เม.ย. รับมือสโตค ซิตี้..........ชนะ


        นัดที่ 35 วันที่ 1 พ.ค. เยือน เซาแฮมป์ตัน...........ชนะ


        นัดที่ 36 วันที่ 7 พ.ค. รับมืออาร์เซนอล.............ชนะ


        นัดที่ 37 วันที่ 15 พ.ค. เยือนสวอนซี..................ชนะ


        โปรแกรมตกค้างจากเกมที่ชิงลีกคัพ นัดพบกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด อาจแทรกอยู่ในสัปดาห์เดือนพ.ค. ระหว่างวันที่ 4 พ.ค. หรือไม่ก็ 11 พ.ค. ซึ่งตามความน่าจะเป็นก็น่าจะชนะได้ครับ


        ถ้าเป็นไปตามที่ เปเยกรินี บอกก็น่าจะได้อยู่นะครับ 9 นัด มีเกมที่ยากสามเกมคือ แมนฯยูฯ, เชลซีและอาร์เซนอล ซึ่งถ้า เรือใบสีฟ้าจะชนะทีมไหนได้ในสามทีมนี้ผมมองไปที่การรับมืออาร์เซนอล ฟุตบอลทรงเดียวกัน เล่นด้วยง่ายกว่าแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ และทีมที่เล่นเกมรัดกุมอย่างเชลซี


        เอาเป็นว่า เรือใบสีฟ้า น่าจะชนะ 9 นัดเป็นอย่างน้อยแต่ดูแล้วพวกเขาก็ไม่น่าจะคว้าแชมป์และแชมป์ก็ไม่น่าจะมีแต้มที่ 74-76 แต้มอะไรแบบนี้นะครับ ผมว่าแชมป์ลีกปีนี้น่าจะได้ประมาณ 80-84 แต้ม


        แล้วทำไม เปเยกรินี จึงมองบวกๆ ละครับ


        ถ้าเราดูจากการตั้งเป้าไว้อย่างน้อยชนะ 9 นัด ถือว่าเป็นการมองมุมบวกของ เปเยกรินี มันน่าจะทำให้แฟนแมนฯซิตี้ มีอะไรเชียร์ส่งท้ายอำลานายใหญ่ชาวชิลี กันไม่มากก็น้อยนะครับ และการคิดบวกของเขาก็ไม่ใช่เรื่องน่าตำหนิอะไรมากมาย


        ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมองมุมนั้น สถานะการณ์แบบนี้ จริงๆแล้ว ผมคิดว่า เปเยกรินี ไม่ได้มองว่าพวกเขาจะคว้าแชมป์ แต่พวกเขาต้องการไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยอันดับทอปโฟร์มากกว่านะครับ


        ตอนนี้หากยังสะเปะสะปะ หาฝั่งไม่เจอ ออกทะเลไปนานเนี่ย เผลอๆจะโดนแมนฯยูฯ หรือ เวสต์แฮม แซงได้


        ดังนั้นโครงการชนะ 9 นัดของ เปเยกรินี น่าจะเป็นการตั้งเป้าเพื่อให้แมนฯซิตี้ ไปเล่นชปล.ในปีหน้าต้อนรับนายใหม่อันเป็นผลงานทิ้งทวนของเขา ส่วนแชมป์พรีเมียร์ลีกกับ 74-75 คะแนน นั้นน่าจะเป็นวาทะกรรมทางเกมลูกหนังของ มานูเอล เปเยกรินี ซะมากกว่า


        แชมป์พรีเมียร์ลีกกับ 74-75 คะแนนเนี่ยนะครับ


        ไม่น่าใช่ละ


        เชื่อว่า เป้าหมายสูงสุดของ เปเยกรินี ในเวลานี้คือพาแมนฯซิตี้ไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีกให้ได้เป็นลำดับแรก ส่วนเรื่องแชมป์ อันนั้นแล้วแต่บุญพาวาสนาส่ง เพราะมันไม่ได้ขึ้นกับการชนะ 9 นัดของเรือใบสีฟ้า


        หากแต่มันอยู่ในมือของเลสเตอร์ ซิตี้ ว่าจะยอมปล่อยถ้วยพรีเมียร์หลุดมือหรือจะมีใครลื่นล้มอีกนั่นแหละครับ

 

Jackie

////////////////////////////////////////////////////////////

Cr.siamspport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของสโมสร  www.mcfc.in.th

Views: 1133

Reply to This

Replies to This Discussion

ถ้าซิตี้ไม่ได้แชมป์ ผมขอยกให้เลสเตอร์ครับ เชียร์ด้วยเหมือนกัน

ผมว่าเขียนได้โอเคในระดับหนึ่งนะครับ มองคล้ายๆผมว่า เปเญออกมาพูดกระตุ้นแบบนี้ ดีกว่าไม่พูดอะไรเลยแล้วปล่อยให้มันจบฤดูกาลไปเท่านั้นด้วยการที่เราจะได้แชมป์ลีกคัพ แต่อดไปเตะ UCL มันคงไม่สวยเท่าไหร่กับผลงานทิ้งทวนแบบนี้ อย่างน้อยที่สุดน่าจะต่อยอดให้เป๊ปได้ทำงานสานต่อในเวที UCL น่าจะสง่างามกว่า ส่วนตอนนี้ผลงานใน UCL ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอย่างน้อยที่สุดทีมของเราก้อจะได้เข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมหรือรอบก่อนรองแน่นอน และจะไปได้ไกลแคไหนก้อต้องมาลุ้นการจับสลากอีกที ส่วนในลีกเปเญคงทำงานไปเกมต่อเกมหลังจากนี้ ยังไงก้อต้องขอเอาใจช่วยครับ ส่วนแชมป์ไม่แชมป์นั้นใครจะรู้ถ้าทุกทีมยังการันตีความคงเส้นคงวาของฟอร์มยังไม่ได้ โอกาสเล็กๆของเรือใบลำนี้อาจจะเป็นจริงขึ้นมาก้อได้นะครับ แมนซิตี้สู้ๆ

MAN CITY   75
LEICESTER  74
ARSENAL    72
SPUR          72
MAN U        68
WESTHAM   67

ิbelieve or not!

ยากโดยเฉพาะปีนี้ ฟอมไม่สม่ำเสมอ ชนะสลับแพ้หรือเสมอตลอต

โบนี่ลงทุกนัดเนี่ยนะหวังแชมป์ 

กรั่กๆๆๆๆๆ อมโบนี่มาพูดก็ไม่เชื่อ

ผมว่าพรีเมยร์จะเอาแชมปนี้ยากนะ(แต่ก็ยังหวังอยู่นะถ้าชนะหมดแล้วข้างบนพลาด  แต่ดูจากฟรอมแล้วเหนื่อยมากเลย) ขอแค่ติด1-3ก็โอเคละ แต่ผมถ้าเราไม่ได้แชมป์ หน้าไห้เลสเตอร์ไปนะ แต่ยังรักเรือที่สุด ดูแต่ละนัดใจหายทุกนัดเลย(ตั้งแต่ผมดูถ่ายในฤดูกาลนี้ ไม่เสมอก็แพ้อะ เมื่อวานเลยฟังวิทยุ) T_T

ดิ้นรนจบท๊อป4

ก็กดดันหัวตารางไปเรื่อยๆ ผลพลอยได้คือแชมป์ แต่ตอนนี้แค่หวังให้ไม่ร่วงลงมาเพราะถ้าพลาดแค่นัดเดียว ตอนนี้อาจมีสิทธิ์รูดไปอยู่ที่ 6

อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ แต่ผมยังเชื่อในทีมของเราครับ :)

..จะตั้งเป้าอะไร เปเญ่มองปัจจัยสำคัญคือจิตใจนักเตะหรือเปล่า..

..การที่ตัวเองถูกประกาศปลดล่วงหน้าเพื่อให้เป๊ปเข้ามาแทน..

..สิ่งที่จะเกิดขึ้นมันจะเป็นเรื่องขวัญและกำลังใจ ใครลองบอกมาซิว่าจะไม่มีผลด้านลบกับนักเตะหลายคน..

..นักเตะในทีมหลายคนนี่แหละอาจจะถูกเป๊ปโละทิ้ง ซึ่งเขาก็พอรู้ตัวเองว่าไม่รอดแน่..

..ไม่ว่าจะเป็น ซาบา โคลารอฟ กลีชี่ ซานญ่า แฟร์นันโด้ เดมืเคลีส โบนี่ นาสรี่ แม้กระทั่งยาย่า..

..คำถามก็คือ แล้วแบบนี้นักเตะมันจะมุ่งมั่น ขยัน ทุ่มเทเต็มร้อยให้ทีมเพื่ออะไร..

..หรือว่าจะมีนักเตะทุ่มเทให้เปเญ่  โบนี่หริอ คงไม่ละมั๊ง นักเตะคนไหนมันจะรักเทิดทูนเปเญ่ขนาดนั้น..

..ก็ดูกันไปแล้วกันว่าซิตี้จะไปได้ไกลแค่ไหนในสถานการณ์เยี่ยงนี้ซึ่งมันเป็นปัญหาเรื่องจิตใจล้วนๆ..

..ถ้าจะโทษใครสักคนก็ต้องโทษสโมสรนั่นแหละที่รีบเร่งประกาศปลดโค้ชกลางอากาศเร็วเกินไป !

เปเญฯบอกว่า เปเญฯขอสโมสรประกาศเองนะครับ ซึ่งตอนที่ประกาศนั้นสถานการณ์ทีมก็ไม่ได้ดีไปกว่าตอนนี้

เปเญฯรู้เรื่องเป๊ปมาตลอดเพราะว่าสัญญาเปเญฯหมดไปแล้วต่อเพิ่มพิเศษแค่ปีเดียวครับ 

ผมว่าที่เปญฯขอประกาศเองเพราะต้องการลดความกดดัน และความคาดหวังในตวเขา 555

แถวบ้านเรียกว่าหาเพะไว้รองรับความกากของตัวเองครับ

ง่ายๆนะครับ เปเญฯคิดว่าโบนี่ช่วยทีมได้จริงๆรึว่าอีโก้แรงเห็นแก่ตัวกันแน่ครับ?

แต่ผมว่านี่คือวิธีสารภาพความกากที่ชัดที่สุดครับ

ขออนุญาติแจมครับ

อย่างแรก ทางสโมสรย่อมต้องเก็บรวบรวมสถิติผลงานของทีมและนักเตะแต่ละคน และคงเห็นสภาพและแนวโน้มของผลงานโดยตลอด และเป็นหน้าที่ว่าทางฝ่ายบริหารจะมีส่วนในการทำงานเพื่อปรับปรุงพัฒนาอย่างไรได้บ้าง

จากนั้นมันเกิดสถานการณ์บังคับขึ้นมา เพราะสัญญาน้าเป็บกับบาร์เยิร์นกำลังจะหมดลงเมื่อจบฤดู2015-16นี้ ผู้บริหาร'ซิตี้คงคิดว่าถ้าไม่คว้าตัวให้สำเร็จในครั้งนี้ก็ต้องรอยาว เพราะนอกจากบาร์เยิร์นเองก็ต้องมีทีมยักษ์อื่นมากมายพร้อมที่จะทุ่มทุกอย่างชิงตัวน้าเป็บเหมือนกันแน่นอน

"จุดสำคัญ"คือบาร์เยิร์นเขาบังคับให้น้าเป๊บต้องให้คำตอบว่าจะต่อกับเขาหรือไม่ก่อนปีใหม่ จากที่ก่อนหน้าน้าเป๊บพยายามบอกว่าค่อยตัดสินใจตอนใกล้ๆปลายฤดู

พอเขาบังคับให้ตอบ ทางผู้บริหาร'ซิตี้ก็ต้องใช้โอกาสนี้ ปิดการเจรจาให้สำเร็จ!!!...ผมคิดว่าเป็นความฉลาดและเฉียบคมของทีมบริหารระดับโลกนะครับ

และ"จุดที่สำคัญอีกอย่าง" คือน้าเปฯพูดเองว่า "สโมสรไม่เคยปฏิบัติอะไรลับหลัง" ให้เขารับรู้ทุกอย่าง และนักเตะก็น่าจะได้รับรู้ด้วย ถ้าหวนนึกถึงจากข่าวให้สัมภาษณ์เป็นระยะๆ มีพูดเกี่ยวถึงน้าเป็บของนักเตะสำคัญบางคน เช่น กุน หรือ ฮาร์ท...แสดงว่าอย่างน้อยน้าเปฯและนักเตะสำคัญน่าจะรู้ตลอด

โอกาสเวลามันบังคับให้ต้องปิดดีลน้าเป๊บก่อนปีใหม่ พอสำเร็จแล้วยังไงก็ต้องประกาศ เพราะต้องรักษาชื่อเสียง"น้าเป๊บ"เป็นสำคัญอันดับแรกก่อนอื่น และน้าเปฯเขาน่าจะรู้ดีว่าเป็นเพราะช่วงโอกาสเวลาบังคับ เพราะสโมสรก็ให้เกียรติต่อสัญญาเขาถึง2017อยู่แล้ว

ที่จริงผลงานก่อนและหลังประกาศก็แทบไม่ต่างกัน แต่แน่นอนว่าจะมีนักเตะบางคนจะเอามาอ้างว่าทำให้เหตุการณ์แย่ลง ที่จริงนักเตะที่ดีควรจะยิ่งกระตือรือล้นที่หวังจะได้ร่วมงานกับสุดยอดโค้ชที่เป็นที่ประจักษ์ระดับโลก นักเตะที่กลัวย่อมหมายความว่าเขาเผยตัวเองว่าไม่คู่ควรกับสโมสรที่ต้องการก้าวสู่ระดับโลกครับ

..."ทั้งโค้ชและนักเตะที่ดี" ย่อมต้องรู้และตั้งใจว่า ไม่ว่าจะได้ลงเป็นตัวจริงหรือสำรองนั่นก็คือโอกาสให้โชว์ฝีมืออย่างเต็มที่ให้ดีที่สุดเท่านั้นครับ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.