น้อยครั้งที่เคยปรากฏว่าทีมหนึ่งทีมใดออกสตาร์ตเป็นจ่าฝูงและเข้าป้ายแบบม้วนเดียว ถึงแม้เหตุการณ์ที่ว่า เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เมื่อสองฤดูกาลก่อน โดย เชลซี ในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่

        ปีที่แล้วในห้วงเวลาเดียวกันนี้ แมนฯ ซิตี้ เปิดฉากอย่างไฉไลเป็นบ้า ไม่เพียงแต่ชนะ 5 เกมรวด ทีมของ มานูเอล เปเยกรีนี่ ยังไม่ถูกเจาะไข่แดงแม้สักลูกเดียว จนกระทั่งมีคำถามว่า พวกเขาจะทำตัวน่าเบื่อเหมือนเชลซี ด้วยการคว้าแชมป์แบบไร้รอยขีดข่วนเลยงั้นหรือ

        แต่ไม่ทันที่ญาติจะตั้งหลักเตรียมตัวเผื่อใจ พวกเขาก็พุ่งชนเสาไฟฟ้าชนิดตายคาที่ เมื่อโดน เวสต์แฮม บุกชนะถึงเอติฮัด สเตเดี้ยม ในการลงสนามนัดที่ 6 ก่อน สเปอร์ส ตามซ้ำแบบไม่ยั้งในสัปดาห์ต่อมา

        หลังจากนั้น แมนฯ ซิตี้ มีสภาพไม่ต่างจากนักมวยเมาหมัด โดนนิดโดนหน่อยก็อยากทิ้งตัวลงไปนอนแผ่หรา พวกเขาชนะติดต่อกันอย่างน้อยสองนัดได้อีกแค่ 2 ครั้งตลอดเวลาที่เหลือของซีซั่น นับจากการชนะห้านัดรวดในช่วงออกสตาร์ต

        หกประตูที่เสียให้ เวสต์แฮม กับ สเปอร์ส ในสองเกมนั้น คือจุดเปลี่ยนสำคัญของฤดูกาลที่แล้ว ความมั่นใจของนักเตะเรือใบถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงสาหัส ก่อนที่ เลสเตอร์ อาศัยช่วงจังหวะที่บรรดาเต็งแชมป์มัวแต่ทำแต้มหล่นเรี่ยราด กระโดดขึ้นมายึดหัวตาราง และจากนั้นทุกอย่างก็เป็นประวัติศาสตร์

        ถามว่า แมนฯ ซิตี้ ภายใต้กุนซือคนใหม่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะมีโอกาสซ้ำรอยเดียวกับเปเยกรีนี่ ในปีสุดท้ายหรือไม่ ถ้าตอบว่าไม่มี ก็คงจะพูดเกินจริงเกินไป เพราะแม้เพียงเปอร์เซ็นต์เดียว ก็ต้องถือว่าโอกาสพลาดนั้นมีแล้ว

        โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ฤดูกาลนี้ การขับเคี่ยวแย่งแชมป์ถูกยกเป็นวาระแห่งชาติว่า มันจะเบียดคู่สูสีที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก

        การกระโจนออกจากบล็อกสตาร์ตอย่างรวดเร็วของ แมนฯ ซิตี้ คงทำนองเดียวกับ จัสติน แกตลิน ที่มักชนะ ยูเซน โบลท์ ในช่วง 30-40 เมตรแรก แต่เลยกว่านั้น ทุกคนก็รู้ว่ามันคือระยะทำการของลมกรดจาเมกา

        แต่ความน่าทึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือเป๊ป ไม่ต้องเสียเวลาเลยแม้แต่น้อยกับการคุมทีมในลีกใหม่ สวนคำทำนายของหลายคนว่า กุนซือที่ผ่านเวทีนี้มาแล้วอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ หรือ อาร์แซน เวนเกอร์ น่าจะได้เปรียบ

        แมนฯ ซิตี้ ในช่วงปรีซีซั่น ดูจะฉุกละหุกหลายด้าน ทั้งเดินทางไกลถึงเมืองจีนเพื่อลงเล่นแค่นัดเดียว ขณะที่นักเตะใหม่มีทั้งย้ายมาร่วมทีมช้า และบางคนมีปัญหาอาการบาดเจ็บ

        ยิ่งปรัชญาฟุตบอลของเป๊ป ควรลึกซึ้งจนน่าเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ยาก

        ด้วยอุปสรรคทั้งหลายแหล่ ผมคือหนึ่งในคนที่มองว่า แมนฯ ซิตี้ ไม่น่าจะออกสตาร์ตได้แบบติดเทอร์โบขนาดนี้ แต่ผิดคาดครับ เป๊ป ทำเหมือนว่าพรีเมียร์ลีก อังกฤษ  ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าลา ลีกา สเปน หรือบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่เราสามารถฟันธงว่า ทีมใหญ่มักชนะทีมเล็กได้เสมอ

        จริงอยู่ว่าโปรแกรมทั้ง 5 นัดแรก งานของซิตี้ ค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับบางทีม และมีแค่การไปเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่เป็นเกมระดับห้าดาว

        ส่วนเดือนหฤโหดของเรือใบสีฟ้ารออยู่ในช่วงธันวาคม ที่ต้องเจอทั้ง เชลซี, เลสเตอร์, อาร์เซน่อล  และบุกแอนฟิลด์ ในวันส่งท้ายปีเก่า

        แต่มันไม่ใช่แค่ชัยชนะ 5 นัดรวด หรือรวมทุกรายการก็เท่ากับชนะ 8 นัดติดต่อกัน  ที่สร้างสถิติออกสตาร์ตได้เลิศเลอเพอร์เฟกต์ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

        หากเป็นฟอร์มที่เหนือชั้นและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพในชัยชนะแต่ละครั้งต่างหาก ทำให้ผลงานร้อยเปอร์เซ็นต์ของ แมนฯ ซิตี้ ยิ่งดูมีคุณค่า พอๆ กับที่น่าหวั่นอกหวั่นใจแทนคู่แข่ง

        อาจยกเว้นแมตช์เปิดฤดูกาลที่ชนะ ซันเดอร์แลนด์ ได้แบบเฉียดฉิว 2-1 แต่ทุกคนควรรู้ว่า เกมแรกมักยากเสมอโดยธรรมชาติสำหรับโค้ชใหม่  แต่อีกสี่นัดในลีก (7 นัดถัดมาทุกรายการ) แมนฯ ซิตี้ เล่นได้สมราคาเต็งแชมป์พรีเมียร์ลีก และทีมระดับแถวหน้าของยุโรป

        พวกเขายิงคู่แข่งได้อย่างน้อยสี่ลูกถึง 4 จาก 7 เกมดังกล่าว  และคลีนชีต (ไม่เสียประตู) 4 ใน 7 เกมเดียวกัน รวมถึงการบุกชนะทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้อย่างขาดลอยในมิติของสไตล์

        ผมอดประหลาดใจไม่ได้กับมุมมองที่บอกว่า แมนฯ ซิตี้ มีโชคหรือเอาแต่ตั้งรับจนเกือบโดนตีเสมอในครึ่งหลัง ความเห็นเช่นนี้เท่ากับไม่ให้เกียรติทีมระดับ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยนะครับ คุณกำลังจะบอกว่า ซิตี้ ควรเล่นแบบเดิม โดยการบุกยำยูไนเต็ด ตลอด 90 นาที? 70 นาที? หรือ 60 นาทีที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด? โดยไม่ปล่อยให้เจ้าของสนามเขาโงหัวเลยหรือ

        เป๊ป พูดโดนใจเป็นที่สุดว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะคอนโทรลเกม กดหัวยูไนเต็ด ได้ทั้งเกม มันคือสถานการณ์ที่ต้องเกิดขึ้น  และยิ่งฟอร์มครึ่งแรกของปีศาจแดงที่สาวกพากันส่ายหัว มันย่อมมีช่องว่างในการปรับปรุง ผิดกับซิตี้ ที่เล่นได้สุดยอด ไร้เทียมทานแล้ว ถ้าเต็มร้อยก็น่าจะได้สัก 95 คะแนน ฉะนั้น ผมไม่แปลกใจกับฟุตบอลในครึ่งหลังที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุก และซิตี้ รับ

        ไม่ต่างจากเกมบิ๊กแมตช์เมื่อคืนวันศุกร์ เชลซี ต่ำกว่ามาตรฐานมากในครึ่งแรก  และการตามถึงสองสกอร์ พวกเขาจำเป็นต้องบุก ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยังมีใครคาดหวังว่าจะทำได้ดีกว่า 45 นาทีที่ผ่านมาอีกงั้นหรือ ทรงบอลในครึ่งหลังจึงออกมาอย่างที่สมควรเป็น และเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะรักษาโมเมนตัมด้วยการบุกๆๆ ใส่ทีมเกรดเดียวกันถึงสนามของพวกเขา

        แต่เซอร์ไพรส์จากเกมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ และโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด  นั่นก็คือทั้ง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ซิตี้ โชว์ให้เห็นถึงคุณภาพในเกมรับ บางทีเด็กหงส์คงแปลกใจยิ่งกว่าแฟนเรือใบ เพราะบ่อยครั้งที่เรามักเห็นการล้มละลายของแนวรับ ลิเวอร์พูล แต่นัดนี้ พวกเขาแสดงออกมาได้ถึงระดับเดียวกับ แมนฯ ซิตี้ ที่ป้องกันอาวุธทุกรูปแบบจากยูไนเต็ด

        นี่คือตัวอย่างอันคลาสสิกในความสมบูรณ์แบบของทีมฟุตบอล เมื่อถึงเวลาที่คุณเปิดเกมรุก คุณบุกแบบไม่ลืมหูลืมตา บุกแบบพับสนามใส่ทีมเจ้าถิ่นทั้งที่เกรดของนักเตะอยู่ในระดับเดียวกัน  และสำคัญที่สุดคือบุกแล้วมีสกอร์ มีประตู ไม่ว่ามันจะมาจังหวะโต้กลับ หรือการเซตเกมรุกอย่างที่คุณถนัดก็ตาม

        ต่อมาเมื่อเกมปรับโหมดเข้าสู่อีกเฟส คุณถูกบีบให้ถอยมาเป็นฝ่ายรับ คุณตั้งรับอย่างมั่นคง บวกกับการเปลี่ยนตัวเพื่อช่วยขันแนวให้แน่นหนาขึ้น แฟร์นานโด ถูกส่งลงมาช่วยแฟร์นันดินโญ่ เช่นเดียวกับ ลูคัส เลวา ที่ลงมาแบ่งเบาภาระจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

        เวลานี้ แมนฯ ซิตี้ กำลังทำทั้งสองส่วนได้สมบูรณ์แบบ (ขณะที่ ลิเวอร์พูล กำลังพยายามยกระดับเกมรับให้ดีเท่ากับเกมรุก)  เพราะถ้าเคลาดิโอ บราโว่ ไม่พลาดเองจนเสียประตูตีไข่แตกในดาร์บี้แมตช์ เกมรับของเรือใบคงทำคลีนชีตได้สามนัดซ้อน และยิงได้ถึง 10 ประตูในเวลาเดียวกัน

        จิตวิทยาก็เป็นจุดแข็งอีกอย่างของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผมรู้สึกว่าการตอบแต่ละคำถาม หรือการแสดงความคิดเห็นในแต่ละประเด็นของเขา ถูกกลั่นกรองออกมาอย่างมีนัย

        เช่นการออกโรงชม ราฮีม สเตอร์ลิง อย่างใหญ่โตตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาล สามารถถูกมองได้ว่า เป๊ป ต้องการให้กำลังใจนักเตะ  และเรียกความมั่นใจกลับคืนมา หลังจากโดนแฟนบอลเพ่งเล็งตั้งแต่ซีซั่นก่อนว่าเป็นการซื้อที่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

        เช่นการชม เคลาดิโอ บราโว่ ชนิดเจ้าตัวเองก็คงรู้สึกเขินหลังจบเกมดาร์บี้ แมตช์ ว่านี่คือแมตช์ที่ดีที่สุดของนายทวารทีมชาติชิลี  ทั้งที่แฟนซิตี้ พากันเสียวแทบเยี่ยวราดกางเกง

        และเช่นเดียวกับหลังกดบ อร์นมัธ ไปเบาะๆ 4-0 เมื่อวันเสาร์  เป๊ป ก็ให้ความเห็นอย่างค้านสายตาของผู้คนว่า ทีมของ เอ็ดดี้ ฮาว คือคู่ต่อกรที่ดีที่สุดเท่าที่ แมนฯ ซิตี้ เผชิญหน้ามาในฤดูกาลนี้?!!!

        เมื่อถามต่อถึงเหตุผล เป๊ป ตอบว่า เพราะ บอร์นมัธ คือทีมที่ตั้งใจมาเล่นบอล ผิดกับคู่แข่งที่ผ่านมา เน้นบอลยาว ไม่ว่าจากหลังไปหน้า หรือครอสจากด้านข้างเข้าในเขตโทษ

        เป็นการยิงปืนนัดเดียว แต่นกร่วงเป็นฝูง โดยเฉพาะ แมนฯ ยูไนเต็ด  กับ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่โดนแขวะโดยไม่ต้องด่าตรงๆ...

มาริโน่

-----------------------------------------------------------------------------

Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th