Members

คอลัมน์น่าสนใจ::คู่ขับเคี่ยวของแมนฯ ซิตี้?

คอลัมน์น่าสนใจ::คู่ขับเคี่ยวของแมนฯ ซิตี้?


     สยองโคตรโหดไม่ปรานีใครเลยนะครับ สำหรับฟอร์มการเล่นของแมนฯ ซิตี้
 


        พรีเมียร์ลีกผ่านพ้นไปแค่ 6 นัด ทีมสีฟ้าแห่งเมืองแมนเชสเตอร์นำโด่งเป็นจ่าฝูงด้วยสถิติที่สวยแบบลากไส้ คือกะซวกชัยชนะ 6 นัดติดต่อกัน โดยถล่มตาข่ายได้ถึง 18 ดอก!


        เฉลี่ยนัดละแค่ 3 ประตูเองครับคุณ


        ถ้ารวมทุกรายการในซีซั่นนี้ ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำสถิติชนะรวด 10 นัดติดต่อกัน


        ยิงไปไม่มากไม่มายแค่ 30 ประตูเท่านั้นเอง


        เปิดตัวได้บรรลัยกัลป์ซะขนาดนี้ ชะรอยว่าความสำเร็จกำลังโก่งตูดรออยู่ข้างหน้า


        อย่างไรก็ตาม เรื่องความร้อนแรงของแมนฯ ซิตี้ อาจมองได้ 2 มุม


        มุมหนึ่งคือ "มึงเอาแชมป์ไปเลยไป" เพราะเปิดฉากแค่ 6 นัด แมนฯ ซิตี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความไร้เทียมทานอย่างชัดเจน


        มุมหนึ่งคือเส้นทางยังเหลืออีกยาวไกล ตัวอย่างมีให้เห็นเป็นประจำว่าทีมที่ออกตัวแรงอาจไม่ได้พุ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งเสมอไป แถมไม่ต้องย้อนไปไกล ฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ซิตี้ ก็เปิดฉากอย่างเร้าใจแบบนี้แหละ (ด้วยชัยชนะ 5 นัดติดต่อกัน ก่อนเครื่องจะสะดุดตะกุกตะกักพลางทุรนทุรายเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 4)


        มันก็มองได้ทั้ง 2 มุมนั่นแหละครับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมองมุมไหน


        เพียงแต่ด้วยความรู้สึก ย้ำว่าด้วยความรู้สึก-ความรู้สึกแบบเพียวๆ ผมเอนเอียงไปทางมุมแรกซะมากกว่า คือดูเหมือนจะแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่


        แมนฯ ซิตี้ มีขุมกำลังที่เพียบพร้อมสมบูรณ์อยู่แล้วนะครับ มิหนำฤดูกาลนี้พวกเขายังเสริมผู้เล่นให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิมด้วยความมั่งคั่งของเจ้าของทีมอีก เปรียบไปไม่ต่างจากยนตกรรมระดับ "ซูเปอร์คาร์"


        ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับคนขับนั่นแหละครับว่ามีฝีมือขนาดไหน


        เครื่องแรงแบบนี้ ถ้าคนขับมีฝีมือไม่มากพอ มันก็อย่างที่เห็นเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั่นแหละครับ คือแหกโค้งพุ่งชนเสาไฟฟ้าดับสยอง


        ฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนคนขับใหม่จาก มานูเอล เปเยกรีนี่ มาเป็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า


        ถ้ามีการจัดอันดับสุดยอดผู้จัดการทีมในโลกลูกหนังยุคปัจจุบันเหมือนการจัดอันดับจอมยุทธ์ในนิยายกำลังภายใน


        คอลัมนิสต์และนักวิจารณ์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตอย่างผมขอยกให้พี่แกเป็นอันดับหนึ่งของยุทธภพลูกหนังเทียบเท่านักพรต เฮ้ง เต็ง เอี๊ยง แห่งสำนัก ช้วน จิง ก่า เจ้าของสมญา "กลางเทียมเทวดา" ในจักรวาลมังกรหยกเลยทีเดียว


        คือฝีมือสูงส่งระดับเซียนเหยียบเมฆ


        "เป๊ป" อาจโดนพวกปากหอย-ปากปูค่อนขอดว่าเก่งกับการทำทีมใหญ่ๆ ที่มีขุมกำลังเพียบพร้อมบริบูรณ์แบบอยู่แล้ว ถ้าเก่งจริง ทำไมมึงไม่ลงไปทำทีมเล็กๆ เป็นแชมป์ให้ดูบ้าง?


        อืมมม...มันอาจจะจริงของพวกพี่ๆ เขา แต่ผมว่ามันคนละเรื่อง


        คือไม่จำเป็นต้องพิสูจน์แบบนั้นก็ได้ ในเมื่อขึ้นมาอยู่จุดนี้แล้ว ทำไมต้องลงไปคุมทีมเล็กๆ เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนยอมรับว่าเก่งอีกล่ะ


        ผลงานที่ผ่านมาบอกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความสามารถอะไรแล้ว


        เมื่อมีขุมกำลังที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แถมยังได้ผู้จัดการทีมมือวางอันดับหนึ่งของโลกมาเป็นคนคุมพังงา แมนฯ ซิตี้ จึงเหมือน "เรือสำเภาพิฆาตติดเทอร์โบ" ที่มีความเร็ว-แรง ทะลุนรก กะซวกทุกอย่างที่ขวางหน้า


        ด้วยความรู้สึกของผมคนเดียว ขอเรียนตามตรงว่าพวกเขามีโอกาสสูงมากที่จะพุ่งทะยานเข้าเส้นชัยแบบม้วนเดียวจบ!


        ยกเว้นแต่จะพบคู่ต่อสู้ผู้มีฝีมือทัดเทียมกันในสมรภูมิแข้งพรีเมียร์ลีก


        คนแรกที่ผมนึกถึงคือ โชเซ่ มูรินโญ่ แห่งพรรคปีศาจสามง่าม


        ถ้าในจักรวาลของมังกรหยก เจ้าของสมญา "เดอะ สเปเชียล วัน" แห่งวงการลูกหนังน่าจะเทียบชั้นได้กับ "มารบูรพา" อึ้ง เอี๊ยะ ซือ กับ "พิษประจิม" อาว เอี๊ยง ฮง ที่อยู่ในร่างเดียวกัน


        คือ "มู" จัดเป็นกุนซือที่มีความแม่นยำในตำรา ขณะเดียวกับที่มีความโรคจิต เรียกว่ามีทั้ง "สายบัณฑิต" กับ "สายอธรรม" บรรจุอยู่ในตัว


        ปัญหาคือ โชเซ่ มูรินโญ่ "แพ้ทาง" เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อย่างแรงน่ะซี่


        ฉะนั้น & ฉะนี้


        การถูกเพื่อนบ้านตัวแสบอย่าง แมนฯ ซิตี้ บุกมาเหยียบจมูกถึงถิ่นสำหรับผม มันบ่งว่าโอกาสประสบความสำเร็จของแมนฯ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้ มันจบลงอย่างไม่เป็นทางการแล้วครับ


        ย้ำอีกครั้งว่านี่เป็นความรู้สึกของผมเพียงคนเดียวนะครับ ผมรู้สึกของผมแบบนี้ ส่วนคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร อันนี้ก็สุดแล้วแต่


        ส่วนอีกทีมที่ฟอร์มร้อนแรงแบบเกินห้ามไก่ เอ๊ย! เกินห้ามใจพอที่จะขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้ของแมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ คือ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์


        ถ้ามีการจัดอันดับสุดยอดกุนซือในวงการฟาดแข้งแห่งยุค ผมว่าผู้จัดการทีมหงส์แดงคนปัจจุบันติด 1 ใน 10 อันดับแรกอย่างแน่นอน


        ไม่เพียงเท่านั้นพี่แกยังสามารถพัฒนาฝีมือให้ไต่อันดับขึ้นสูงกว่าเดิมได้อีกด้วย แนวทางการเล่นแบบบู๊ล้างผลาญอันหนักหน่วงปานภูผาถล่มทลายเปรียบเสมือน ก๊วย เจ๋ง ลูกศิษย์ของ "ยาจกอุดร" อั้ง ชิก กง เจ้าของวิชา 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรตอนแรกเริ่ม


        อนึ่ง ขอโทษที...ช่วงนี้ผมกำลังอ่านนิยายจีนชุด "มังกรหยก" อยู่อย่างบ้าคลั่งเลยได้รับอิทธิพลจากเรื่องนี้มาในคอลัมน์ซะอย่างนั้น อิอิอิ


        ผมมีความรู้สึก (อีกแล้ว) ว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังเสกให้ ลิเวอร์พูล กลับมาเป็น "เครื่องจักรสีแดง" อีกครั้ง ด้วยวิธีการเล่นแนวโลหะหนักพลางชำเราเส้นลวด 6 สายแบบซอยยิกไม่ยั้งหยุด


        ผ่านไป 6 เกมในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล ชนะ 4 เสมอ 1 และแพ้ 1 กระทุ้งไป 16 ประตู โดยพลาดท่าไปแค่เกมเดียวเท่านั้นคือเกมที่พ่ายแพ้ เบิร์นลี่ย์


        เรียนตามตรงแบบไม่สตรอว์เบอร์แหล และไม่มีเจตนาที่จะถีบความกดดันใส่ "เดอะ ค็อป" ขอกรีดตูดสาบานว่าผมแอบมองเห็นคุณสมบัติของแชมป์จากพลพรรคหงส์แดงดังต่อไปนี้


        1. ขนาดของทีมที่ใหญ่พอตัว - ฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลมีขนาดทีมที่ยาวและใหญ่มากขึ้น จนคุณภาพของตัวจริงและตัวสำรองไม่เหลื่อมล้ำกันมากนัก


        2. ผู้เล่น 11 ตัวจริงที่ลงตัว - ดูเหมือน เจอร์เก้น คล็อปป์ จะค้นพบทีมตัวจริงที่เหมาะสมและลงตัวอย่างรวดเร็ว เฉพาะอย่างยิ่ง 3 ตัวผู้เล่นในแดนกลางกับ 3 ประสานในหน่วยล่าสังหาร


        3. เกมรุกอันดุดันกะซวกไส้ - สถิติบอกว่านับตั้งแต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล คือทีมที่ถล่มตาข่ายได้มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก แถมตอนนี้พลพรรคหงส์แดงยิงประตูได้น้อยกว่าแมนฯ ซิตี้ เพียงทีมเดียวเท่านั้น


        4. กุนซือที่มีคุณภาพ - คงไม่มีใครข้องใจในความสามารถของ เจอร์เก้น คล็อปป์


        5. ความสม่ำเสมอที่มากขึ้น - ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่จัดอยู่ในประเภทสามวันดี สี่วันไข้ คือเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เอาแน่เอานอนอะไรไม่ค่อยได้ แต่ฤดูกาลนี้ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอมากขึ้น


        การบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้อาร์เซน่อลกับเชลซีถึงถิ่น แสดงให้เห็นว่าลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ธรรมดา ขณะที่การควักหนึ่งแต้มกลับออกมาจากไวท์ ฮาร์ท เลน ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ต่อเมื่อเจอกับคู่แข่งที่วรรณะต่ำกว่าอย่าง เลสเตอร์ กับฮัลล์ ซิตี้ ที่แอนฟิลด์ พวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าสามารถ "ตบเด็ก" ให้หัวทิ่มได้แบบสบายๆ เช่นกัน


        เพียงนัดเดียวที่แพ้เบิร์นลี่ย์ ซึ่งผู้ชมทางบ้านอย่างผมมองว่ามันเป็นอุบัติเหตุทางลูกหนังที่บังเกิดขึ้นได้กับทุกทีมนั่นแหละ


        พูดง่ายๆ ว่าแนวโน้มจาก 6 นัดที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล เริ่มมีสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น


        ส่วนจุดอ่อนของลิเวอร์พูลอย่างเกมรับ ที่ฤดูกาลนี้พวกเขาเสียประตูทุกนัดในพรีเมียร์ลีกก็ดูเหมือนจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ แถมยังได้ความเปล่งปลั่งในเกมรุกมาช่วยทดแทนอีกต่างหาก


        สำหรับเอกลักษณ์ของ "เร้ด แมชีน" ยุคปรับปรุงใหม่อย่างการเล่นฟุตบอลแบบ "เพรสซิ่ง" บรมกุนซือผู้วางมือไปแล้วอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้วิจารณ์ถึงเรื่องนี้อย่างน่าสนใจว่าการใช้พละกำลังมหาศาลเพื่อบีบกดดันคู่แข่งอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนั้น อาจส่งผลกระทบต่อทีมทั้งในช่วงท้ายเกมและท้ายฤดูกาล


        แต่ต้องไม่ลืมเช่นกันว่า ฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูลไม่มีฟุตบอลยุโรปในช่วงกลางสัปดาห์มาดูดพลังงาน สามารถเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้ปล่อยออกมาในพรีเมียร์ลีกได้แบบเต็มๆ เหมือนฤดูกาลที่พวกเขาเกือบได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่รอมร่อนี่แหละ และนี่คือข้อได้เปรียบ


        จึงขอประกาศว่าคู่ขับเคี่ยวที่แท้จริงของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจมีรูปร่างหน้าตาคล้าย เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็...เป็น...ได้


        ด้วยนิสัยของคนไทย ที่ชอบเห็นความบรรลัยของผู้อื่น ผมอยากให้คู่นี้ปะทะกันเร็วๆ เหลือเกิน      


        น่าเสียดายที่ต้องรอไปอีกนานเลยทีเดียว เพราะกว่าทั้งคู่จะโคจรมาเจอกันในขบวนแรกที่แอนฟิลด์ ก็วันสุดท้ายของปีโน่นนนน ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์ของทั้ง 2 ทีม และนาทีนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง?


        แต่สถานการณ์ตอนนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวลูกสาวคุณยายมันเถอะ เพราะนี่คือการเจอกันอีกครั้งของสุดยอดกุนซือสายเกมรุกดุดันอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับ เจอร์เก้น คล็อปป์


        ประหนึ่งการประลองยุทธ์ที่ไม่เคยบังเกิดขึ้นในจักรวาลมังกรหยกระหว่าง เฮ้ง เต็ง เอี๊ยง กับ ก๊วย เจ๋ง


        แค่คิดก็มันแล้ว!

///////////////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย  www.mcfc.in.th

Views: 1112

Reply to This

Replies to This Discussion

ผมเองก็มองคล้ายๆกันครับว่า หงส์ปีนี้เค้ามาดีจริงๆเล่นฟุตบอลแบบ "เพรสซิ่ง" ใช้พละกำลังเพื่อบีบกดดันคู่แข่งอย่างรวดเร็วและไม่หยุด คล้ายๆแมนซิตี้ แต่ผิดกันตรงที่ หงส์ไม่มีเกมยุโรปกลางสัปดาห์ แต่ของเรามีตลอดไง ตรงนี้จึงเป็นข้อได้เปรียบของหงส์ไปเต็มๆ ตัวเจ็บก็มีส่วนของเราตอนนี้มีแค่คู่เซ้นเตอร์หลักคู่เดียว จริงๆคือ สโตน โอตาเมนดี้ ใช้งานทุกเกมก็จะล้าแน่ๆ ส่วนเฮียโคล่าเอามาเล่นได้ถ้าไม่ใช่เกมสำคัญ หมายถึงเกมบอลถ้วย หรือทีมเล็กในลีกพอรับได้แต่เกมใหญ่ผมคิดว่ายังมีข้อด้อยยิ่งจับคู่โอตาเมนดี้ ถ้าจับคู่สโตนน่าจะดีกว่าหน่อย สรุปคงต้องดูเมื่อถึงเวลาเจอกันวันส. 31 ธันวาคม ที่เรือต้องกางใบออกไปเยือนที่แอนฟิลด์ว่าสภาพทีมจะพร้อมรบกันแค่ไหน น่าดูมากครับคู่นี้ เต็งหนึ่งเรือ เจอเต็งสองหงส์ 

ใช่ครับ คู่นี้แค่คิดก็มันแล้ว ผู้เขียนเล่าได้สนุกสนานมากครับ

ถึงตอนนั้น "ลิเวอร์พูล" อาจพัฒนาฝีมือจนเป็น "ต๊กโกวบ้อเต๊ก" ที่สำเร็จพลังลมปราณสูงสุดขั้นที่9แล้ว มีสิทธิ์ถึงขั้นครองจ้าวยุทธภพได้เลยทีเดียว หากเล่นแบบวิ่งสู้ฟัดเข้าบีบด้วยความเร็วสูงได้ตลอด!!!

"'ซิตี้" ซึ่งเปรียบเหมือน "ฮุ้นปวยเอี๊ยง" อาจมีสิทธิ์ต้องบอบช้ำบาดเจ็บภายในอย่างสาหัส จากการต้องลงกรำศึกมากหลายถ้วยรายการ และมีแต่เหล่าจอมยุทธรุมกินโต๊ะ จ้องจะโค่นล้มเอาชนะให้ได้ หากแต่เป็นเพราะได้สุดยอดวิชา "ไหมฟ้า" ระบบการครองบอลจาก"น้าเป๊บ" จนรักษาตัวประคองเอาชีวิตรอดมาได้และถึงขั้นถูกรำ่ลือว่าเป็นที่หนึ่งในยุทธภพ...

เมื่อทั้งสองถึงคราต้องมาพบกัน ในการประลองอันยิ่งใหญ่ ถ้าจังหวะเกมถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้สภาพความรวดเร็วรุนแรง ก็จะเข้าทางลมปราณขั้น9อันแข็งแกร่งของลิเวอร์พูลทันที แต่ถ้าจังหวะเกมถูกควบคุมดึงให้อยู่ในสภาพช้าลงได้ ก็จะเข้าทางวิชาไหมฟ้าของ'ซิตี้ทันที...

หาก'ซิตี้สามารถเริ่มสร้างการครองบอลที่ต่อเนื่องยาวนานได้ ก็เปรียบเหมือน ต๊กโกวบ้อเต็ก ได้เพลี่ยงพล้ำเข้าตกอยู่ภายใต้"ม่านใยไหมฟ้า"ดูดซับพลังให้อ่อนแรง ซึ่ง ฮุ้นปวยเอี๊ยง ได้สร้างขึ้นมาห่อหุ้มตัวของทั้งคู่ในการเข้าปะทะฝ่ามือ เพื่อเผด็จศึกกันด้วยลมปราณพิฆาตสูงสุดครั้งสุดท้าย!!!

...อันนี้ อิทธิพลจากเรื่อง"กระบี่ไร้เทียมทาน ภาค1" ครับ 555 ^_^
กดlikeๆๆๆ
555 ขอบคุณครับ ระลึกภาพความหลังนิยายจีนพอเพลินๆนะครับ ^_^

..จุดอ่อนที่เห็นได้ชัดเจนของเรือคือแผงแบ็คโฟร์ (วันที่ไม่มี่สโตนส์)

.. ทั้งซาบา (ซานญ่า)-โอตาเมนตี้(กอมปานี)-โคลารอฟ-กลีชี่..

..อายุเฉลี่ยของทั้งแผงก็โน่นเลย..120 !

มาแนวหนังจีนกำลังภายในเลย ปีนี้มั่นใจว่าเรือเราจะเอาชนะลิเวอร์พลูได้ยังมีเวลาให้เตรียมการ

ถ้าเจอกันวีนนี้ไม่กลัวลิเวอพูล..แต่เจอกันตอนปีใหม่น่ากลัวเพราะตอนนั้น ลิเวอพูลจะยิ่งแม่นยำแข็งแกร่งเพราะโครตลงตัวเพราะไม่มีอะไรทำ นอกจากลีกคัพกับเอฟเอคัพ ส่วนซิตี้อ่อนแอลงเพราะแข่งมากกว่า..เป็นลองแน่ ถึงเวลานั้นถ้าเจอกันขอเพียง เดอบอยอย่าเจ็บ ไอ้ลิงอย่าเจ็บ สโตรนอย่าเจ็บ กุน อย่าไข้ อื้อสู้ได้

หงส์แปลกอย่างเจอทีมเก่งเก่งตาม ทีมใหญ่ถือว่าเจอหงส์งานยากครับ แต่มักจะไปเสียแต้มกับทีมเล็ก ฮ่าๆ ยิ่งบอล 38 นัดสองเกมกับเรือใบจึงไม่ใช่การตัดสินแชมป์โดยตรงดูสนุกเชียร์ทีมเรือให้ชนะได้แต่ไม่ซีเรียสครับพี่

ขอเป็น ต๊กโกว ฉิวป้าย ได้มั้ย เทพกระบี่ไร้พ่ายจนวันตาย ชอบตัวนี้อ่ะ 555+ ถึงจะมึแค่ตำนานที่ทิ้งไว้ ไม่เคยเห็นฝีมือ แต่ถึงขั้นไร้กระบี่ไปแล้วก่อนเฉาตายเพราะไร้คู่ต่อสู้ อยากให้ทีมเราถึงขั้นนั้นแหละ

พรุ้งนี้ผมจะไปสำหนัก ง๋อไบร์ ไปเอากระบี่มังกร กลับ บางระจัน

เขียนได้ดีคับคุณจอม อ้านสนุกดีถึงแม้บางคอลัมน์จะเขียนจิกกัดทีมเราไปบ้าง ไม่เหมือนคอลัมนิสต์บางคนที่เป็นแฟนหงส์แดง รายนั้นอ่านที่ไรรู้สึกขัดหูขัดตาทุกที

ทีมของเราห้ามแกว่งเป็นพอครับ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.