เควิน เดอ บรอยน์ นับได้ว่า เขาเป็นผู้สร้างสรรค์อย่างแท้จริงเบื้องหลังผลงานติดลมบนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่รั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ ลีก

เดอ บรอยน์ก็เหมือนอย่างซาล่าห์ที่จัดการแนวรับด้วยไหวพริบ,ความคิดสร้างสรรค์และเล่ห์เหลี่ยมของเขา สิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับใครหลายคนสำหรับเขาก็คือความสามารถในการกำหนดจังหวะของเกมจากการจ่ายบอลและคุณภาพในการปั้นเกม

เขานำในชาร์ตสำหรับเรื่องของการแอสซิสต์ที่ 14 ลูกในพรีเมียร์ ลีก มันไม่ใช่แค่เรื่องของแอสซิสต์เท่านั้นที่ทำให้ทุกคนหวั่นเกรงแต่เป็นแนวทางที่เขาทำให้ซิตี้เล่นได้อย่างไหลลื่นและมีลูกสวนกลับที่อันตรายอย่างยิ่งยวด

สำหรับการวิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและการสร้างสรรค์เกมของเขา เดอ บรอยน์ได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของเขาอย่างสม่ำเสมอกับทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าและนั่นเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เราเห็นได้ว่าทำไมเขาถึงได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของยุโรป

--------------------------------------------------
ส่วนทางด้าน โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ นับตั้งแต่ย้ายจาก โรม่า มาอยู่กับลิเวอร์พูลเมื่อช่วงซัมเมอร์ ซาล่าห์ก็โชว์ฟอร์มสุดโหดภายใต้การทำทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์นายใหญ่เฮฟวี่ เมทัล

เขาทำไปแล้ว 21 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์จากการลงเล่นในเกมลีกเพียง 25 นัดให้ยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ไซด์ ขณะเดียวกันก็ทำอีก 7 ลูกในแชมเปี้ยนส์ ลีกและเอฟเอ คัพ

สำหรับค่าตัว 37 ล้านปอนด์ที่ลิเวอร์พูลทุ่มซื้อเขามา ตัวเลขดังกล่าวดูจะถูกไปเลยสำหรับฟอร์มการเล่นในฤดูกาลนี้ของเขา

ดาวเตะวัย 25 ปีทำลายเกมรับของคู่แข่งด้วยความเร็วและความสามารถในการพังประตูของเขา นับตั้งแต่เฟลิเป้ คูตินโญ่ย้ายออกไป เขาก็ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแอฟริกาและกลายมาเป็นกำลังสำคัญในทีมของคล็อปป์

---------------------------------------

หากนำซาล่าห์มาเปรียบเทียบกับเดอ บรอยน์ โดย ซาล่าห์
ยิงมากกว่าถึง 3 เท่า ในขณะที่ เดอบรอยน์ ยิง 7 ประตูในพรีเมียร์ ลีกฤดูกาลนี้

ส่วนในเชิงของการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีม เดอ บรอยน์สร้างโอกาส 83 ครั้งเทียบกับซาล่าห์ที่ 41 ครั้ง

ซาล่าห์ยิงได้มากกว่า 20 ลูกจากตำแหน่งปีกซึ่งบ่งบอกถึงสัญชาตญาณของเขาได้เป็นอย่างดี ส่วนเดอ บรอยน์ก็เป็นจุดศูนย์กลางของการสร้างสรรค์เกมของซิตี้ที่จัดการทีมต่างๆทั้งจากด้านซ้าย,ขวาและตรงกลาง

เมื่อมาดูเรื่องแอสซิสต์ เดอ บรอยน์ทำแอสซิสต์สูงสุดในตอนนี้ที่ 14 ลูกเมื่อเทียบกับซาล่าห์ที่ทำไป 6 ลูก

ส่วนหนักฐานที่ยืนยันว่าเดอ บรอยน์เป็นเพลย์เมกเกอร์มากกว่าก็คือการจ่ายบอลจังหวะสำคัญที่เขามีค่าเฉลี่ย 2.56 ต่อเกม ส่วนทางซาล่าห์อยู่ที่ 1.40 ต่อเกม

เดอ บรอยน์เป็นมิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนเกมของซิตี้ในฤดูกาลนี้ ขณะที่ซาล่าห์ก็เป็นแนวรุกคนสำคัญของลิเวอร์พูล

แน่นอนว่าหนึ่งในพวกเขาจะได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีแต่มันยากที่จะตัดสินว่าเป็นใครกันตอนสิ้นสุดฤดูกาล

สิ่งที่ชัดเจนก็คือพวกเขาเป็นนักเตะที่แตกต่างกันอย่างมาก ลงเล่นในตำแหน่งที่ต่างกันแต่มีอิทธิพลต่อการเล่นเกมรุกกับทีมของพวกเขาอย่างเท่าเทียม
//////////////////////////////////////////////////////////
Cr.soccersuck ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th