Members

เบื้องหลังแชมป์ของเรือ

เบื้องหลังแชมป์ของเรือ

14 มีนาคม เป๊ป กวาร์ดิโอล่าบินไปอาบูดาบี วันนั้นเขาเองได้พบกับชีค มันซูร์โดยประโยคแรกที่บิลเลียนแนร์เชื้อสายอาหรับกล่าวหลังเช็กแฮนด์ตามธรรมเนียมเรียบร้อยคือ"พวกเราต้องขอขอบคุณมากที่คุณสร้างให้แมนฯซิตี้เป็นทีมที่กำลังคว้าแชมป์ลีกอีกสมัย เรายังเล่นได้สนุกน่าดูอีกด้วย"

    ขนาบข้างท่านชีคยังมีคัลดูน อัล มูบารัคซึ่งมีตำแหน่งเป็น"แชร์แมน"ของสโมสร รอยยิ้มกว้างเปิดเผย เสียงหัวเราะคุยกันออกรสออกชาติ

    หากแน่นอนมันไม่ใช่แค่การเดินทางเพื่อมารับคำชื่นชมจากเจ้าของ ทั้งหมดก็ยังมีการคุยกันถึงอนาคตภายหน้า เปิดประตูเข้าไปในคฤหาสน์ก็พบพิพิธภัณฑ์จำลองที่เก็บโทรฟี่ของเรือใบสีฟ้านับแต่ปี 2008หรือเป็นปีที่กลุ่มอาบูดาบีเข้าเทกโอเวอร์

    แชมป์ลีกสมัย 5 รอบ 124 ปีประวัติศาสตร์ของสโมสรถือว่ายังน้อยนิด อีกนั่นแหละทุกคนเชื่อว่าเป็นแค่ก้าวแรกๆเท่านั้น

    ทีมที่ยิงประตูได้มากสุด ทีมที่เสียประตูน้อยที่สุด ทีมที่สร้างโอกาสยิงมากที่สุด ทีมที่มีการผ่านบอลรวมเยอะที่สุด ทีมที่ยังผ่านบอลแม่นยำดีที่สุด ทีมที่มีค่าเฉลี่ยครองบอลเยี่ยมที่สุด

    ทั้งหมดไม่ได้มาเพราะโชค ฟุตบอลลีกเตะกันสิบเดือน มันอาจมีบ้างบางเกมที่มีดวงแต่แค่ส่วนน้อย มันต้องอาศัยการสร้างทีมให้มีรากฐานแน่นหนา มีโครงสร้างแข็งแกร่งที่สามารถต่อยอดไปได้ 

    ถ้าจะถามถึงเบื้องหลังความสำเร็จของสโมสรสีฟ้า หลายคนคงเลือกชี้ไปยังจำนวนเงินที่พวกเขาลงทุนซึ่งแน่นอนมันเป็นปัจจัยหนึ่งแต่มันก็มีเหตุผลอื่นที่สำคัญไม่แพ้กันหรืออาจมากกว่าด้วย...

1. สไตล์ของเป๊ป

    ความกลมเกลียวภายในห้องแต่งตัวของซิตี้เป็นจุดเด่น ไม่ใช่แค่นั้นอาจรวมไปถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง เป๊ปเจอหน้าใครต่อให้เป็นพ่อครัวในโรงอาหารก็จะถามไถ่"คุณสบายดีไหม"

    นอกจากนั้นระหว่างการซ้อมช่วงแรกของฤดูกาล อดีตโค้ชบาร์ซ่าเองก็ไม่รีรอจะเปิดใจกับนักเตะด้วยคำถามที่เป็นโค้ชบางคนจะไม่สนใจเนื่องจากมีอีโก้ในตัวเองสูง"พวกคุณชอบไหมกับวิธีการเล่นของผม"

    แปลว่าเล่นเน้นเกมรุก เล่นพาสซิ่งบนพื้น เน้นการครองบอล

    คำตอบที่ได้รับเหมือนกันทุกคน"เยส"

    ความบ้างานของเป๊ปก็ยังเป็นที่สังเกต เล่ากันว่าเขาทำงาน 6-7 วันต่อวีก อาจมีบ้างที่หยุดแต่ส่วนใหญ่ต่อให้เป็นวันที่ไม่มีการซ้อมก็จะบึ่งรถจากอพาร์ตเมนต์หรูไปยังศูนย์อคาเดมี่ย์ของทีมเพื่อเตรียมงานวันต่อไป เปิดเทปดูคู่แข่ง ศึกษาจุดเด่น-จุดด้อย การเรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเองไปจนถึงการเรียกทีมสตาฟฟ์เข้ามาคุยกัน ให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น

    อีกจุดที่ต่างจากสมัยมานูเอล เปเยร์กินี่หรือทีมอื่นๆ เป๊ปจะอนุญาตให้ผู้เล่นอยู่กับครอบครัวในคืนก่อนแมตช์เดย์ได้ หลายทีมเลือกเก็บตัวในโรงแรมแต่เปีปบอกว่า"ปกติเราต้องเดินทางบ่อย ไม่ค่อยมีเวลากับครัวอยู่แล้ว ผมไว้ใจทุกคนว่ามืออาชีพมากพอ"

    นักเตะแฮปปี้ ผลงานก็จะออกมาดีตาม

2. ไม่มีสตาร์

    มองด้านนอก เราอาจรู้สึกว่าทีมๆนี้อุดมด้วยซูเปอร์สตาร์ ก็ไล่ดูได้เลยเควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร่ไปจนถึงเลรอย ซาเน่

    หากแท้จริงแล้วพวกเขาไม่เคยยกตัวเองเหนือกว่าใคร ทุกคนมองเป็นทีมเดียวกัน จุดหนึ่งเวลาที่ทีมทำประตูได้ นักเตะซิตี้จะวิ่งไปดีใจด้วยกัน ไม่มีใครแยกไปดีใจเดี่ยว ทุกคนยังพอใจที่จะแบ่งปันประตูให้กัน น้อยครั้งที่จะเห็นความเห็นแก่ตัวของผู้เล่นชุดสีฟ้าในสนาม

    "ถ้านักเตะไม่อยู่กับผม มันคงไม่มีวันนี้ เราโชคดีมากๆที่มีทีมแบบนี้"เป๊ปกล่าวประโยคนี้เอาไว้ภายหลังการันตีแชมป์ลีก

    ปีที่แล้วคือบทเรียนแท้จริงของเป๊ป

    ตอนโละโจ ฮาร์ทออกไปก็มีกระแสต่อต้านเล็กๆเนื่องจากนายทวารดีกรีทีมชาติอังกฤษจัดว่าเป็นซีเนียร์คนหนึ่งในห้องแต่งตัวแถมเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ยอดเยี่ยม พวกนักเตะต่างชาติต้องการพี่เลี้ยง พวกสตาฟฟ์โค้ชคนในก็ต้องการคนที่พูดจาภาษาเดียวกัน

    ย้อนไปในดาร์บี้แมตช์กับแมนฯยูไนเต็ดที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถ้าจำกันได้จบเกมพอทีมชนะ ก็มีข่าวว่าพวกเขาเปิดเพลงฉลองดังลั่นจนกลายเป็นเรื่องราวทะเลาะกันในอุโมงค์ มีการผลักอก ปาขวดน้ำกัน เล่ากันว่าเป็นเพราะความสามัคคีของขุนพลเรือใบ สิ่งนี้ได้ก่อตัวกลายเป็นแรงขับให้พวกเขากล้าทำในสิ่งที่ทีมก่อนหน้านี้ถึงเคยบุกมาเอาชนะผีได้เหมือนกันก็ไม่ทำ
    
3. นักเตะ
    
    440 ล้านปอนด์ที่จ่ายไปในยุคเป๊ปเป็นยอดเงินที่ใครก็ต้องอิจฉา หากเชื่อเถอะว่าคนใช้ไม่เป็นหรือคนใช้ไปแล้ว เอาขึ้นเรือที่ไร้หางเสือ ก็จะหลงทางกลางทะเล

    จุดสำคัญที่สุดเป็นการปรับตำแหน่งให้เควิน เดอ บรอยน์ซึ่งจากเป็นตัวรุกทางด้านข้าง ก็ขยับเข้ากลางเสมือนหนึ่งจอมทัพ จุดเปลี่ยนมาจากเกมที่เบลเยี่ยมต้อนเอสโตเนีย 8-1 ตอนปลายปี 2016 ซึ่งเป๊ปเข้าไปอยู่ในสนามด้วย วันนั้นเดอ บรอยน์เล่นมิดฟิลด์กลางคู่กับอเซล วิตเซิล

    "ผมดูคุณเล่นเกมนี้ ผมว่าคุณสามารถเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางให้เราได้เช่นกัน"เป๊ปพูดกับลูกทีมคนเก่งในอีกวันถัดมาทันที

    จิตวิทยาการปลุกเร้านักเตะก็ยังเป็นเลิศ ก่อนเปิดซีซั่นเขาเรียกราฮีม สเตอร์ลิ่งเข้ามาพบแล้วบอกไปว่า"ผมได้ยินข่าวว่ามีทีมจากสเปนสนใจคุณ คุณยังย้ายไปที่นั่นไม่ได้หรอกจนกว่าคุณจะยิงได้เฉลี่ย 20 ลูกต่อซีซั่น"

    ใช่ครับ ฤดูกาลนี้ราฮีมกดไปแล้ว22 ลูก

    นักเตะดี มีชัยไปกว่าครึ่งหากอีกครึ่งก็เป็นหน้าที่ของโค้ชในการทำให้ทรัพยากรที่มีรีดความสามารถออกมาเต็มที่มากที่สุด

    อย่างลิเวอร์พูลของเจอร์เก้น คล็อปป์ทำได้ดีกับอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, โม ซาล่าห์ไปจนถึงนักเตะที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสนใจอย่างแอนดี้ โรเบิร์ตสัน

    แมนฯซิตี้เป็นทีมที่มีองค์ประกอบปัจจัยยอดเยี่ยมเปรียบเป็นอาหารก็มีวัตถุดิบเพียบพร้อม รอแค่คนเข้ามาปรุงให้เป็นเมนูที่วิเศษ    

    เป๊ปคือคนๆนั้น                                                                            

////////////////////////////////////////////////////////////////
 
Cr. siamsport ติดตามข่าวสารได้ที่เว็บหลักของประเทศไทยwww.mcfc.in.th

Views: 490

Reply to This

Replies to This Discussion

440  แต่มันคือการเปลี่ยนนักเตะกว่าครึ่งทีม  ผมโอเคนะ

ไก่ย่าง 5 ดาว เอ๊ย.. ไก่ป่า 5 ดาว เป็นคอลัมนิสต์ที่ดูจะทำการบ้านมาดีทีเดียว

น่าจะดีกว่าคอลัมนิสต์อีกราย ที่ฝอยตอนต้นฤดูกาลว่า เห็นแมงยูเล่น 3 นัด

ก็เหมือนดูหนังต้นเรื่องแล้วรู้ตอนจบ !!!  แหม่.. ถึงตอนนี้หนังจบ เรือคว้าแชมป์แล้ว

ชีดเจนว่าพี่แก "ดูหนังผิดโรง" !!!  ก๊ากๆๆ...

ก็เห็นด้วยกับไก่ป่านะ เบื้องหลังความสำเร็จของเรือใบ

มี"ครูเป๊บ" เป็นเสมือนคอนดัคเตอร์ควบคุมวง

ปีหน้าจะไปไกลแค่ไหนในแชมเปี้ยนลีกไม่แน่ใจ บอลถ้วยแบบนั้น ดวงมีส่วนมาก

แต่เชื่อว่าพรีเมียร์ลีก ที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งแบบสม่ำเสมอ ไม่ใช่พึ่งดวงเป็นหลัก

ครูเปีบน่าจะคุมทีมป้องกันแชมป์ได้...

สุดยอดดดดด

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.