สำหรับแมตช์นี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดเต็มเกมบุกด้วยการใช้ เซร์คิโอ อเกวโร่ กับ ราฮีม สเตอร์ลิง ล่าประตู โดยมีบรรดาแข้งคุณภาพคับแก้วคอยเป็นกองหนุน แม้ว่าทีมจะขาด เควิน เดอ บรอยน์ เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บและต้องพักอย่างน้อย 4 สัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่าไม่ปัญหาเลยเนื่องจากทีมมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่กำลังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง และยึดตัวจริงในเวลานี้
ในแมตช์ถล่ม "นักบุญ" แสดงให้เห็นถึงการประสานงานที่ลงตัวของทีม รวมไปถึงผู้เล่นอย่าง ดาบิด ซิลบา ที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นนักเตะสำคัญของทีมแม้ว่าอายุจะเยอะแล้วก็ตาม เช่นเดียวกับ "กุน" และ สเตอร์ริง ที่พร้อมตะบันตาข่ายคู่แข่งตลอดเวลา ฉะนั้นฟอร์มการเล่นแบบนี้ต้องบอกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่แข่งในแมตช์ต่อไป คงต้องปาดเหงื่อในการรับมือกับสโมสรอริร่วมเมืองแน่นอน
1. ขาด เควิน เดอ บรอยน์ ไม่ขาดใจ
สโมสรอื่นๆ อาจจะต้องพบกับความยากลำบากหาก เควิน เดอ บรอยน์ เป็นนักเตะของพวกเขาและหมดสิทธิ์ต้องลงสนามเกืบอครึ่งฤดูกาล แต่กรณีนี้ไม่มีปัญหาสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะพวกเขาเป็นทีมที่มีผู้เล่นชั้นยอดให้เลือกใช้งานมากมาย
จอมทัพทีมชาติเบลเยม เป็นหนึ่งในสามกองกลางที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้ และมีอิทธิพลกับฟอร์มของ "เรือใบสีฟ้า" เวลาที่เขาลงสนาม กระนั้นหากมองถึงคุณภาพในซุ้มม้านั่งสำรองของพวกเขา งานนี้ต้องยอมรับว่าการขาดหนึ่งในมิดฟิลด์ชั้นยอดของโลกไม่ได้ส่งผลกระทบกับพวกเขาเลย
2. อเกวโร่ ยิงไม่หยุดฉุดไม่อยู่
เซร์คิโอ อเกวโร่ น่าจะได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก เขายิงประตูเป็นสถิติให้กับ แมนฯ ซิตี้แล้ว โดยเป็นนักเตะคนที่สามในหน้าประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ยิงประตูได้ 150 ลูกจากการเล่นให้สโมสรเดียว เป็นรองเพียง เธียร์รี่ อองรี ตำนานกองหน้าเลือดเฟร้นช์ที่ยิงประตูให้ อาร์เซน่อลไปถึง 175 ลูก ขณะที่อันดับ 1 เป็นของ เวย์น รูนี่ย์ โคตรกองหน้าฝีเท้าพระกาฬที่ตะบันในนาม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมากถึง 183 ประตู
ย้อนไปตอนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้รับการแต่งตั้งกุมบังเหียน และดึง เชซุส มาร่วมทีม แน่นอนว่าหลายคนเริ่มสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของ "กุน" แต่สุดท้ายแล้ว ดาวเตะเลือดอาร์เจนไตน์ ใช้ผลงานในสนามพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาคือกองหน้าที่ "เรือใบสีฟ้า" ไม่มีทางให้ใครมาแทนได้
สำหรับเกมล่าสุด อเกวโร่ ประสานงานได้อย่างสุดยอดกับ ราฮีม สเตอร์ลิง และ ดาบิด ซิลบา ช่วยยิงประตูในเกมถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน โดย สเตอร์ลิง ผ่านบอลอย่างงามให้เขาตะบันประตูในครึ่งแรก ขณะเดียวกับ อเกวโร่ ก็ตอบแทนเพื่อนร่วมสังกัดด้วยการแอสซิสต์ให้ ดาวเตะเลือดผู้ดี ยิงประตูที่สองของเขาในครึ่งหลัง และนำ "เรือใบสีฟ้า" แล่นฉิวขึ้นมายึดจ่าฝูงในตารางพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างสง่างาม
3. สเตอร์ลิง ยกระดับฟอร์มการเล่น
ราฮีม สเตอร์ริง ได้รับเลือกเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ เพราะเขาซัด 2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ แน่นอนว่าตอนนี้ ดาวเตะเลือดผู้ดี เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดของ "เรือใบสีฟ้า" เขายิงประตูไปแล้ว 50 ลูกให้กับต้นสังกัดนับตั้งแต่ที่ย้ายจาก ลิเวอร์พูล มาเล่นให้ทีมเมื่อฤดูกาล 2015-16
สเตอร์ลิง กลายเป็นนักเตะสำคัญทั้งกับสโมสร และทีมชาติอังกฤษ โดยเฉพาะในเวลานี้ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวเป็นผู้เล่นที่อยู่ในแผนการสร้างทีมทั้งกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ แกเร็ธ เซาธ์เกต (ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ)
สำหรับตอนนี้ อดีตสตาร์ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีอิทธิพลกับฟอร์มการเล่นของ แมนฯ ซิตี้ อย่างมากและสโมสรพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอขยายสัญญาพร้อมกับค่าเหนื่อยเท่าไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ เพราะศักยภาพของนักเตะจำเป็นที่ทีมต้องเก็บตัวเองไว้ เนื่องจากในเวลานี้จะหาใครมาแทนที่ สเตอร์ลิง เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากๆ
4. ดาบิด ซิลบา ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด
ดาบิด ซิลบา ใช้เวลาเกือบทศวรรษในการเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ และเขาก็ยังคงเป็นมิดฟิลด์เบอร์ 1 ของทีมเหมือนกับช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา ดาวเตะเลือดสแปนิชเต็มไปด้วยชั้นเชิง, จอมสร้างสรรค์เกม และมีวิสัยทัศน์ในการเล่นที่ล้ำลึกอยากจะให้ใครเทียบได้
ในเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน นั้น ซิลบา โชว์ความเหนือชั้นด้วยการผ่านบอลอย่างงามให้กับ เลรอย ซาเน่ ที่วิ่งทะลุเข้าไปในกรอบ 6 หลาก่อนจะเปิดบอลเข้ามาและเป็น เวสลี่ย์ ฮุดท์ สกัดเข้าประตูตัวเอง ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะ ดาวเตะเลือดกระทิงดุ ยังประสานงานกันได้อย่างสุดยอดกับ แบร์นาโด้ ซิลวา, สเตอร์ลิง และ ซาเน่ รวมทั้ง อเกวโร่ จนทำให้แนวรับ "นักบุญ" เปื่อยยุ่ยยิ่งกว่าปุ๋ยหมัก
แน่นอนว่ามันอาจจะดูไม่แฟร์หากว่า ซิลบา ไม่ได้รับราวัลแห่งความพยายาม เพราะในนาทีที่ 18 จากจังหวะที่ ซาเน่ โหม่งเช็ดมาให้และ มิดฟิลด์ชาวสแปนิช โชว์ให้เห็นถึงทักษะสุดยอดด้วยการวอลเล่ย์เต็มข้อแบบไม่จับ บอลพุ่งแหวกอากาศเข้าไปซุกก้นตาข่ายสบายอุรา
5. แมนฯ ซิตี้ คือทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษ
สำหรับตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมจากอังกฤษ ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะได้ชูโทรฟี่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขุมกำลังของพกเขาเต็มไปด้วยนักเตะมากพรสวรรค์ทำให้พวกเขามีนักเตะที่พร้อมจะสับเปลี่ยนลงสนามเพื่อโอกาสในการลุ้นแชมป์ทุกๆ รายการที่เกี่ยวข้อง
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีการเตรียมทีมให้เหมาะกับคู่แข่งที่ต้องเจอ และปรับแผนการเล่นให้สอดคล้องกับคู่ต่อกร พวกเขาเรียนรู้จากความผิดพลาดในฤดูกาลก่อน (โดนลิเวอร์พูลเขี่ยตกรอบ ชปล.) สำหรับตอนนี้ "เรือใบสีฟ้า" เป็นทีมที่สามารถเดินเครื่องแรงเหนือกว่าทีมอื่นๆในเมืองผู้ดี และยังเป็นสโมสรที่คลั่งเกมบุกมากที่สุดในโลก
ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ แมนฯ ซิตี้ จะยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงที่ผ่านมา จากสถิติ ณ ตอนนี้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ตะบันไปแล้ว 33 ประตูจากการเล่น 11 เกมลีก แถมเกมรับยังเหนียวแน่นเสียแค่ 4 ลูกเท่านั้น นั่นแสดงให้เห็นว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสโมสรที่มีความสมดุลอย่างแท้จริง
Tags:
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by