หลังการคว้า 'ทริปเปิ้ลแชมป์' บนเกาะอังกฤษอย่างยิ่งใหญ่ของ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภาพของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็เปลี่ยนไปจากเดิมในสายตาของบรรดาแฟนบอลหลาย ๆ ทีมที่ทั้งรักทั้งเกลียดรวมทั้งกองเชียร์เฉพาะกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มมองตรงกันแล้วว่า กุนซือชาวคาตาลันเป็น 'ของจริง'
ก่อนหน้าที่อดีตนายใหญ่ บาร์เซโลนา จะขึ้นฝั่งมาทำมาหากินที่เกาะอังกฤษ แฟนบอลหลาย ๆ ตั้งคำถามว่ากุนซือรายนี้เก่งจริงหรือเปล่า
แม้ผลงานการทำ บาร์ซา ให้กลายเป็น 'ทีมจากต่างดาว' และเป็นเฮดโค้ชที่พาทีมกวาดแชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร เอาแค่ ลาลีก้า 3 สมัยซ้อน แถมด้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก 2 สมัย นี่ก็เกินคน และถ้ารวมแล้ว 4 ปีในถิ่น คัมป์นู เป๊ป กวาดไปทั้งหมด 15 แชมป์ พร้อมกับการสร้างให้ อาซูลกรานา กลายเป็นทีมที่ยากจะโค่นจนมาถึงทุกวันนี้
แต่ก็ยังมีเสียค่อนแคะว่าอยู่กับ บาร์ซา เล่นยังไงก็ได้แชมป์ แถมมี ลีโอเนล เมสซี อยู่ในทีม และ ลาลีก้า ก็มีทีมเก่งแค่พวกเขากับ เรอัล มาดริด เท่านั้น
เสียงดูถูกก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เมื่อเจ้าตัวตัดสินใจอำลา คัมป์นู หันมาลิ้มรสซดเบียร์และไส้กรอกที่ เยอรมนี กับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เขาพา เสือใต้ เถลิงบัลลังก์แชมป์ บุนเดสลีก้า 3 สมัย และแชมป์อื่น ๆ อีกรวมแล้วคว้าไป 7 ถ้วย ในช่วง 3 ปีของการอยู่ที่นั่น
ในปีต่อมาพอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประกาศคว้ากุนซือวัย 48 ปีเข้ามารับงานต่อจาก มานูเอล เปเยกรีนี แฟน ๆ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีอังกฤษ ยกเว้นแฟน ซิตี้ เองก็ประสานเสียงพร้อมกันว่า 'เป๊ปกำลังจะเจอของจริงเข้าแล้ว'
แล้วก็เป็นไปตามคาด ในซีซันแรกเขาทำได้เพียงพา เรือใบสีฟ้า คว้าอันดับ 3 ได้โควต้า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยปล่อยให้ เชลซี ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปครองทั้ง ๆ ที่เพิ่งเข้ามาคุมทีมครั้งแรกเหมือนกัน
หลายคนไม่มอง ซิตี้ ด้วยซ้ำในตอนนั้น และยังตอกย้ำความคิดของตัวเองที่ว่า 'ลีกอังกฤษคือของจริง' เป๊ป ก็แค่กุนซือที่ชอบทำทีมมีเงิน และซื้อนักเตะดี ๆ แล้วก็พาทีมเป็นแชมป์แค่นั้น
แต่พอซีซัน 2017-2018 ซึ่งเป็นซีซันที่ 2 ของเขาจบลง ทุกคนก็ได้เห็นศักยภาพและฝีมือของนายใหญ่ เรือใบสีฟ้า
การเก็บได้ 100 คะแนนเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์, ชนะ 32 นัด มากที่สุดในประวัติศาสตร์, ทำแต้มห่างจากอันดับ 2 มากที่สุดในประวัติศาสตร์, ยิงประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 106 ลูก, ชนะติดต่อกันมากที่สุด 18 นัด และมีลูกได้เสียเป็นบวกมากที่สุดถึง 79 ลูก
ทั้งหมดนี้คือ 'ประวัติศาสตร์ใหม่ของ พรีเมียร์ลีก'
ยังไม่พอ ใครที่คิดว่า แมนฯ ซิตี้ จะสะดุดในซีซันต่อมา เป๊ป ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ทีมของเขาสามารถรักษามาตรฐานเอาไว้ได้ ด้วยการคว้าแชมป์เหนือ 'รองแชมป์มหาชน' อย่าง ลิเวอร์พูล เพียง 1 คะแนน แต่ก็มิวายสร้าง 'ประวัติศาสตร์' อีกครั้งจากการที่มีถึง 2 ทีมทำได้ 90 คะแนนในฤดูกาลเดียว
แถมยังตอกหน้าบรรดากองแช่งทั้งหลายอีกครั้งด้วยการคว้า 'ทริปเปิ้ลแชมป์เกาะอังกฤษ' เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ ให้ดูเสียเลย
จากคำสบประมาทที่ว่า ลีกอังกฤษสุดหินและไม่เหมือนที่อื่นในยุโรป เฮดโค้ช เดอะ สกายบลูส์ เลยทำให้ดูว่ามันไม่เหมือนหรอก เพราะผมทำลายสถิติทุกอย่าง และสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ในระยะเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น
แฟนบอลหลายคนที่อาจเคยปรามาสเขาไว้เรื่องการใช้แต่เงิน และดีแต่คุมทีมใหญ่ ทำไมไม่ลองมาคุม สโต๊ค, ไบรท์ตัน ให้เป็นแชมป์ หรือแม้แต่ทีมใน เดอะแชมเปี้ยนชิพ ให้เลื่อนชั้นบ้างล่ะ อาจจะเบาเสียงลงไปเยอะ
กุนซือที่เก่งไม่จำเป็นต้องคุมทีมเล็กแล้วประสบความสำเร็จเสมอไป ในเมื่อโลกฟุตบอลในปัจจุบันมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องของฝีมือเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่มีเรื่องของการบริหารจัดการ การตลาด และเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
จึงไม่ใช่เรื่องผิดที่ เป๊ป จะเลือกย้ายไปคุมทีมที่มีทรัพยากรทุกอย่างให้เขาพร้อม เพื่อให้ตัวเองได้โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ ทั้งกำลังคน กำลังเงิน และวิสัยทัศน์ของเจ้าของทีม
แมนฯ ซิตี้ ของ ชีค มันซู คือทีมที่ว่านั้น ทีมที่พร้อมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อความสำเร็จตราบใดที่เจ้าของทีมยังมีเงินให้ถลุงเล่น
และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำไม เยอร์เก้น คล็อปป์ จึงพา ลิเวอร์พูล ก้าวขึ้นมาเป็นทีมท้าชิงแชมป์ได้ในปีนี้ รวมทั้งยังพาทีมเข้าชิง แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันได้ นั่นเพราะพวกเขาก็ใช้ 'เงิน' ซื้อความสำเร็จนี้เช่นกัน
การดึง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (75 ล้านปอนด์) อลิสซอน (65 ล้านปอนด์) ฟาบินโญ (44 ล้านปอนด์) และนาบี เกอิต้า (54 ล้านปอนด์) เป็นตัวอย่างที่ดีที่คนในวงการฟุตบอลรู้ว่าการแข่งขันในโลกทุกวันนี้ ถ้าไม่มีเงินพอคุณก็ไม่สามารถยกระดับทีมขึ้นมาได้
ลองนึกภาพว่าหาก คล็อปป์ ได้เงินอีกซัก 100 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ เชื่อว่าป่านนี้เด็กหงส์คงได้เฮกับแชมป์ พรีเมียร์ลีก กันไปแล้ว
การประสบความสำเร็จในโลกฟุตบอล ฝีมืออย่างเดียวไม่พอ ทุกอย่างต้องพร้อมทั้ง เงิน คน และ การจัดการ มิเช่นนั้นคุณจะไปสู้กับบรรดาทีมยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ได้ยาก
เป๊ป คือกุนซือที่เลือกที่ที่ทำให้ตัวเองได้โชว์ของอย่างเต็มที่ ในเมื่อเครดิตที่ผ่านมาก็ไม่ใช่กระจอก แล้วทำไมถึงต้องไปเลือกคุมทีมเล็กเพื่อพิสูจน์ฝีมือให้มันวุ่นวาย
แต่ในทางกลับกัน การมาคุมทีมใหญ่ มีเงิน มีการจัดการที่ดี มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้ากุนซือจากแคว้นคาตาลันรายนี้ไม่เจ๋งจริง คงไม่สามารถหล่อหลอมซุปเปอร์สตาร์ค่าตัวหลายสิบล้านในทีมให้เล่นในแนวทางที่ตัวเองต้องการได้ มีหลายครั้งที่เราเคยได้ยินข่าวนักเตะซุป'ตาร์ค่าตัวแพงเล่นกันไม่เต็มที่ หรือเล่นไม่เป็นทรง ผลงานไม่ทีมก็พลอยย่ำแย่ไปด้วย
ไม่ต้องไปดูไหนไกล ผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เรอัล มาดริด นับเป็นตัวอย่างที่ดี
ถ้ามีคนบอกว่าทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด, บาร์เซโลนา, บาเยิร์น มิวนิค และ ยูเวนตุส ใครคุมก็ได้แชมป์ นั่นอาจจะเป็นการดูถูกฝีมือกุนซือเหล่านั้นกันไปหน่อย
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมพวกเขาไม่เอาโค้ชเยาวชนหรือใครก็ได้ที่มีไลเซ้นส์เข้ามาทำงาน ให้ค่าจ้างถูก ๆ แล้วรอเป็นแชมป์อย่างเดียว
การทำทีมฟุตบอลในโลกปัจจุบันนั้น ทุกอย่างมันต้องไปพร้อม ๆ กัน จึงจะทำให้ทีมทีมหนึ่งประสบความสำเร็จ เหมือนอย่างที่ เป๊ป และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังทำให้เราเห็น
เพราะถ้ามีเงินอย่างเดียวแต่ใช้ไม่เป็นหรือมีกุนซือเก่งแต่ไม่มีเงินให้ใช้ จะถามหาความสำเร็จก็คงยาก
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////
Cr. 90min ติดตามข่าวสารได้ที่เว็บหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th
Tags:
คงเหลืออย่างเดียวแล้ว ที่พวกหมาเห็นองุ่นเปรี้ยว พวกริษยาเป๊บ
จะยังเหลือยกมาจิกกัดตีเหยียดเสียดสีเป๊บมัน
นั่นก็คือเรื่องเป๊บยังพาเรือคว้าถ้วยแชมป์ยุโรปยังไม่ได้
ก็แบบเดียวกะเมสซี่ ยังแบกทีมพาอาเจนคว้าถ้วยแชมป์บอลโลกยังไม่ได้
และชาตินี้เมสซี่ ก็คงหมดโอกาสแล้ว นั่นหมายความว่าเมสซี่มันกาก ไม่เก่งจริง ?!?
แต่เป๊บยังมีโอกาสนะ ถ้ายังอยู่ปั้นนักเตะเรือไปอีกหลายๆปี คงมีซักปี ที่แจ๊คพอตแตก
ถ้าวันนั้นมาถึง ยังสงสัยว่าพวกริษยาเป๊บมัน จะยกอะไรมาอ้างอีก ?
โดยความเห็นของผม เป็บคือยอดโค้ช ตั้งแต่คุมบาซ่าแล้วครับ เพราะทีมที่เป๊บฝึก และคุม จะมีรูปแบบการเล่นที่สนุกน่าดู
สำหรับเรือใบสีฟ้านี้ ตั้งแต่เป๊บมาคุม ไม่เคยมีนัดไหนที่ผมดูทีมเราลงแข่งแล้วเบื่อเลย ลุ้นสนุกตลอด
ส่วนอัตลักษณ์ของเป๊บ ถ้าใครเคยอ่านชีวประวัติ จะรู้ว่า นอกจากสมองเพชรของเจ้าตัว เป็บยังทุ่มเทกับงานมาก และบ้าบอลมากๆ ด้วย ถึงขั้นหลงไหลคลั่งไคล้ในเกมฟุตบอลแน่นอน
การทำให้ทีม เล่นได้ตามแผนตามสไตล์ของเป๊บไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยังทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าที่ผ่านมา 3 ปี ที่ผมมองว่าบางตำแหน่งไม่เต็มเต็งด้วยซ้ำ อย่างแบ็คซ้ายที่ตัวจริงเจ็บยาวๆ ก็ยังเอาเดลฟ์กับชินเชนโก้ที่เป็นกองกลางกับปีกมาเล่นแทนได้ หรือกลางรับที่มีเฟอนันแบกตำแหน่งคนเดียว พอขาดเฟอนันไปก็ปรับแผนให้แบ็คเชื่อมกับกลางตัว box to box อย่างเดอบรอยน์หรือกุนโดกันได้ โดยทีมไม่เสียอันดับจนเป๋
แค่ทำทีมรักของผมให้เล่นได้สนุก น่าดู น่าติดตาม แค่เหตุผลพวกนี้ก็เพียงพอให้ผมยกย่องเป๊บแล้วครับ
เปรียบเป็นดารา แม้ เรือใบสีฟ้า จะหล่อลากดิน และตีบทแตก แต่ก็ไม่มีวันได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นพระเอก นอกจากเป็นได้แค่พระรองก็เพราะยังขาดคุณสมบัติบางอย่างที่สามารถขายได้ตามมุมมองของผู้กำกับ
ในทางกลับกัน หากกุนซือ แมนฯ ซิตี้ มีชื่อว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ บางทีสื่อเมืองผู้ดีอาจรายงานข่าวความยิ่งใหญ่ของทีมมหาเศรษฐีกันเป็นวรรคเป็นเวรแล้วก็ได้
https://www.siamsport.co.th/column/detail/71641
นี้ไง ไอ้พวกขี้อิจฉา
วันแรกที่เป๊บเข้ามา ผมหวังว่าใน3ปีขอUCL แต่ตอนนี้ไม่รีบละเมื่อไหร่ก้อได้ขอให้เป๊บอยู่นานๆแบบ เฟอกูสัน ของแมนยู อย่ารีบเบื่อซะก่อน กลัวเหลือปีไหน4แชมป์ แล้วจะไปจากซิตี้
เกาะอังกฤษเป๊ปขย่มราบคาบเรียบร้อยแล้วโดยการพาเรือครองเทร็ปเปิ้ลแชมป์..
..แต่เกาะอังกฤษก็เป็นเพียงประเทศหนึ่งในทวีปยุโรปเท่านั้น..
..ทีมใหญ่ๆในทวีปยุโรปที่มี่ศักยภาพสูงต่างก็มุ่งมั่นที่จะครองความเป็นเจ้ายุโรป..
..เพราะนอกจากนำเกียรติยศศักดิ์ศรีมาสู่สโมสรตัวเอง..
..ยังเป็นใบเบิกทางในการต่อยอดทางธุรกิจฟุตบอลอย่างมีนัยยะสำคัญ
ที่จะเพิ่มมูลค่าผลประกอบการของสโมสรด้วย..
..เชื่อว่าฤดูกาลหน้าแฟนเรืออาจจะได้สัมผัสความมุ่งมั่นของเปีปในเวทียุโรปมากขึ้น..
..หลังจากที่ได้เห็นเพื่อนร่วมลีกอย่างหงส์หรือไก่ผงาดคว้าแชมป์ UCL มาครอง !
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by