Members

ซิเย็คซัดชัย! เชลซีเจ๋งปราบแมนซิตี้ทะลุเข้าชิง เอฟเอ คัพ สมัยที่10

"สิงห์บลูส์" โชว์ฟอร์มเฉียบหลังปราบเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 จากประตูชัยของ ฮาคิม ซิเย็ค ในเกมรอบรองฯ เอฟเอ คัพ คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ เชลซี เข้าไปลุ้นแชมป์สมัยที่ 9 โดยเป็นการเข้าชิงดำเป็นหนที่ 10 ซึ่งจะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้หรือเซาธ์แฮมป์ตัน ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ด้าน "เรือใบสีฟ้า" พลาดเข้าชิงทำให้เหลือลุ้นแชมป์แค่ 3 รายการ แถมเกมนี้ต้องเช็กอาการเจ็บของ เควิน เดอ บรอยน์ อีกว่าร้ายแรงแค่ไหน

สนาม : เวมบลีย์ สเตเดี้ยม (สนามกลาง)

    ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเวมบลี่ย์เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา เชลซี รอบที่แล้วบดเอาชนะ เชฟฯยูไนเต็ด 2-0 เกมนี้พบกับจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งรอบ 8 ทีมที่ผ่านมาบุกไปเชือด เอฟเวอร์ตัน 2-0 

    โธมัส ทูเคิ่ล นายใหญ่ทัพ "สิงห์บลูส์" เพิ่งจะพาทีมผ่านเข้ารอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ฟอร์มล่าสุดจะพ่าย ปอร์โต้ 0-1 ในบ้านแต่รวมสองนัดแล้วเข้ารอบรองฯได้สำเร็จ แมตช์นี้ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แนวรุกให้ ติโม แวร์เนอร์ ยืนหน้าเป้า โดยมีตัวสนับสนุนทั้ง เมสัน เมาน์ท และฮาคิม ซิเย็ค

    ส่วนทางฝั่ง "เรือใบสีฟ้า" เหนื่อยเหมือนกันกว่าจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีกได้ หลังบุกไปแซงเอาชนะ ดอร์ทมุนด์ 2-1 ในเกมล่าสุด โดยเกมนี้ใช้ เควิน เดอ บรอยน์ ปั้นเกมรุกร่วมกับ เฟร์ราน ตอร์เรส และราฮีม สเตอร์ลิง และใช้ กาเบรียล เชซุส รับบทหน้าเป้า

    ครึ่งแรก นาที 10 "เรือใบสีฟ้า" ได้ทักทายก่อนหลัง กาเบรียล เชซุส รับบอลจาก เควิน เดอ บรอยน์ ก่อนจะตั้งป้อมซัดนอกกรอบแต่บอลพุ่งไปเข้ามือ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า 

   อีก 5 นาที ถัดมา เชลซี สวนกลับมาแบบได้ลุ้น ติโม แวร์เนอร์ พาบอลจากครึ่งสนามขึ้นมาแล้วจ่ายออกซ้ายให้ ฮาคิม ซิเย็ค เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษก่อนสับขาหลอกแล้วซัดเข้ากลางแต่ยังไปติดบล็อคแนวรับเรือใบ

    นาที 19 รีซ เจมส์ ถึงเส้นหลังแล้วครอสไปเสาไกลให้ เบน ชิลเวลล์ เติมขึ้นมาซัดด้วยซ้ายแบบไม่จับแต่บอลก็หลุดกรอบออกไปแบบหมดลุ้น

    ลูกทีมของ ทูเคิ่ล แม้จะครองบอลน้อยกว่า แต่จังหวะสวนกลับได้ลุ้นได้เสียวมากกว่า นาที 33 ฮาคิม ซิเย็ค ตะลุยพาบอลขึ้นมาแล้วแทงออกขวาให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบแต่ยังไปติดบล็อค เอเมอริค ลาป๊อร์กต์

    และจังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม อีกนาทีต่อมา เบน ชิลเวลล์ เปิดบอลมากลางประตู รีซ เจมส์ หวดด้วยขวาบอลพุ่งถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย

 นาที 45 เป็นโอกาสของทัพเรือใบบ้าง คราวนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง ครอสไปหน้าปากประตูให้ แฟร์นันดินโญ่ ขึ้นเช็ดบอลแต่หลุดกรอบออกไปแบบหมดลุ้น

    จบครึ่งแรก ค่อนข้างสูสี เชลซี ยังเสมอกับ แมนฯ ซิตี้ 0-0

    ครึ่งหลัง เริ่มเล่นมาแค่ นาที 48 เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องเจอข่าวร้ายหลัง เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพคนสำคัญมีอาการบาดเจ็บ ต้องเปลี่ยนเอา ฟิล โฟเด้น ลงมาเล่นแทน

    นาที 55 กลายเป็น "สิงห์บลูส์" ที่ชิงขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะขึ้นเกมมาทางซ้าย เมสัน เมาน์ท แทงบอลให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดกับดักล้ำหน้ากระชากเข้าไปก่อนปาดเลียดมาหน้าประตูให้ ฮาคิม ซิเย็ค แม้จะย้อนหลังแต่ขืนตัวเองล้มตัวยิงเข้าไปไม่พลาด

    นาที 59 ซิเย็ค เกือบพังประตูที่สองให้ตัวเองและให้กับทีมนำห่าง หลัง เบน ซิลเวลล์ ตักบอลขึ้นหน้าให้ปีกชาวโมร็อคโกฉกความผิดพลาดของแนวรับซิตี้เข้าไปซัดติดเซฟของ แซค สเตฟเฟ่น 

    นาที 70 เชลซี เปลี่ยนผู้เล่นบ้างส่ง คริสเตียน พูลิซิช ลงเล่นแทน เมสัน เมาน์ท ทำให้ในสนามนอกจาก แซค สเตฟเฟ่น นายด่านเรือใบแล้วยังมีพูลิซิชเป็นแข้งชาวสหรัฐฯคนที่สองที่ได้เล่นในรอบตัดเชือกพร้อมกัน

    นาที 77 เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไหลให้ ติโม แวร์เนอร์ ได้กดด้วยซ้ายแต่ก็ยังไม่ผ่านมือ แซค สเตฟเฟ่น 

    นาที 82 เป็นโอกาสของ "เรือใบสีฟ้า" ฟิล โฟเด้น ไหลให้ โรดรีโก้ ลองกดด้วยขวานอกกรอบแต่ก็ยังไม่ผ่านมือ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า 

    ช่วงเวลาที่เหลือลูกทีมของ เป๊ป ไม่สามารถทวงประตูคืนได้ จบเกม เชลซี รักษาสกอร์ก่อนปิดจ็อบเอาชนะจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปหวุดหวิด 1-0 คว้าตั๋วเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ โดยรอพบผู้ชนะระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้หรือ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่จะแข่งกันในวันพรุ่งนี้

//////////////////////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport

Views: 374

Reply to This

Replies to This Discussion

ซิตี้เกมส์รุกแผ่ว กองหลังก็เสียง่ายไป พอหลังพลาดทีไร คู่ต่อสู้มักได้ประตูเลย

ปารีสยิ้มแล้ว ซิตี้กำลังฟอร์มตก

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.