ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ IE9 ได้รับการปรับปรุงโดยมุ่งเน้นให้มันใช้งานง่าย สวยงาม และเร็วกว่าเดิม ซึ่งเป็นหัวใจหลักของความต้องการของผู้บริโภค ทั้งนี้จุดเด่นของการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ IE9 ลดความซับซ้อนของส่วนติดต่อผู้ใช้ลง และเพิ่มความสวยงามด้วยขอบหน้าต่างใส (translucent window frame) และมีแค่ช่อง Address + Serch กับปุ่มไปหน้าเว็บก่อนหน้านี้ (Back button) และปุ่มไปหน้าเว็บถัดไป (forward button) โดยสีของปุ่มจะเปลี่ยนตามธีมหลักของสีที่ใช้ในเว็บไซต์ที่เปิดขึ้นมา ทำให้อินเตอร์เฟซทั้งหมดกลายเป็นส่วนหนึ่งของหน้าเว็บไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม IE9 จะไม่มีเวอร์ชันบน Windows XP แต่มีใน Windows Vista ด้วย แต่เวอร์ชันที่รันบน Windows 7 จะสนับสนุนคุณสมบัติของ UI ใหม่ โดยเฉพาะ Aero Snap และการปักหมุดเว็บไซต์บุ๊คมาร์คลงบนทาสก์บาร์ (Task bar) เพื่อความสะดวกในการเปิดเว็บไซต์โปรด ตามที่ Dean Hachamovitch ผู้จัดการทั่วไปแผนก IE ได้นำเสนอการใช้งานในลักษณะดังกล่าวที่งานแถลงข่าวในซานฟรานซิสโก ซึ่งมันชัดเจนว่า ไมโครซอฟท์ยังคงยึดแนวทางพัฒนาให้ OS กับ IE ทำงานร่วมกันอย่างเหนียวแน่นภายใต้คอนเซปต์ Windows Internet Explorer
ไม่เพียงแต่ไมโครซอฟท์จะพยายามผลักดันให้ IE9 เป็นบราวเซอร์สำหรับระบบปฏิบัติการที่กำลังประสบความสำเร็จอย่าง Windows 7 เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกลับมา หลังจากที่แนวโน้มของยอดผู้ใช้ IE ตกลงมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้ IE9 มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ทางไมโครซอฟท์ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่จะทำให้กราฟิกในเว็บไซต์ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นก็คือ ระบบเร่งกราฟิกด้วยการทำงานกับฮาร์ดแวร์โดยตรง IE9 ต้องพยายามวิ่งไล่เทคโนโลยีของบราวเซอร์คู่แข่งให้ทัน โดยเฉพาะการใช้พลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ในการแสดงผลกราฟิก วิดีโอ และแอนิเมชันต่างๆ ได้เร็วขึ้น โดย IE9 จะเป็นเวอร์ชันแรกและเวอร์ชันเดียวที่ทำงานร่วมกับ GPU ในการสร้าง (render) กราฟิกที่มีความซับซ้อนที่ IE เวอร์ชันเก่าไม่สามารถตามได้ทัน
ช่วงก่อนหน้านี้ที่ทางบริษัทได้ออก IE9 Platform Previews คุณสมบัติที่เป็นไฮไลต์ดังกล่าวก็ได้มีการนำเสนอในเว็บไซต์ทดสอบที่ชื่อ IETestDrive.com ด้วยตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการแสดงผลจากการเร่งของฮาร์ดแวร์โดยตรง ถัดจากเรื่องของอินเตอร์เฟซใหม่ และการเร่งกราฟิกด้วยฮาร์ดแวร์โดยตรงไปแล้ว IE9 ยังสนับสนุนรูปแบบการนำเสนอมีเดียบนหน้าเว็บที่หลากหลายยิ่งขึ้นด้วย HTML5 มาตรฐานสำหรับการสร้างหน้าเว็บที่นักออกแบบรอคอย MS ย้ำว่า IE9 จะสนับสนุน HTML5 ในระดับลึก โดยสามารถดูลูกเล่นของการทำงานได้จากเว็บไซต์ BeautyOfTheWeb.com ซึ่งจะแสดงให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ในการท่องเว็บไซต์ของพันธมิตรรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Photbucket, IMDb, Amazon, eHow และรายการทีวี Top Gear ของ BBC
ในงานแถลงข่าวเปิดตัว IE9 Beta เมื่อวานนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้อวด IE9 ที่ปรับแต่งการทำงานสำหรับเสิร์ช Bing โดยใช้ HTML5 เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การค้นหาข้อมูลที่หลากหลายไดนามิกมากขึ้น รวมถึงการเข้าถึงผลลัพธ์ในลักษณะต่างๆ Jeff Henshaw ผู้จัดการกลุ่ม Bing กล่าวว่า ไมโครซอฟท์จะออก Bing-IE9 preview ภายใน 30 วัน ด้วย HTML5 และเทคโนโลยีการเร่งฮาร์ดแวร์แสดงผล ภาพแบคกราวด์ของ Bing สามารถเปลี่ยนเป็น Video ได้ หรือเป็นภาพที่ละเอียดขึ้นและสามารถซูมได้ และเมื่อเข้าถึงหน้าผลลัพธ์ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของแต่ละหน้าจะไหลลื่น โดยเฉพาะการใช้งานร่วมกับปุ่ม forward และ backword ของ IE9 สนใจดาวน์โหลด IE9 ได้ที่ BeautyOfTheWeb.com
สำหรับ มือถือ HTC รุ่นใหม่จะเกาะกระแสความต้องการสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยระบบปฏิบัติการที่ใช้จะเป็น Android 2.2 (Froyo)
ของ Google และถึงแม้ HTC จะเป็นผู้เล่นในตลาดมือถือแอนดรอยด์ที่ได้รับความนิยมด้วยอินเตอร์เฟซ
HTC Sense แต่กระนั้นอินเตอร์เฟซรุ่นใหม่ที่ออกมาก็ยังคงไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก คงจะมีการปรับแต่ง
เล็กๆ น้อยๆ รวมถึงประสิทธิภาพของการทำงานที่ลื่นไหลขึ้น
ใน ส่วนของ HTC Desire HD จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 4.3 นิ้ว (10.9 ซม.) ตัวถังทำจากอะลูมิเนียม (กล้อง 8M, บันทึกวิดีโอไฮเดฟฯ 720p, โพรเซสเซอร์ 1GHz, ทำงานด้วยระบบปฎิบัติการ Android 2.2) ซึ่งหากเทียบขนาดเครื่องกับ Apple iPhone 4 พบว่า Desire HD จะสูงกว่า 8 มม. กว้างกว่า 10 มม. และหนากว่า 2.5 มม. แต่เทียบหน้าจอแล้วจะรู้สึกว่า หน้าจอของ iPhone 4 ที่มีขนาดแค่ 3.5 นิ้วจะดูเล็กไปเลย อย่างไรก็ตาม เรื่องของน้ำหนักเครื่องน่าจะเป็นประเด็นสำหรับผู้ใช้ เนื่องจาก HTC Desire HD จะหนักถึง 164 กรัม ในขณะที่ iPhone 4 แค่ 137 กรัมเท่านั้น ส่วนอีกรุ่นหนึ่ง HTC Desire Z (หน้าจอ
3.7 นิ้ว โพรเซสเซอร์ 1GHz กล้อง 5M และคีย์บอรด์ QWERTY) จะหนักกว่า HD เนื่องจากมีคีย์บอร์ดมาด้วย ทำให้น้ำหนักรวมของตัวเครื่องเป็น 180 กรัม ในขณะที่มีขนาดเท่าๆ กับ HTC Desire ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องของน้ำหนักมือถือเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งสำหรับการตัดสินใจ อย่างกรณีของ Nokia N97 ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ แม้คีย์บอร์ดที่มากับเครื่องจะบาง และกว้าง เพื่อสะดวกต่อการพิมพ์ก็ตาม
HTC เป็นคู่แข่งที่ Apple ต้องจับตา โดยเฉพาะการเปิดตัวบริการใหม่สำหรับมือถือของทางบริษัทที่เรียกว่า
HTCSense.com ที่ให้บริการในลักษณะ Cloud service ซึงจะคล้ายกับ MobileMe ของ Apple โดยบริการ
ดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถควบคุมมือถือจากคอมพิวเตอร์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการแบ็คอัพข้อมูลบน
มือถือไปไว้บน internet cloud ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ และโดยอุปกรณ์เชื่อมต่อเว็บใดๆ ก็ได้ นั่นหมายความว่า
หากเจ้าของมือถือลืมมันไว้ที่บ้าน หรือทำหาย ตัวเจ้าของจะสามารถตรวจสอบได้ว่า ลืมมันไว้ที่ไหน ตลอดจนล็อค
การทำงานของมือถือผ่านทางเน็ต แถมยัง สั่งให้มือถือฟอร์เวิร์ดสายที่เรียกเข้าไปยังหมายเลขบนมือถือเครื่องอื่น
หรือจะฝากข้อความถึงผู้ที่พบมือถือ รวมถึงการลบข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ในเครื่อง หากคิดว่า ยังไงก็ไม่มีวันได้มือถือ
กลับคืนมา ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ Apple คิดค่าบริการนี้ ในขณะที่ HTC ให้บริการฟรีกับเจ้าของมือถือ HTC Desire HD และ Z
การเติบโตของโน้ตบุ๊คที่ติดลบก็ไม่ได้หมายความว่า โน้ตบุ๊คกำลังจะไปไม่รอด แต่เราไม่รู้เหมือนกันว่า รูปแบบ
ของการเติบโตของยอดขายจะยังคงเป็นอย่างนี้ในปี 2011 หรือไม่? อัตราการเติบโตของโน้ตบุ๊คตกลง ตั้งแต่
เดือนมีนาคม และ ในเดือนกันยายนมันยังมี แนวโน้มที่จะลดลงอีก 4% นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไม Dell, Samsung
และ HP กำลังแข่งกัน ทำตลาดแท็บเล็ตก่อนที่จะไม่สามารถแตะเบรค Apple ได้อีกต่อไป"แท็บ เล็ต"กำลังจะทำให้โน้ตบุ๊คพบจุดจบอย่างนั้นหรือ? บางทีการตัดสินตอนนี้ มันอาจจะเร็วเกินไป แม้ตัวเลขสถิติที่
เห็นมันจะชัดเจน อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนไปในประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ ก่อนหน้านั้นก็คงไม่มีใครเชื่อว่าตลาดเดสก์ทอปจะหดหายไปจนเกือบมองไม่เห็น แต่นั่นเป็นเพราะวันนี้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการเพียงโน้ตบุ๊ค พูดง่ายๆ
ก็คือ คอมพิวเตอร์รูปแบบใหม่ จะออกมาแทนที่คอมพิวเตอร์รู้แบบเก่านั่นเอง อย่างไรก็ดี โน้ตบุ๊คคงจะไม่หายไปจาก
ตลาดเร็วๆนี้ เหมือนเดสก์ทอปที่ยังคง มีใช้งานในองค์กรธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่างๆ หลายปีจนถึงปัจจุบัน แล้วคุณผู้อ่านขอขอบคุณ ข้อมูลจาก : http://www.arip.co.th/
Comment
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by
You need to be a member of Manchester City Fan Club in Thailand Website to add comments!
Join Manchester City Fan Club in Thailand Website