สาวกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ร่ำไห้กันทั่วโลกหลังทีมมาได้ประตูขึ้นนำก่อนหมดเวลา 9 นาทีแล้วแท้ๆแต่ยังไม่วายโดนทีเด็ด "หม้อมหาภัย" สโต๊ค ซิตี้ตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายจากลูกยิงของแมทธิว เอเธอริงตัน ทำให้ได้แค่แต้มเดียวรั้งอันดับสี่ของตารางต่อไป
พรีเมียร์ลีก
วันเสร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2553
สโต๊ค ซิตี้ 1 : 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ประตู : 0-1 ไมกาห์ ริชาร์ดส น.81, 1-1 แมทธิว เอเธอริงตัน น.90+3
ครึ่งแรก
ต้นเกมหม้อดีกว่า
ช่วง 15 นาทีแรกของเกมเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่ทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดแล้วก็เกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ฟูลเลอร์หลุดตัวประกบวิ่งไปรับบอลบาวจากเอเธอริงตันแต่ฮาร์ทอ่านเกมดีออกมาตัดได้ก่อน แต่ก็ยังไม่ขาดไปเข้าทางเอเธอริงตันซัดเข้ามาอีกครั้งแต่ฮาร์ทก็ยังยอดเยี่ยมโชว์ซุปเปอร์เซฟได้อีกหน[imgr][/imgr]
20 นาทีผ่านเรือยังไม่มีโอกาสจบ
ไม่น่าเชื่อว่าเกมผ่านพ้นไปแล้วกว่า 20 นาทีแล้วแต่ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับยังไม่มีโอกาสจบสกอร์เลยแม้แต่หนเดียว รูปเกมตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้จะมีโอกาสได้สวนบ้างแต่จังหวะการประสานงานในจังหวะสุดท้ายก็ไม่ลงตัวพอ
ฟูลเลอร์โชว์
นาที 32 โอกาสยังเป็นของเจ้าบ้านอยู่คราวนี้เป็นริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ที่ได้บอลอยู่ทางกราบขวาโชว์ความพลิ้วลากหนีตัวประกบตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยขวาทันทีแต่บอลบดและตรงตัวทำให้ฮาร์ทล้มตัวรับได้อย่างสบาย
โคลารอฟซัดไกล
เข้าสู่นาที 35 เกมของซิตี้ดูดีขึ้นเริ่มครองบอลและบุกได้มากขึ้นแล้วก็มาได้โอกาสส่องประตูจากจังหวะที่โคลารอฟลองส่องไกลระยะ 20 หลาจากนอกเขตโทษบอลเลียดและพุ่งเข้ากรอบแต่เบโกวิชยังไม่พลาดล้มตัวรับเอาไว้ได้
เรือตื่นแล้ว
ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเกมเป็นทางฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เริ่มปะติดปะต่อเกมครองบอลบุกใส่สโต๊คได้อย่างต่อเนื่อง แล้วก็มีลุ้นจากจังหวะที่คอลลินส์ส่งบอลคืนผู้รักษาประตูไม่ดูตราม้าตราเรือเกือบโดนเตเบซฉกบอลได้แต่ช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม 45 นาทีแรกยังไม่มีประตูเกิดขึ้น
ครึ่งหลัง
โอ้พลิกยิง
เริ่มครึ่งหลังมา 8 นาที มาริโอ บาโลเตลลี่ได้โชว์สักทีหลังรับบอลจากเพื่อนทางฝั่งซ้ายที่หน้าเขตโทษลากตัดเข้ากลางหาเพื่อหาช่องแล้วก็ใส่เต็มๆทันทีแต่บอลบดไปและไม่เข้ากรอบ
ชอว์ครอสส์โขกจ่อๆหม้อเกือบได้
นาที 58 เจ้าบ้านได้โอกาสจบสกอร์แบบจะแจ้งครั้งแรกในครึ่งหลังเป็นเอเธอริงตันที่เก็บตกยิงไกลจากจังหวะที่กองหลังซิตี้เคลียร์ไม่ดีบอลพุ่งไม่ตรงกรอบแต่มีชอว์ครอสส์ที่ยืนอยู่ทางที่บอลไปพอดีขึ้นโขกเหน่งๆแต่เหินโหม่งไปนิดทำให้บอลข้ามคานไป
โอ้...ว่าว
เกมผ่านพ้นไปจนถึงช่วง 20 นาทีสุดท้ายซิตี้เป็นฝ่ายครองเกมได้ทั้งหมดแล้วแต่มีจังหวะที่น่าจะเป็นประตูสุดๆเมื่อได้บอลหลุดขึ้นมาทางกราบซ้ายแล้วเปิดเข้ากลางไปเป็นบาโลเตลลี่ที่โฉบถึงบอลก่อนแล้วแต่ดันยิงว่าวไปเองทำให้กองหลังสโต๊คเคลียร์ออกมาได้
มิลเนอร์เซฟบนเส้น
นาที 78 เจมส์ มิลเนอร์ช่วยชีวิตทีมเรือใบได้อย่างหวุดหวิดหลังสโต๊คได้เตะมุมแล้วเปิดเข้ากลางมาบอลไปตกใส่หน้าท้องของเคนวีน โจนส์เปลี่ยนทางจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่มิลเนอร์ยืนอยู่พอดีเคลียร์ออกมาได้หวุดหวิด
หน้าไม่ทำหลังทำให้!ริชาร์ดสกดหาย
นาที 81 ไมกาห์ ริชาร์ดสกลายเป็นฮีโร่ของทีมเรือใบทันทีหลังโชว์เหนือปล่อยบอลที่เพื่อนจ่ายมารอดหว่างขาตัวเองแล้วพลิกไปกดแบบเต็มตีนเตี่ยบอลพุ่งผ่านมือเบโกวิชเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ซิตี้ขึ้นนำ 1-0
ฮูธโขกหลุดนิดเดียว
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเจ้าบ้านได้ลุ้นประตูตีเสมอจากจังหวะฟรีคิกที่เอเธอริงตันเปิดจากหน้าเขตโทษเข้าไปเป็นโรเบิร์ต ฮูธที่ได้ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆแต่บอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
เหลือเชื่อ!หม้อตีเสมอทดเจ็บ
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายแฟนบอลเจ้าบ้านเฮสนามแทบแตกหลังทีมได้ประตูตีเสมอแบบเหลือเชื่อจากจังหวะที่ตุนชายได้บอลแถวเส้นเขตโทษแล้วโชว์เหนือตอกส้นให้เอเธอริงตันที่วิ่งเติมขึ้นมาหลุดเดี่ยวไปทางฝั่งซ้ายของเขตโทษแล้วใส่เต็มข้อทันทีบอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม จากนั้นผู้ตัดสินก็เป่าจบเกมทำให้สโต๊คเปิดบ้านเสมอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไป 1-1
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
สโต๊ค : อัสเมียร์ เบโกวิช, โรเบิร์ต ฮูธ, ไรอัน ชอว์ครอสส์, แดนนี่ คอลลินส์, แอนดี้ วิลกินสัน (วิลสัน น.63), รอรี่ ดีแลป , ดีน ไวท์เฮด, แมทธิว เอเธอริงตัน, เจอร์เมน เพนแนนท์ (ตุนชาย น.45), ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ (วอลเตอร์ส น.76), เคนวีน โจนส์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, แวงซองต์ กอมปานี, โคโล่ ตูเร่, อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ, ไมกาห์ ริชาร์ดส , ไนเจล เดอ ยอง, แกเร๊ธ แบร์รี่, เจมส์ มิลเนอร์ (จอห์นสัน น.83), มาริโอ บาโลเตลลี่ (โจ น.90), คาร์ลอส เตเบซ , ดาบิด ซิลบา
Tags:
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by