เกมสุดดราม่าบังเกิดขึ้นที่เอติฮัด สเตเดี๊ยม เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ทำท่าจะเสียสถิติชนะรวดในบ้านเมื่อโดนตีเสมอ 2-2 หลังนำห่างไปก่อน แต่สุดท้ายมาได้ประตูชัยในนาทีสุดท้ายจากจุดโทษของบาโลเตลลี่ คว้าชัยชนะไปแบบสุดระทึก

พรีเมียร์ ลีก

วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2554

สนาม : เอฮัดติ สเตเดี๊ยม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 : 2 ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส

ประตู : 1-0 นาสรี่ น.56, 2-0 เลสค็อตต์ น.59, 2-1 เดโฟ น.60, 2-2 เบล น.65ม 3-2 บาโลเตลลี่ น.90+4

แมนเชสเตอร์ ซิตี้เปิดรังเอติฮัด สเตเดี๊ยมจัดศึกบิ๊กแมตช์แห่งการไล่ล่าแชมป์กับท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์สซึ่งเกมนี้สำคัญอย่างยิ่งยวดเป็นที่รู้กัน

เจ้าบ้านจัดเต็มส่งอาวุธหนักทั้งอเกวโร่, ซิลบา, นาสรี่และเชโก้ลงสนามในเกมนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกมรุกของ "เรือใบ" จะดุดันขนาดไหน

ด้านสเปอร์สก็ใช่ย่อยมีโมดริชและฟาน เดอร์ ฟาร์ตคอยปั้นเกมกลางสนาม พร้อมกับปีกตัวจี๊ดอย่างเบลและเลนน่อนที่พร้อมกระชากลากเลื้อยได้ทุกเวลา

แต่แฟนทีมเยือนอาจจะหลอนกว่าหน่อย เพราะเมื่อเกมแรกที่เล่นในบ้านพวกเขาโโนแมนฯซิตี้บุกไปถล่มเละถึง 5-1 เลยทีเดียว

ครึ่งแรก

เกมรัดกุมมาก
ผ่านช่วง 10 นาทีแรก เนื่องจากเกมนี้มีการเดิมพันที่สูงพอดู โดยเฉพาะเรื่องของแรงใจ ทำให้ทั้งสองทีมเล่นกันแบบไม่ผลีผลาม เน้นการจ่ายบอลเท้าต่อเท้าที่แน่นอนเอาไว้ก่อน เพราะถ้าพลาดเร็วขึ้นมาล่ะงานงอกแน่นอนไม่ต้องห่วง

ขาดจังหวะสุดท้ายทั้งคู่
ตั้งแต่เริ่มเกมมาที่ยังไม่มีโอกาสได้ลุ้นยิงแบบจะๆนั้น เป็นเพราะจังหวะสุดท้ายวันนี้ยังไม่เข้าเป้ากันทั้งสองทีมและต้องชมแนวรับ ด้วยว่ายืนกันได้ดี ยังไม่มีผิดพลาดปล่อยให้คู่แข่งหลุดไปล่อเป้าแต่อย่างใด

เสียดาย!กุนยิงไปติดเพื่อน
นาทีที่ 17 ดูแล้วน่าลุ้นเอามากๆสำหรับจังหวะนี้ที่ซิลบาวิ่งควบไปเปิดบอลคักจากสุดเส้น เข้าไปที่เสาแรก แม้ว่าเชโก้จะเข้าชาร์จวืด แต่ก็เป็นอเกวโร่ที่เข้ามาตามน้ำแปบอลเหมือนจะตรงกรอบด้วย แต่เหมือนกรรมบังเพราะเชโก้ที่วืดไปก่อนยืนขวางอยู่ บอลเลยแฉลบโดนเขาหลุดออกหลัง ไม่ได้อะไรเลย

กลิชี่ดูไม่ค่อยมั่นใจ
ไม่รู้เหมือนกันว่านี่อาจจะเป็นจุดที่ส่งผลต่อแมนฯซิตี้มากน้อยแค่ไหน แต่ตลอดช่วง 20 กว่านาทีแรกนี้ กลิชี่ดูเล่นแบบขาดความมั่นใจไปพอสมควร ทั้งจังหวะเติมเกมรุกและจังหวะที่ต้องประกบคู่แข่ง งานนี้ต้องดูกันต่อไป

กุนทำสวย!หน้าหนูยิงหลุด
นาทีที่ 25 ทักษะเยี่ยมจริงๆสำหรับอเกวโร่ที่แม้ว่าตัวจะเล็กกว่า แต่ก็ยังเบียดลุยกับกาบูลจนเข้าไปในกรอบเขตโทษได้ ก่อนจะแตะต่อให้ซิลบาได้ซัดด้วยซ้าย แต่บอลพุ่งผ่านหน้าประตูออกไป

ฟรีเดลโวย!ไก่ปล่อยกุนยิงได้
นาทีที่ 30 ต้องโวยกันเลยสำหรับฟรีเดลที่ออกแรงเซฟลูกยิงของอเกวโร่ที่รับบอลมาจากริ ชาร์ดส์แล้วหลอกกองหลังหนึงจังหวะ ก่อนได้ซัดเต็มๆ แต่ก็ติดตัวของฟรีเดลที่ต้องชมเลยว่าจังหวะนี้นิ่งมาก

เรือเริ่มต่อบอลได้มากขึ้น
ขัยบสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ตอนนี้เป็นเจ้าบ้านที่ได้ครองบอลกันแบบเพียวๆแล้ว เพราะสเปอร์สดูจะสวนไม่ขึ้นเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเจาะแนวรับของทีมเยือนไม่ได้อยู่ดี คงต้องใจเย็นนวดไปเรื่อยๆเท่านั้น

เชโก้ใจร้อน-กล้องจับเกรียนโอ้
นาทีที่ 43 เจาะไม่เข้าจนร้อนใจเหมือนกันสำหรับเชโก้ ในจังหวะที่เขาซัดแบบเบิร์ดๆนอกกรอบเขตโทษจนไม่ได้ลุ้นอะไร ทำให้กล้องจับภาพไปที่บาโลเตลลี่ที่น่าจะมีโอกาสลงเล่นในช่วงครึ่งหลัง เพราะวันนี้หอกร่างโย่งเหมือนจะเล่นไม่ค่อยออก

45 นาทีครบแบบเป๊ะๆเว็บบ์ก็เป่านกหวีดทันที เพราะดูแล้วทั้งสองทีมเหมือนใจจะลอยไปอยู่กับครึ่งหลังแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าครึ่งแรกนี้ไม่ค่อยตื่นตาเหมือนอย่างที่ใครหลายคนคาดเอาไว้ อาจจะต้องรอประตูแรกก่อน

ครึ่งหลัง

หน้าลิงยิงวืดซะงั้น
นาทีที่ 54 อุตส่ามีจังหวะสอดเข้าไปตรงกลางแล้วได้ยืนตั้งป้อมรอบอลมาจ่ายจากเพื่อนทาง ริมเส้นอยู่ในกรอบเขตโทษแล้วแท้ๆ แต่เบลที่ก่ะยิงตามน้ำ ดันจั่วลมจนล้มกองหลังไปซะได้ เสียดายโอกาสไปเลย

เด็ดขาด!นาสซี่ยิงระเบิด
อีกเพียง 2 นาทีต่อมา ต้องชมความยอดเยี่ยมของซิลบาที่สบโอกาสเห็นช่องของกองหลังสเปอร์ส ก่อนที่จะแทงทะลุช่องพรวดเดียวไปจนถึงนาสรี่ที่ฉีกกับดักล้ำหน้าเข้าไปไม่ ต้องจับ ซัดตามน้ำสวนตัวฟรีเดลเข้าไปกระแทกตาข่ายเต็มๆ ทำให้แมนฯซิตี้ขึ้นนำไปแล้ว 1-0 ทีมเยือนต้องเปิดเกมแลกบ้างแล้ว

เครื่องในไหล!เรือได้เม็ดสองง่ายดาย
นาทีที่ 59 แนวรับที่แกร่งอยู่ดีๆกลับกลายมาเสียประตูที่สองแบบรวดเร็วซะได้ ในจังหวะเตะมุมที่เชโก้โฉบไปเช็ดที่เสาแรก ก่อนที่บอลจะผ่านหน้าประตูไปเสาสอง ปาร์คเกอร์พยายามจะสกัดบอล แต่มันปลิ้นไม่ไปไหน เลยโดนเลสค็อตต์โถมเข้าหาบอลจนกลิ้งผ่านข้ามเส้นประตูเข้าไป แมนฯซิตี้สบายใจได้เม็ดสองอย่างไว

พลาดเอง!ไก่ได้คืนเร็วเว่อร์
อีกเพียงหนึ่งนาทีต่อมา สเปอร์สก็มาตีไข่แตกแบบง่ายสุดๆ เพราะบอลสาดโด่งของพวกเขาเข้าไปในแดนแมนฯซิตี้ที่มีซาวิชยืนอยู่คนเดียว เหมือนจะก่ะจังหวะโหม่งไม่ดี เลยโดนไม่เต็ม ทำให้บอลไปถึงเดโฟที่เหลืองานง่ายแตะบอลหนีฮาร์ทแล้วแปบอลเข้าประตูไปสบายๆ เกมสนุกเฮฮาด้วยสกอร์ 2-1

สุดตีน!หน้าลิงยิงงามหยด
นาทีที่ 65 ตามตีเสมอรวดเร็วไม่พอ แต่มาเจอกับลูกยิงสุดสวยของเบล ที่เลนน่อนจ่ายมาให้หน้ากรอบเขตโทษ เขาเลยจัดการตวัดยิงด้วยเท้าซ็าย บอลพุ่งโค้งปาดไปเสาสองข้ามมือของฮาร์ทที่เหยียดยังไงก็ไม่ถึง เสียบตาข่ายอย่างสวยงามจริงๆ สกอร์ 2-2 แล้ว

กลายเป็นเรือที่ชักเคลง
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ตอนนี้กลายเป็นแมนฯซิตี้จังหวะเกมรวนไปพอสมควร เพราะพวกเขาอาจจะช็อกอยู่เหมือนกันในการที่โดนตามตีเสมอไว้แบบนี้ ต้องดูว่าเวลาที่เหลือเกมจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อส่งบาโลเตลลี่ลงมาแทนเชโก้แล้วด้วย ส่วนสเปอร์สก็ถอดฟาน เดอร์ ฟาร์ตแล้วส่งลิเวอร์มอร์ลงไปแทน

เกรียนโอ้ได้ใบเหลืองเลย
นาทีที่ 79 ลงมาเล่นแค่ไม่กี่นาทีก็โดนใบเหลืองเลย สำหรับบาโลเตลลี่ที่ไปอัดผู้เล่นของสเปอร์สเฉย ในจังหวะที่เขาเสียบอล ยังเดาอารมณ์ยากเหมือนเดิม

นึกว่าเปเป้!เกรียนโอ้มีตามน้ำ
นาทีที่ 83 ภาพเปเป้แอบแว๊บขึ้นมาเลย เมื่อบาโลเตลลี่ไปโดนปาร์คเกอร์เข้าบล็อกจังหวะยิง จนเขาเสียหลักก่อนด้วยเท้าซ้ายไปโดนหัวปาร์คเกอร์ แต่เหมือนจังหวะเท้าขวาที่ย่ำลงนั้นจะไปตามน้ำโดนหน้าของปาร์คเกอร์อีกดอก จนต้องมีการปฐมพยาบาล แต่เจ้าตัวบอกไม่ได้ตั้งใจและเข้าไปขอโทษขอโพยดูอาการมิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ ด้วย

ดราม่า!เดโฟชาร์จไม่เข้าช็อก
ทดเวลานาทีแรก เกิดเหตุดราม่าขึ้น เมื่อเบลฉกฉวยจังหวะจากความผิดพลาดของซาวิช กระชากบอลขึ้นไปจนถึงสุดเส้น แล้วเปิดกลับไปให้เดโฟที่วิ่งมาคนเดียวโล่งๆ แต่จังหวะแหย่ขาจิ้มบอลของเขาเหมือนจะไม่พอดีกัน บอลเลยหลุดกรอบออกไปแบบไม่น่าเชื่อ

โคตรดราม่า!เรือได้จุดโทษนาทีสุดท้าย
สุดยอดดราม่าเลย เมื่อแมนฯซิตี้มาได้จุดโทษในจังหวะที่บาโลเตลลี่โดนทำฟาวล์ในเขตโทษ ก่อนที่จะลุกขึ้นมาซัดจุดโทษเอง กลายเป็นประตูชัยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้เอาชนะท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์สไปด้วยสกอร์ 3-2 ทำเอาเดโฟหง๋อยไปเลย เพราะถ้าเขายิงเข้าไปก่อนหน้านี้ เรื่องคงไม่จบแบบนี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, โจเลี่ยน เลสค็อตต์ , สเตฟาน ซาวิช, กาแอล กลิชี่ , ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แกเร็ธ แบร์รี่, เจมส์ มิลเนอร์, ดาวิด ซิลบา, ซาเมียร์ นาสรี่ , เอดิน เชโก้(บาโลเตลลี่ น.65), แซร์คิโอ้ อเกวโร่

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : ไนเจล เดอ ยอง, เนดุม โอนูโอฮา, อดัม จอห์นสัน, ปาโบล ซาบาเลต้า, อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ, คอสเทล ปันติลิม่อน

ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์ส : แบรด ฟรีเดล, เล็ดลี่ย์ คิง, ยูเนส กาบูล, เบนอต์ อัสซู เอก็อตโต้, ไคล์ วอล์คเกอร์, สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ , ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล , แอร่อน เลนน่อน(พีนาร์ น.88), เจอร์เมน เดโฟ , ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต(ลิเวอร์มอร์ น.68)

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : คาร์โล คูดิชินี่, ไมเคิ่ล ดอว์สัน, นิโก้ ครันชาร์, โรมัน พาฟลูเชนโก้, เซบาสเตียน บาสซง