สำหรับ ''เรือใบสีฟ้า'' นี่คือโอกาสสุดท้ายที่ทีมของ มานูเอล เปเยกรีนี่ จะยืดความหวังในการติดท็อปโฟร์ออกไปอีก หลังโอกาสลุ้นแชมป์ลีกริบหรี่ลงเรื่อยๆ

        ทั้งยังเป็นการเรียกขวัญกำลังใจเพื่อฟอร์มต่อเนื่องในแชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะตัวแทนหนึ่งเดียวจากอังกฤษ ก่อนเจอกับยักษ์ใหญ่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รอบ 8 ทีมสุดท้ายตอนต้นเดือนเมษายน

        ด้าน ''ปีศาจแดง'' นอกจากถ้วยเอฟเอ คัพ ซึ่งต้องเตะรีเพลย์กับเวสต์แฮม ชัยชนะในดาร์บี้แมตช์ยังยืดความหวังติดท็อปโฟร์ที่เหลือน้อยนิดไว้อีกหน่อย และยังแก้ตัวจากการหลุดวงโคจรยูโรปา ลีก เมื่อวันก่อน

        หรือถ้ามองกันตามความเป็นจริง นี่คือการแย่งอันดับ 4 กันแบบกลายๆ ก็ไม่ผิด หากมองกันที่ฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานของทั้งสองฝั่งในฤดูกาลนี้

        แมนฯ ซิตี้เตะนัดนี้ที่เอติฮัด ด้วยช่องว่างห่างจากเลสเตอร์ 15 แต้ม หลังจาก ''จิ้งจอกสีน้ำเงิน'' บุกไปเก็บแต้มจากคริสตัล พาเลซ เมื่อวันเสาร์ได้

         ซึ่งสถานการณ์ลุ้นแชมป์ก็เหมือนจบลงโดยปริยาย เหลือไปลุ้นความสำเร็จในยุโรป เพิ่มเติมจากแคปปิตอล วัน คัพ ต่อเท่านั้น

        การเผชิญหน้ากับอริร่วมเมือง ยังมีตัวแปรมากมายที่ทำให้ดาร์บี้แมตช์ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนให้แต่ละทีม พลิกสถานการณ์กลับมาได้

        ที่ผ่านมา เปเยกรีนี่ต้องปวดหัวกับอาการบาดเจ็บของบรรดาตัวหลัก โดยเฉพาะ แว็งซ็องต์ ก็องปานี กัปตันทีมที่เดินเข้าออกห้องหมอเยอะกว่าลงสนาม ขณะที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ และ ดาบิด ซิลบา บาดเจ็บเรื้อรัง

        ตัวที่คาดว่าจะมาแทนได้ เควิน เดอ บรอยน์ ก็เจ็บยาว ขณะที่ ราฮีม สเตอร์ลิง ฟอร์มไม่เด่นและโดนจับนั่งสำรองติดกันมา 3 นัด โดยที่เปเยกรีนี่เลือก เฆซุส นาบาส มากกว่า

        ที่สำคัญคือ ผลงานการเจอกับทีม 6 อันดับแรกด้วยกัน ปรากฏว่าเปเยกรีนี่ยังไม่ชนะใครเลย โดยผลงานดีที่สุดจนถึงขณะนี้ คือเสมอกับเลสเตอร์, เวสต์แฮม และแมนฯ ยูฯ เมื่อต้นฤดูกาลเท่านั้น

        ทั้งหมดคือสิ่งที่ทำให้แมนฯ ซิตี้ ผลงานไม่ค่อยน่าพอใจในลีก แต่ก็ยังถือว่าถือไพ่ได้เปรียบผู้มาเยือน

        ด้วยอันดับ 6 ของ ''ปีศาจแดง'' ที่อยู่ห่างออกไป 4 แต้ม หากออกมาพลาดพลั้งแพ้คาอีสต์แลนด์ส โอกาสลุ้นติดท็อปโฟร์ของหลุยส์ ฟาน กัล ก็จะจบลงอย่างเป็นทางการเช่นกัน

        ดีไม่ดี อาจส่งผลต่อเนื่องถึงเก้าอี้ของกุนซือชาวดัตช์ที่ง่อนแง่นมาหลายเดือนด้วยซ้ำ

        อย่างไรก็ดี หากแมนฯ ยูฯ จะพลิกสถานการณ์ที่ย่ำแย่กลับมามีฮึดอีกครั้ง การเจอกับอริร่วมเมือง ย่อมเป็นจังหวะที่ฟาน กัล และลูกทีมของเขาจะได้แก้ตัว

        กุนซือจอมปรัชญามีปริศนาต้องแก้หลายจุด และแต่ละข้อล้วนต้องตอบโจทย์ที่แฟนบอลตั้งไว้ โดยเฉพาะตำแหน่งของ มารูยาน เฟลไลนี่

        ดาวเตะชาวเบลเยียมได้ความไว้วางใจต่อเนื่อง แต่ทุกครั้งที่มีโอกาส เฟลไลนี่ก็ไม่ได้โชว์ฟอร์มเก่งออกมา แถมยังสุ่มเสี่ยงต่อการโดนใบเหลืองใบแดง จากสไตล์ที่ก้าวร้าวเกินกว่าเหตุ

        จากความหวังที่จะมาช่วยทีม กลายเป็นนักเตะที่แม้แต่แฟนปีศาจแดงเองก็เหนื่อยหน่าย และเร่งเร้าให้ฟาน กัล ปลดจากชุดตัวจริงที่เขาได้ยืนคู่กับ ไมเคิ่ล คาร์ริค เสียที

        ทว่าตัวเลือกในแดนกลางของแมนฯ ยูฯ ก็มีจำกัด เมื่อ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ไม่ฟิต อันเดร์ เอร์เรร่า ยังรอเช็กอาการบาดเจ็บจากเกมยุโรป ส่วน มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน ถอยลงไปรับบทตัวสำรองต่อเนื่อง

        ไม่เพียงเท่านั้น อีกปัญหาที่ฟาน กัล ต้องแก้อยู่เรื่อย คือแนวรุกที่เหลือแต่ดาวรุ่ง เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ เจ็บไม่เลิก

        ความหวังในแดนหน้าตอนนี้ ต้องฝากไว้กับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ยังมี มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอกดาวรุ่งวัย 18 ที่กลายมาเป็นตัวหลักติดกันมาหลายนัด

        แรชฟอร์ดออกสตาร์ตเป็นตัวจริงมา 7 นัดติด เริ่มตั้งแต่เจอมิดทิลแลนด์ในยูโรปา ลีก แทนมาร์กซิยาล ที่บาดเจ็บตอนวอร์ม ซึ่งถือว่าเป็นงานหนักทีเดียวสำหรับกองหน้าวัย 18 ปี ที่เพิ่งขึ้นมาจากทีมเยาวชน

        จังหวะออกสตาร์ตร้อนแรง ยิง 2 ลูกจากนัดประเดิมสนาม ตามด้วยอีก 2 ใส่อาร์เซน่อลในพรีเมียร์ลีก ช่วงปืนฝืดติดต่อกันมา 5 นัด ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่พอเข้าใจ

        เรื่องน่าเป็นห่วงคือฟาน กัล ไม่เหลืออะไหล่ให้ใช้สอยเท่าไหร่ ทั้งฟอร์มไม่แน่ไม่นอนของ เมมฟิส เดอปาย กุนซือดัตช์คงต้องใช้งานเจ้าหนูแรชฟอร์ด เช่นเดียวกับ เจสซี่ ลินการ์ด ต่อไป ทำให้ทีมของฟาน กัล เป็นรองหลายด้านก่อนลงสนาม

        แต่อะไรที่เหนือความคาดหมายมักเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อมีคำว่าดาร์บี้แมตช์เข้ามาเกี่ยวข้อง

        การเผชิญหน้าครั้งที่ 171 ระหว่างทั้งสองจะลงเอยเช่นไร โปรดติดตาม

ชู้ตเอ๊าต์

/////////////////////////////////////////////////////

Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th