นับตั้งแต่อำลาตำแหน่งกุนซือของบาร์ซ่า "เป๊ป" เคยกำราบทีมเก่าของตัวเองได้สำเร็จ 1 ครั้ง ในรอบตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2014-15 สมัยเป็นเทรนเนอร์ของ บาเยิร์น มิวนิค เพียงแต่ไม่เพียงพอที่จะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ
ยกแรกที่ทั้งคู่ห้ำหั่นกันเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แมนฯ ซิตี้ ของคุณพี่เขาก็เพิ่งโดนถล่มแหลกจนแทบหาทางกลับบ้านไม่ถูกเลยทีเดียว
มันเป็นเรื่องยากที่จะหยุดสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกที่เล่นกันเป็นระบบบนความจัดจ้าน โดยเฉพาะ 3 ประสานในแผนกล่าประตูที่มีความระห่ำโคตรโหดไม่ปรานีใครมากที่สุดในเมืองมนุษย์
ย้อนกลับไปในการศึกครั้งนั้นสำหรับท่านที่ไม่ได้ชมเกม ผมขอเรียนว่าสกอร์ 4-0 ไม่ได้สะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นบนฟลอร์หญ้าเลย เพราะ แมนฯ ซิตี้ แสดงให้เห็นว่าสู้ได้ เพียงแต่แพ้จังหวะของเกมลูกหนังเท่านั้นเอง
หรืออาจจะพูดอีกอย่างได้ว่าแพ้ ลิโอเนล เมสซี่ ก็ได้ เพราะในวันที่ "องค์ลง" วิธีเดียวที่จะหยุดดาวเตะระดับเทพผู้นี้คือต้องเอาไม้ตะบองมาไล่ตีมันให้เด๊ดห่าคาสนาม
ในการศึกครั้งนั้น "เป๊ป" วางแผนให้ลูกทีมบีบสูงถึงหน้าปากประตูคู่แข่ง แดนกลางพุ่งเข้าหาบอลเร็วจากรอบทิศทาง เพื่อบีบให้ผู้เล่นของบาร์เซโลน่าเปิดบอลยาว เรียกว่าไม่อนุญาตให้เล่นตามถนัด
ถือว่า แมนฯ ซิตี้ ทำได้ดีในระดับหนึ่งนะครับ
แต่เพราะความผิดพลาดส่วนบุคคล รวมถึงความไม่เด็ดขาดเมื่อมีโอกาส ส่งผลให้พวกเขาแพ้แบบขาดลอย
ประตูแรกที่โดนแย่งมาจากการสะดุดเงาตัวเองลื่นล้มแบบไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้นของกองหลัง ก่อนผู้รักษาประตูจะถูกไล่ออกในเวลาต่อมา ส่งผลให้เหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน "เกมโอเวอร์" ตั้งแต่นาทีนั้น
การบีบสูงพลางพุ่งเข้ารุมอย่างรวดเร็วทำให้บาร์ซ่าไม่มีพื้นที่และเวลาในการเล่นมากนักก็จริงอยู่ แต่ในขณะเดียวกัน มันกลายเป็นดาบสองคม เพราะการพุ่งเข้าหาบอล ผู้เล่นทุกคนต้องทำพร้อมกันแบบเป็นกลุ่ม แผงหลังจำเป็นต้องขยับตาม จึงหมายถึงการเปิดพื้นที่ว่างในแดนตัวเองให้คู่แข่งเช่นกัน
แล้วบาร์เซโลน่า จากการทำงานของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ จัดเป็นทีมที่สามารถพลิกแพลงรูปแบบการเล่นได้หลากหลายกว่าเดิม ไม่ใช่เคาะบอลกันตามช่องเพียงอย่างเดียว โดยมีทั้งลูกสั้นสลับยาว และตัดตอนพลางลดจังหวะการต่อบอลให้น้อยลง เพื่อให้ลูกเดินทางไปคุกคามประตูคู่แข่งอย่างเร็ว-แรง ทะลุนรกมากยิ่งขึ้น
ที่สำคัญคือ 3 ทหารเสือ "เหยิน-เตี้ย-แว๊นซ์" อย่าง หลุยส์ ซัวเรซ, ลิโอเนล เมสซี่ และเนย์มาร์ จัดเป็นผู้เล่นที่ความสามารถเฉพาะตัวสูงมาก - มีความอันตรายและลื่นยิ่งกว่าปลาไหลไฟฟ้า อีกทั้งยังประสานงานกันอย่างเข้าขาและรู้ใจอีกต่างหาก จึงสามารถชงเองกินเองได้โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงระบบด้วยซ้ำ
ในศึกระดับอภิพญามหายุทธ์ขบวนล่าสุดที่ "อีสต์แลนด์ส"
แม้จะมีบทเรียนมาจากความยับเยินในเกมแรก แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังวางแผนให้ลูกทีมเล่นแบบเดิม คือบีบสูงถึงหน้าปากประตูผู้มาเยือน เพื่อบังคับให้บาร์ซ่าต้องทิ้งบอลยาวออกมาบ้าง ไม่ให้เล่นตามถนัด ซึ่งโอกาสเสียการครอบครองบอลก็จะสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม
ผู้เล่นของจากต่างดาวดูจะมั่นใจพอๆ กับย่ามใจในทักษะและทีมเวิร์กของตัวเองแบบเต็มประดา คือถึงจะโดนบีบเข้าหาอย่างรวดเร็ว แต่หาได้สะทกสะท้านไม่!
พวกเขายังคงเคาะบอลตามช่องบนพื้น แถมบ่อยครั้งทำเรื่องน่าหวาดเสียว ด้วยการผ่านบอลขวางไปขวางมาหน้าปากประตูตัวเองเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ เขาก็ทำกัน...เฟ็ดเฟ่!
ขอบอกนะครับว่า นี่คือการฉีกตำราลูกหนังแทบทุกฉบับในโลกนี้ทิ้งแล้วเอามันไปยัดลงโถส้วมก่อนกดชักโครก เพราะไม่มีโค้ชจากสำนักไหนสอนให้ผู้เล่นผ่านบอลไป-มา ขวางหน้าประตูตัวเอง ขณะที่มีคู่แข่งบีบสูงขึ้นมาไล่บอลและจ้องจะฉกแบบนี้ เนื่องจากมันทั้งสุ่มเสี่ยงพอๆ กับล่อแหลมต่อการเสียประตูอย่างจงหนัก
ลูกทีมของ หลุยส์ เอ็นรีเก้ ทำเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดา พลางยักไหล่ไม่ยี่หระก่อนจะฉวยโอกาสโต้กลับอย่างฉับพลันจนนำมาซึ่งประตูนำ
ประตูนำ 1-0 ของบาร์ซ่า มาจากการจู่โจมแบบลอบฆ่า จังหวะนั้น แมนฯ ซิตี้ กำลังบุกกดดันอยู่ในกรอบเขตโทษ ต่อเมื่อตัดบอลได้ พวกเขาใช้การสวนกลับเพียงแค่ 2 จังหวะเท่านั้น ทะลวงตาข่ายเจ้าถิ่นได้สำเร็จ
เมื่อ ลิโอเนล เมสซี่ จ่ายบอลยาวให้เนย์มาร์กระชากหลุดไปทางปีกซ้าย ก่อนตัวเองจะเติมขึ้นมาตรงๆ เพื่อรอรับลูก และตะบันมันเข้าไปตุงตาข่าย
นี่ขนาดทำการบ้านมาดี และผู้เล่นทำได้ตามแผนการที่วางเอาไว้แล้วนะครับ บาร์ซ่าก็ยังขึ้นนำไปก่อนเหมือนเดิม
เห็นแบบนี้แล้วก็หนักใจแทน แมนฯ ซิตี้ ยิ่งนัก
แม้จะได้ประตูนำ - ผู้มาเยือนจากนอกโลกก็ยังเป็นฝ่ายครอบครองบอลมากกว่า แต่หากสังเกตให้ดี คุณจะพบว่าส่วนใหญ่มันเป็นการครองบอลในแดนตัวเอง ไม่ได้ขึ้นมาบุกกดดันเจ้าถิ่นจนโงหัวไม่ขึ้นสักหน่อย
ผู้เล่นบาร์ซ่าคงรู้สึกว่า แมนฯ ซิตี้ เป็นเหมือนลูกมือในกำไก่ เอ๊ย! ลูกไก่ในกำมือที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด พวกเขายังคงเล่นบนความเสี่ยงเหมือนเดิม และเหมือนมั่นใจแบบเต็มประดา โดยหารู้ไม่ว่ามันไม่ต่างจากการว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจในบ่อที่อุดมด้วยจระเข้
ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ยังใช้กลยุทธ์เหมือนเดิมด้วยความอดทน จังหวะหนึ่งบาร์เซโลน่าก็มาพลาดจนได้ แถมเสียหายถึงขึ้นถูกตีเสมอ ซึ่งท่านผู้ชมทางบ้านอย่างผมเห็นแล้วอยากหัวเราะออกมาในสำเนียงกาตาลุนย่าซะเหลือเกิน
เมื่อถูกบีบกดดันเข้ากระชับพื้นที่ แทนที่จะเตะทิ้งออกไปไกลๆ แบ็กขวาของบาร์ซ่า อย่าง เซร์จี้ โรแบร์โต้ กลับโชว์เหนือด้วยการผ่านบอลขวางกลับมาหน้าปากประตูตัวเองเหมือนเดิม แต่คราวนี้ดันผิดพลาดทั้งน้ำหนักและทิศทางจนโดนผู้เล่นในชุดสีฟ้าฉกไปตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1
เมื่อทำประตูตีเสมอได้เหมือนโมเมนตัมจะเหวี่ยงกลับมาอยู่กับทีมเจ้าถิ่นแบบเต็มๆ ด้วยการเล่นอย่างมั่นอกมั่นใจมากยิ่งขึ้น
คนเราถ้าลองมั่นใจซะอย่าง อะไรและอะไรมันก็ลงล็อกไปหมด ว่าแล้วลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็สาธิตวิธีกำราบทีมเก่าของเจ้านายตัวเองให้ดูเป็นตัวอย่างซะเลย
กระนั้น ใช่ว่าทุกทีมจะเลียนแบบ แมนฯ ซิตี้ ได้เสมอไป เพราะกว่าจะทำสำเร็จ ทุกอย่างต้องมาพร้อมกันทั้งหมด
ประการหนึ่งคือ ศักยภาพผู้เล่นของ "เดอะ ซิติเซนส์" ที่ไม่ห่างจากคู่แข่งมากนัก สามารถเปิดเกมรุกเข้าแลกได้แบบไม่ขัดเขิน โดยเฉพาะผู้เล่นในหน่วยล่าสังหาร 5 มหาประลัย อันประกอบด้วย กุน อเกวโร่ ในตำแหน่งศูนย์หน้า ถัดลงมาคือขุมพลังขับเคลื่อนเกมรุก 4 ประสาน อย่าง ดาบิด ซิลบา, เควิน เดอ บรอยน์, อิลคาย กุนโดกัน และ ราฮีม สเตอร์ลิง แถมยังมี แฟร์นันดินโญ่ คอยเก็บกวาดในแดนกลางช่วยให้เพื่อนร่วมทีมขับเคลื่อนเกมรุกได้อย่างอิสระมากขึ้น
ประการหนึ่งคือการวางแผนและจี้จุดอ่อนคู่แข่งของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขณะที่ลูกทีมสามารถปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ส่วนอีกประการหนึ่งซึ่งอยู่เหนือการควบคุมคือเรื่องของจังหวะ เพราะตอนนำ 2-1 แมนฯ ซิตี้ รอดพ้นจากการถูกตีเสมอเป็น 2-2 แบบหวุดหวิด เมื่อ อังเดร โกเมซ ดันตะบันประตูโล่งๆ ไปชนคานซะอย่างนั้น
จังหวะในเกมนี้เป็นใจให้ แมนฯ ซิตี้ มากกว่าบาร์เซโลน่า
แม้จะเป็นเพียงครั้งที่ 2 ในชีวิตที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หาทางกำราบทีมเก่าของตัวเอง แต่มันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ แมนฯ
ซิตี้ สามารถยัดเยียดความปราชัยให้ผู้มาเยือนจากต่างดาวได้สำเร็จ
มันจึงไม่ต่างจากการประกาศอิสรภาพของ แมนฯ ซิตี้ ในรายการนี้ พลางบอกชาวโลกว่า บาร์เซโลน่าก็ไม่ใช่ทีมไร้เทียมทานที่หาทางโค่นล้มไม่ได้เช่นกัน
บอ.บู๋
//////////////////////////////////////////
Cr.siamsport. ติดตามข่าวสารได้ที่เวปหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th
Tags:
เขียนคอลัมน์นี้ได้ดีครับเอาไปสิบกระโหลกโป๊กๆ
ต่อนี้ไป ซิตี้ก็ไม่กลัวบาร์ซ่าอีกต่อไป และผมก็ไม่ต้องมานั่งอึดอัดชมเกมเหมือนตอนไปเยือน เพราะซิตี้เล่นเหมือนเกร็ง ๆ กันมากตอนไปเยือน
ต่อจากนี้คิดว่าแมนซิพร้อมเจอทุกทีม
อ่านซะเห็นภาพตามเลยต้องขอชมทุกคนทำงานตามเป้าหมายได้สำเร็จด้วยดี
555 คนเขียนถึงขั้นยอมรับ
© 2024 Created by thaiMCFC. Powered by