เปิดซีซั่นมาจนถึงช่วงพักเบรคทีมชาติ เป็ปกวาดิโอล่าพาแมนซิตี้เล่นพรีเมียร์ไป7นัด ชนะ6เสมอ1นัดมี19คะแนน ยึดเบอร์หนึ่งบนหัวตารางได้ เฉือนแมนยูของมูรินโย่แค่ประตูได้เสียดีกว่าลูกเดียวเท่านั้น ซีซั่นที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันนี้แมนซิตี้ก็มีผลการแข่งขันที่ดีเช่นเดียวกัน แต่เวลาผ่านไปไม่นานกลับตกตำ่ลงมาอย่างรวดเร็วในขณะที่เชลซีแรงขึ้นมามาก แล้วก็คว้าแชมป์พรีเมียร์ไปครอง
ซีซั่นนี้ไม่ใช่แค่มีผลการแข่งขันดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น รูปแบบการเล่น ทรงบอล ของเรือใบเปลี่ยนไปอย่างมาก ดีขึ้นเป็นคนละทีมเลย ผลงานและรูปเกมดีแบบนี้เลยไม่มีใครมาด่าว่าเป็ปให้เจ็บปวดกะดองใจเหมือนปีก่อน แล้วอะไรล่ะที่ทำให้แมนซิตี้เปลี่ยนแปลงไป มีอยู่ 5 ประเด็น ดังนี้ครับ
1)แก้ปัญหาการขาดตัวหลัก
ปีที่แล้วแมนซิตี้เจ็บปวดและเสียหายมากจากการขาดนักเตะตัวหลัก ขาดกอมปะนีไปนี่ขาดใจเลยทำให้แนวรับมีช่องโหว่รูเบ้อเร่อให้คู่แข่งทะลวงประตู ไม่มีใครมาอุดช่องนี้ได้เลย ยิ่งการขาดกุนอเกวโร่ แฟร์นันดินโย่อันนี้ก็แทบขาดใจไปเหมือนกัน
มาปีนี้กุนซี่โครงหัก เมนดีเอ็นหัวเข่าขาด ทั้งสองคนต้องขาดหายไปจากเกมพร้อมกัน แต่เป็ปกวาดิโอล่าก็พาเรือใบแล่นไปได้ฉิว เห็นได้ชัดเจนจากนัดที่บุกไปคว้าสามแต้มจากเชลซีนั่นไง
2)แชมป์เปี้ยนลีค
มันยากเหมือนกันที่จะบอกว่าการที่ทีมใดไม่ได้เล่นยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีคแล้ว มันมีผลมากน้อยแค่ไหนต่อการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีค แต่ปีนี้ก็มีเสียงจากทีมใหญ่อย่าง เชลซี ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูลที่ต่างก็ได้เล่นยูฟ่าด้วย ร้องว่ามันมีแมทให้เล่นมากไป มันหนักไป ส่วนเป็ปก็มีประสบการณ์แล้ว แก้ปัญหารับมือกับมันได้ ให้มีแมทลงเล่นถี่ยิบแค่ไหนก็สู้ บ่ยั่น
3)แนวรับสุดแกร่ง
ปีที่แล้วแมนซิตี้มีผลการแข่งขันที่มีชนะมากกว่าแพ้ก็ตาม แต่ก็เสียประตูมากและเสียง่ายๆด้วย ปีนี้ด้วยสองมือของเอแดร์สันผู้รักษาประตูคนใหม่ช่วยเซฟให้ทีมรอดพ้นไม่เสียประตูง่าย ทีมมีความสมดุลย์มากขึ้นสมเป็นทีมผู้ท้าชิงแชมป์ แผงรับสุดท้ายฟูลแบคก็ต่างไปมากเพราะจอนสโตนพัฒนาขึ้นมาเก่งแกร่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ
4)กวาดิโอล่า
ช่วงท้ายซีซั่นมีแรงบีบคั้บเสียดสีเป็ปว่า คุณเคยพาทีมคว้าแชมป์มามากมายทุกๆปีตลอดอาชีพเป็นโค้ชของคุณ แล้วมาพาเรือใบมือเปล่า คุณยังแฮปปี้ดีไหม? มันเจ็บปวดมากนะ แต่เป็ปกลับเอามาเป็นแรงผลักดันตัวเองให้คิดทำอะไรในปีนี้ ไม่มีทางย่ำรอยทางเดิมที่เคยผิดพลาดมาก่อน ก็ดูผลงานกับเชลซีนั่นไงชัยชนะและทรงบอลแบบนี้กับทีมอย่างเชลซีไม่ค่อยมีใครทำได้
5)พลังอำนาจของม้านั่งสำรอง
ซีซั่นที่แล้วถ้าเป็ปวางตัวนักเตะและแผนเล่นไว้แล้วเกิดว่าไม่เวิร์คแล้ว ผู้เล่นบนม้านั่งสำรองเปลี่ยนตัวลงไปก็พลิกเกมกู้สถานการณ์ไม่ได้เลย ตัวอย่างจากเกมยูฟ่ากับโมนาโกก็แล้วกัน เบอร์นาโดซิลบาดาวเด่นของโมนาโกในนัดนั้นย้ายมาลงเรือยังต้องนั่งบนม้านั่งสำรองเลยครับ พลังอำนาจบนม้านั่งสำรองปีนี้มันสร้างความแตกต่างได้จริงๆ
Tags:
-
▶ Reply to This