Members

3เหตุผลแมนซิตี้พลาดป้องกันแชมป์ลีก

http://static.siamsport.co.th/news/2018/08/15/news201808150638162.jpg

3เหตุผลแมนซิตี้พลาดป้องกันแชมป์ลีก
_____________________________
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อฤดูกาล 2017-18 พวกเขาสามารถจัดการคู่แข่งได้อยู่หมัดในซีซั่นนั้น ที่สำคัญ "เรือใบสีฟ้า" สร้างประวัติศาตร์ด้วยการเก็บ 100 คะแนนในเกมลีกเมืองผู้ดี ซึ่งเป็นเรื่องยากมากๆ ที่ใครจะลบสถิตินี้ได้
 
อย่างไรก็ตาม ตามหลักปรัชญาสำคัญที่ว่า "เป็นแชมป์ยากแล้ว แต่ป้องกันแชมป์ยากยิ่งกว่า" เป็นสิ่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องเผชิญในฤดูกาล 2018-19 เพราะ แมนฯ ซิตี้ จะต้องเจอกับเรื่องที่สุดหินหากพวกเขาอยากจะเขียนประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรในการป้องกันแชมป์ลีก
 
แม้ว่า "เป๊ป" จะเริ่มได้อย่างสวยหรูในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น รวมไปถึงการปราบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี คว้าถาดการกุศลคอมมิวนิตี้ ชิลด์ มาครอบครองก็ตาม แต่สำหรับซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ จำเป็นต้องรักษาฟอร์มที่สุดยอดเอาไว้ให้ได้ไม่งั้นก็คงยากที่จะประสบความสำเร็จในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ในฤดูกาลปัจจุบัน
 
1. อาถรรพ์แชมป์เก่า
 
สำหรับลีกสูงสุดประเทศอังกฤษมักจะมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ รวมไปถึงผลงานในสนามที่ทำให้แฟนบอลต้องประหลาดใจมากมาย บางครั้งทีมที่อ่อนกว่าตามหน้าสื่อ สามารถดึงศักยภาพชั้นยอดออกมา และผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่เชื่อลองไปถามแฟนบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ก็ได้
 
หลังจากความสำเร็จอันแสนยิ่งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผงาดคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน (2006-07, 2007-08 และ 2008-09) จากนั้นเป็นต้นมาไม่มีสโมสรไหนที่สามารถป้องกันแชมป์ได้อีกเลย
 
เห็นได้ชัดว่าการป้องกันแชมป์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ก็เหมือนกับกรณีของ เชลซี (แชมป์ 2014-15) ในฤดูกาล 2015-16 จากประวัติศาสตร์ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาไม่มีทีมไหนเป็นตัวเต็งแชมป์อีกแล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพบซีซั่นที่เลวร้าย 2013-14 หลังจากผงาดคว้าแชมป์สมัยที่ 20 ในซีซั่น 2012-13
 
นับตั้งแต่นั้นก็เป็น เชลซี, เลสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี ที่ผลัดกันคว้าแชมป์ตั้งแต่ฤดูกาล 2015-16, 2016-17 และ 2017-18 ตามลำดับ ฉะนั้น โจเซป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องรอบคอบและระมัดระวังตัวเอาไว้ให้จงหนักในฤดูกาลนี้
 
ฉะนั้นความคาดหวังในเรื่องการป้องกันแชมป์ บ่อยครั้งมันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากลายเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องเจ็บปวดรวดร้าวฤดี ขอบอกเลยว่าแชมป์เก่าเจ้าของโทรฟี่พรีเมียร์ลีกต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล และหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องเจอกับอาถรรพ์เหมือนกับทีมอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา
____________________________________
2. ตั้งเป้าหมายใหม่
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สามารถผงาดคว้าแชมป์ลีกด้วยฟอร์มการเล่นที่สุดยอด แต่ผลงานในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังถือว่าไม่น่าประทับใจเลย พวกเขาพ่ายแพ้คาบ้านให้กับ ชัคตาร์ โดเน็ทสต์ ในรอบแบ่งกลุ่ม และยังโดน ลิเวอร์พูล จัดการเขี่ยตกรอบก่อนรองชนะเลิศ
 
กวาร์ดิโอล่า เคยคว้าแชมป์ลีกมาแล้ว และเขาสมควรที่จะได้รับเครดิตจากความสำเร็จเหล่านั้น แต่กระนั้นงานของเขาที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารจากยอดทีมแห่งถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม คืออะไร ? เรื่องนี้ทุกๆ คนคงเดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นอะไรที่ไกลยิ่งกว่าความสำเร็จในอังกฤษ
 
ยอดกุนซือสมองเพรช ผ่านการคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว และเขาต้องการที่จะทำแบบนั้นให้ได้อีกในเวลานี้ สำหรับผู้จัดการทีมที่ใช้งบประมาณการย้ายทีมจำนวนมหาศาลในช่วง 2 ฤดูกาล แน่นอนว่ามันเป็นพันธะสัญญาที่สำคัญมากๆ ที่เขาจะต้องได้อะไรที่มากกว่าแชมป์ลีก และฟุตบอลถ้วยในประเทศ
 
สำหรับเป้าหมายในฤดูกาลนี้ กวาร์ดิโอล่า คงเน้นไปที่ แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นอันดับแรก เขาไม่สามารถใช้ระบบโรเตชั่นสำหรับ 11 ตัวจริงตลอดการแข่งทุกๆ สัปดาห์ได้ ในวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่มีตารางแข่งแบบแน่นเอี๊ยด นี่อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมเดียวที่คว้าทริปเบิ้ลแชมป์ หรือดับเบิ้ลแชมป์ (ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก) ในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังเมืองผู้ดี
 
บางที "เป๊ป" ซึ่งเคยกุมบังเหียน "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า และ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค จำเป็นต้องทุ่มเทและเสียสละสุดๆ สำหรับความมุ่งมั่นในการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่งั้นคงยากจะประสบความสำเร็จได้
__________________________________
3. จุดอ่อนของทีมถูกเปิดเผย
 
ไม่มีทีมไหมที่สามารถเล่นได้เต็มศักยภาพเมื่อเจอกบพวกเขา ยกเว้นกรณีของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพราะ "หงส์แดง" แสดงให้เห็นถึงความสุดยอดมาแล้วในการจัดการอัด แมนฯ ซิตี้ ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก และแสดงให้โลกได้เห็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีจุดอ่อนเหมือนกัน
 
อย่างไรก็ตาม ไม่มีทีมไหนที่จะเล่นได้ระเบิดเถิดเทิงเวลาที่เจอกับ แมนฯ ซิตี้ แต่ในเดือนเมษายนในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งเมือนแมนเชสเตอร์ เป็นการเปิดเผยจุดอ่อนได้อย่างชัดเจนของ "เรือใบสีฟ้า" แม้พวกเขาจะนำห่าง 2-0 แต่สุดท้าย "ปีศาจแดง" ฮึดกลับมาชนะ 2-3 เหตุผลเพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด กล้าได้กล้าเสียในการบุกตะลุยเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย และไล่กดดันสูงใส่ แมนฯ ซิตี้
 
นี่คือทั้งหมดที่บรรดาทีมลุ้นแชมป์จะต้องจับจ้องในฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ คงไม่ได้มีอิสระในการเล่นเหมือนเดิมแน่นอน ทุกๆ ทีมพร้อมที่จะไล่บี้ไล่ขยี้เพื่อทำให้พวกเขาต้องเจ็บปวด ทั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ และ เจอร์เก้น คล็อปป์ รวมทั้งผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ก็พยายามสู้อย่างเต็มที่เช่นกัน
 
จากนี้ไปคงได้เห็นกันว่า กวาร์ดิโอล่า จะสามารถประสบความสำเร็จป้องกันแชมป์ลีกได้ หรือโทรฟี่นี้จะมีการเปลี่ยนริบบิ้นเป็นสีอื่นต้องคอยดูกันในเดือนพฤษภาคม2019
 
ทอมเม้ง
 
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
Cr.siamsport ติดตามข่าวสารได้ที่เว็บหลักของประเทศไทย www.mcfc.in.th

Views: 479

Reply to This

Replies to This Discussion

เป็นธรรมดาเพราะวันนี้ทั่วเมืองแมนเชสเตอร์กำลังกลายเป็นสีฟ้าปีนี้ผมการันตีว่า ผีไม่ได้แชมป์พรีเมี่ยลีกแน่นอนเอาแค่ 3-4 ทีมสุดท้ายก็อาจจะหลุดด้วยซ้ำ เรือใบสีฟ้ามีโจทย์ต้องแก้คือใครจะมาแทนเฟอนันดิญโญกับดาวิด ซิลบาและบราโว่

แทนที่จะให้เครดิตเรือที่ชนะบิ๊กทีมต่อกันสองนัด

กลับพยายามจะดิสเครดิตด้วยคอลัมน์แบบนี้

กลับกัน ถ้าเป๊ปไปคุมที่มที่พวกเชาเชียร์

อาจจะบอกว่า ทีมนั้นจะป้องกันแชมป์ได้แน่นอน 

เพราะโค้ชอัจฉรยะแบบเปีป

นักวิแคะที่ดูเหมือนจะแอบแอ๊บเลือกข้าง ใจดูไม่เป็นกลางก้อเงี้ยแหละ

หาเหตุผลได้สารพัด ที่จะมองแง่ลบ แต่ไม่มีสักเหตุผล ที่จะมองแง่บวก

นึกถึงไอ้ 5 เหตุผลที่ทีมปืนจะดับซ่าแมนซิในเกมลีกก่อนหน้านี้ลย

ลงท้าย โดนเรือใบยัดสองประตูใส่ทีมปืน

เอาชัยชนะยัดปากนักวิแคะจอมหาเหตุผลเชิงลบซะเงิบ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.