การเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้่ยม ยัดเยียดความปราชัยให้ ลิเวอร์พูล ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาลนี้ได้เป็นครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ถือเป็นผลงานที่ควรค่าแก่การปรบมือชื่นชมให้กับ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลูกทีมของเขา เพราะในชั่วโมงนี้คงมีไม่กี่ทีมที่พอจะรับมือกับเกมรุกอันดุดัน และเล่นงานเกมรับที่เหนียวแน่นเหมือนกำแพงเหล็กของ "หงส์แดง" ได้
ชัยชนะ 2-1 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ช่องว่างระหว่างทั้งสองทีมเหลือเพียงแค่ 4 คะแนนเท่านั้น ในขณะที่เหลือโปรแกรมให้เล่นอีก 17 นัด ซึ่งสำหรับทีมระดับ แมนฯ ซิตี้ แล้วนั้น การไล่ตาม ลิเวอร์พูล ให้ทัน หรือแซงไปเลย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเก็บชัยชนะนัดที่มีความสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ได้ แต่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ก็จำเป็นต้องทำอีกหลายอย่างเพื่อที่จะขับเคี่ยวกับ ลิเวอร์พูล ได้ต่อไป และวันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์กันว่าสิ่งเหล่านั้นมีอะไรบ้าง
......................................................................
- รีบหาแบ็กซ้ายตามธรรมชาติ
สิ่งที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องทำหลังกำชัยเหนือลิเวอร์พูลได้
อาการบาดเจ็บอีกครั้งของ แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ เป็นความโชคร้ายของ กวาร์ดิโอล่า และของ แมนฯ ซิตี้ ที่ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งจากการที่ดาวเตะดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสรับการผ่าตัดตรงเข่าข้างซ้ายไปเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มันก็อาจจะทำให้เขาต้องใช้เวลานานพอตัวในการเรียกสภาพความฟิตของตัวเอง
การหายไปของ เมนดี้ ก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงตรงตำแหน่งแบ็กซ้ายของ แมนฯ ซิตี้ จริงอยู่ว่า ฟาเบียน เดลฟ์ กับ โอเล็คซานเดอร์ ซินเชนโก้ พอจะลงเล่นในตำแหน่งนี้ได้ แต่พวกเขาไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ นั่นทำให้ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของเดือนมกราคมนี้ แมนฯ ซิตี้ อาจจะจำเป็นต้องเดินเครื่องช็อปปิ้งครั้งใหญ่ เพื่อหาแบ็กซ้ายดีๆ มาร่วมทีม ส่วนเรื่องที่กำลังโดนสอบสวนว่าแอบโกงรายรับเพื่อเลี่ยงกฎควบคุมการเงินหรือไม่เอาไว้ค่อยคิดกันทีหลัง
เกมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เอมเมอริค ลาป๊อร์กต์ อาจจะทำผลงานได้น่าพอใจกับการรับบทแบ็กซ้ายจำเป็น แต่บทบาทที่ดีที่สุดของเขาคือเซนเตอร์แบ็ก ถ้าเกิดยังฝืนเอาคนที่ไม่ใช่แบ็กซ้ายตามธรรมชาติมารับบทบาทนี้ มันก็มีโอกาสที่จะส่งผลเสียกับ แมนฯ ซิตี้ ในภายภาคหน้าได้
......................................................................
กองหลังชาวอังกฤษอาจจะได้รับคำชมที่สามารถเคลียร์บอลได้ก่อนที่มันจะข้ามเส้นเข้าไปทั้งใบในนาทีที่ 18 จนทำให้ทีมไม่โดนนำไปก่อน แต่ถ้าว่ากันตามตรงแล้วเขาก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ทีมต้องเจอสถานการณ์แบบนั้น เพราะเขาดันหวดเคลียร์บอลไม่ดีจนทำให้มันไปโดน เอแดร์ซอน โมราเอส นายทวารเพื่อนร่วมทีม ส่งผลให้บอลลอยกลับไปทางประตูของฝั่ง แมนฯ ซิตี้ จนเกือบจะเป็นการทำเข้าประตูตัวเอง
ในเกมนี้มันยังมีอีกหลายจังหวะที่ สโตนส์ เล่นได้ไม่สมค่าตัวในเบื้องต้นที่ 47.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,137.5 ล้านบาท) อย่างเช่นจังหวะที่ผ่านบอลไม่ดีจนทำให้ ลิเวอร์พูล ได้โอกาสขึ้นเกมบุก ร้อนจน แว็งซ็องต์ ก็องปานี ต้องเข้าสกัดใส่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งบางคนมองว่าจังหวะนี้ ก็องปานี สมควรโดนใบแดงด้วยซ้ำ พูดอีกแบบหนึ่งก็คือถ้ากองหลังชาวเบลเยียมโดนไล่ออกจริง สโตนส์ ก็ต้องรับความผิดชอบกับเรื่องดังกล่าว
ช่วงที่ผ่านมา สโตนส์ เล่นได้ไม่แข็งแกร่ง ราวกับเป็นหินที่กร่อนเพราะโดนน้ำหยดลงใส่ทุกวัน ซึ่งตรงจุดนี้เป็นโจทย์ที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องแก้ไขให้ได้ เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ 3 แต้มในเกมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมามันเป็น 3 คะแนนที่ไร้ค่า
......................................................................
- ประคบประหงม แฟร์นันดินโญ่
ท่ามกลางเหล่าสตาร์ที่สร้างสีสันให้กับเกมบุกของ แมนฯ ซิตี้ แฟร์นันดินโญ่ คือคนที่ก่อนหน้านี้มักจะได้รับความสนใจน้อยที่สุด แต่เขาคือคนที่มีส่วนสำคัญมากเป็นลำดับต้นๆ ของ แมนฯ ซิตี้
ตอนที่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า แพ้ 2 นัดติดต่อกันให้กับ คริสตัล พาเลซ 2-3 และกับ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-2 ทั้งที่ตามชื่อชั้นแล้วพวกเขาเหนือกว่าอีก 2 ทีมบานเบอะนั้น ส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะดาวเตะชาวบราซิเลียนมีอาการบาดเจ็บตรงต้นขาจนทำให้ลงเล่นไม่ได้ ถึงแม้ในช่วงนั้น กวาร์ดิโอล่า จะใช้งานคนอื่นที่ดูมีชื่อชั้นดี แต่พวกเขากลับทำผลงานได้ไม่ดีเท่าแข้งวัย 33 ปีเลย
แฟร์นันดินโญ่ เป็นผึ้งงานที่คอยทำหน้าที่ให้ทีมอย่างเต็มที่ตลอดช่วงที่ผ่านมา ผลงานของเขาช่วยให้ แมนฯ ซิตี้ สามารถเดินเกมบุกได้แบบราบรื่น และการทำให้เขาฟิตพอที่จะช่วยทีมได้จนจบฤดูกาลนี้ ก็อาจจะมีความสำคัญต่อการลุ้นแชมป์ของ แมนฯ ซิตี้ มากกว่าการไปทุ่มเงินซื้อแข้งระดับโลกคนใหม่ด้วยซ้ำ
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////