Members

คอลัมน์น่าอ่าน: 6 เหตุผลที่ Manchester City สมควรป้องกันแชมป์ Premier league ได้มากกว่า Liverpool คว้าแชมป์ ครั้งแรกในรอบ 29 ปี

  1. ยุคสมัย (Period )

      จะสังเกตได้ว่า ในทุกๆ ทศวรรษจะมีการแข่งขันแย่งแชมป์ระหว่างเต็ง1 กับเต็งร่วม / เต็ง 2 อยู่ตลอดทุกฤดูกาล และทีมที่เป็นแชมป์ได้ มักจะมีช่วงเวลาที่ครองความยิ่งใหญ่ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจยาวนานนับทศวรรษ หรือสั้นๆ เพียงแค่ 2-3 ฤดูกาลที่ยังคงเป็นทีมเต็งอยู่ และไม่ใช่เพียงแค่ใน Premier League เท่านั้น ทั้ง 5 ลีกดัง ทีมีค่าสัมประสิทธิ์สูง ก็มีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์พลิกโผได้น้อยมาก โดยตลอดระยะเวลาที่ แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษเปลี่ยนชื่อมาเป็น Premier League (ชื่อเดิม Division 1) มีทีมที่ ไม่ใช่ตัวเต็งสอดแทรกเข้ามาเป็นแชมป์ได้เพียง 2 ทีมนั่นก็คือ Blackburn Rovers (1994-95) และ Leicester City (2015-16) ซึ่งถ้า จะนับจากปีที่เปลี่ยนชื่อ 1992-2019 ราวๆเกือบ 3 ทศวรรษ มีเพียง 2 ฤดูกาลเท่านั้น ที่มีเหตุการณ์พลิกล็อคเกิดขึ้น ซึ่งถ้าดูตามหน้าเสื่อนับตั้งแต่ต้นฤดูกาล จนถึง ณ เวลานี้ Manchester City คือเต็ง 1 ที่จะป้องกันแชมป์ฤดูกาล 2018-19 ได้สำเร็จ

******************************

  1. Pep Guardiola

        ถ้าจะพูดถึงสุดยอดบรมกุนซือของฟุตบอลลีกอังกฤษ ใครๆก็คงนึกถึงอดีตกุนซือของ Manchester United  อย่าง Sir Alex Ferguson ที่เสกโรงละครแห่งความฝันให้กลายเป็นนรกของทุกทีมที่มาเยือนจน United ครองความยิ่งใหญ่มาได้อย่างต่อเนื่องนานร่วม 2 ทศวรรษ โดยมีคู่ปรับที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันในช่วงเวลานั้นอย่าง Arsene Wenger ที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ พา Arsenal คว้าแชมป์ไร้พ่ายมาแล้วใน ฤดูกาล 2003-04 ก่อนจะเป็นการก้าวเข้ามาของคลื่นลูกใหม่อย่าง Jose Mourinho ที่ยกระดับ Chealsea ให้กลายเป็นทีมแชมป์มหาอำนาจในช่วงเวลาต่อมา ก่อนจะถึงยุคเปลี่ยนผ่านความสำเร็จที่ Josep Guardiola เข้ามาเซ็นสัญญากับทีมในถิ่น Eastland  และสร้างประวัติศาสตร์แชมป์สุดยิ่งใหญ่ ร่วมกับสโมสร Manchester City ในยุค The Centurions และชื่อของ Josep Guardiola นั้นเองที่เคยพาทีมเอาชนะทีมของ Sir Alex Ferguson ,Arsene Wenger และ Jose Mourinho มาแล้วตั้งแต่ในสมัยที่ยังคุมทัพ Azulgrana ตลอดจนย้ายมาคุพทัพในแคว้น Bavaria และสุดท้ายก็ตามมาย้ำแค้นถึงดินแดนผู้ดี ในนาม The Cityzens โดยคู่แข่งที่มีดีกรีพอฟัดพอเหวี่ยง พอจะต่อกรลุ้นแชมป์ในช่วงเวลานี้ได้ ก็มีเพียง Jürgen Klopp แห่ง Liverpool เท่านั้น ซึ่งกุนซือที่ถูกกล่าวชื่อมาข้างต้นทั้งหมด ต่างเคยให้สัมภาษณ์ถึง Pep ในทำนองว่า “ ในเวลานี้ Pep คือกุนซือที่ดีที่สุดในโลก” และแน่นอนว่า คนในวงการฟุตบอลทั่วโลกต่างในการยอมรับในความเห็นนี้

 

********************************

  1. สถิติ (Statistics )

        เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เราสามารถกล่าวอ้างสถิติที่เกิดขึ้นในเกมการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ว่า City คือสุดยอดทีม ที่สร้างสถิติมามากมาย  ไม่ว่าจะเป็นทีมที่ชนะทำแต้มได้สูงที่สุดตลอดกาลใน 1 ฤดูกาล(100  แต้ม) ชนะมากที่สุดใน 1 ฤดูกาล (32 เกม ) ทำคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 มากที่สุดตลอดกาล (19  แต้ม) ชนะในเกมเหย้ามากที่สุดตลอดกาล (18 เกม)  โกยแต้มจากการเล่นเป็นทีมเยือนได้สูงที่สุดตลอดกาล (50 แต้ม) ชนะเกมเยือนสูงสุดตลอดกาล(16 เกม)  ชนะต่อเนื่องติดต่อกันยาวนานที่สุด (18 เกม) ชนะต่อเนื่องในเกมเหย้าติดต่อกันยาวนานที่สุด (20 เกม)   ยิงประตูใน 1 ฤดูกาล มากที่สุด (106 ประตู) เสียประตูน้อยที่สุดในฤดูกาล (27ประตู)  ผลต่างประตูได้เสียมากที่สุดตลอดกาล (79 ประตู)  และชนะทุกทีมที่ลงเล่นในลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษ และยังมีอีกหลายสถิติที่เราไม่ได้กล่าวถึง แต่ด้วยสถิติข้างต้นที่กล่าวมา บอกได้เลยว่า ผลงานในฤดูกาลนี้ City ทำไว้ได้ดี ใกล้เคียงกับฤดูกาลก่อน ในทุกแง่มุม แม้ว่าจะมีจุดที่หย่อนลงมาบ้าง แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยผลงาน ที่ดีกว่าฤดูกาลก่อนในบางจุด เช่น เกมรับที่ดีกว่า และเสียประตูน้อยกว่าฤดูกาลก่อน ร่วมถึงการเบรกความร้อนแรงของคู่แข่งที่ร่วมลุ้นแชมป์ อย่าง Liverpool ด้วยชัยชนะในเกมเหย้า และเกือบจะเป็นชัยชนะทั้ง 2 นัด ในเกมเยือนช่วงต้นฤดูกาล แต่น่าเสียดาย ที่ Riyad Mahrez ยิงจุดโทษพลาด อย่างน่าเสียดายจนทำได้แค่เพียงผลเสมอ แต่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ทีมของ Klopp ไม่สมหวังเลยทั้งสองนัด ที่พบกับ ทีมของ Pep  

 

 ********************************

  1. Jürgen Klopp

คำครหา ที่ปรามาส Klopp ว่าเค้าคือ Mr.Runner UP  แห่งวงการฟุตบอลลีก จากเกาะอังกฤษ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด  ซึ่งถ้าหากนับจากผลงานการเข้าชิง และลุ้นแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านๆมาของ Klopp  ยอดกุนซือรายนี้  เคยพาทีมเข้าชิงในรายการระดับ Major มาแล้ว 7 ครั้ง และพ่ายแพ้ ไปถึง 4 ครั้ง ในช่วง 7 ปี หลังสุดโดย ไม่มีแชมป์ติดมือเลยแม้แต่รายการเดียว แม้ว่าจะเข้าชิงซักกี่ครั้งในรายการไหนก็ตาม  โดยฤดูกาลที่น่าเสียดายที่สุดสำหรับยอดกุนซือเมืองเบียร์ก็คือ ฤดูกาล 2012-13 เคยพาต้นสังกัด ของเค้า อย่าง Borussia Dortmund เข้ารอบ Final  ในรายการ UEFA Champions League  และปราชัยให้กับคู่เข้าชิงอย่าง Bayern Munich  จนกระทั่งเมื่อฤดูกาล 2017-18 ก็เป็นการปราชัยในรอบ Final   อีกเป็นครั้งที่สอง ให้กับ Real Madrid อย่างขาดลอย  ซึ่งในฤดูกาลนี้ Klopp  ได้รับโอกาสในการลบคำปรามาส และแก้มืออีกครั้ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเขาเองว่าจะทำได้หรือไม่  ซึ่งการ Comeback จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ เขา จะต้องแย่งแชมป์ Premier League  มาจาก The Cityzens  ในฤดูกาลนี้ให้ได้ หรือ มีชัยเหนือยอดทีมจาก London อย่าง Tottenham Hotspur  ในรอบ Final  ของศึก UEFA Champions League  ได้เท่านั้น….

 

 ********************************

  1. Big Shot & Wonder Goals

ถ้าจะกล่าวถึงช่วงเวลาที่สำคัญ เราก็มักจะนึกถึง ผู้นำ และผู้เล่นคนสำคัญที่จะนำพาทีมผ่านบททดสอบ ตลอดจนแรงกดดันต่างๆ และผ่านมันไปได้เป็นอย่างดีอย่างกัปตัน Vincent Kompany , Sergio Aguero ที่มักจะลงมานำทีม ในช่วงเวลาที่สำคัญ และมักจะยิงประตูตัดสินชัยชนะในเกมดังกล่าวได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าเกมๆนั้นจะเป็นการพบกับคู่แข่งที่ยากเย็นแค่ไหนก็ตาม

 ********************************

  1. We’re The Champion of Champion

ถ้าจะกล่าวถึงการประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ ยอดทีมจากถิ่น Eastland อย่าง Manchester City การันตีความสำเร็จในการคว้าแชมป์ ด้วยผลงานสุดอลังการ 100 แต้ม และการจบ Score  ได้ถึง 106 ประตู และเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะมากที่สุดต่อ 1 ฤดูกาล โดยกวาดชัยชนะได้ถึง 32  เกม จากการแข่งขันทั้งหมด 38  เกมในฤดูกาล 2017-18 และในฤดูกาลนี้ City ก็มีโอกาสในการ เก็บชัยชนะ สูงที่สุด 32 เกม เทียบเท่ากับฤดูกาลที่แล้ว ที่คว้าแชมป์สุดอลังการได้  แล้วทำไม City  จะไม่สามารถคว้าแชมป์ Premier League  เหนือ Liverpool   ได้หละ…

 

            " โดย  Win Of Manchester"

Views: 917

Reply to This

Replies to This Discussion

โดยปกติ ก็ควรเป็นไปตามนั้น แต่เกมฟุตบอลมันไม่แน่นอนร่อกนาย

โชค ดวง กรรมการ ไลน์แมน เสา คาน สามารถพลิกความน่าจะเป็นได้เสมอ

ไม่กี่วันก่อน ทีมเป็ด ทีมสเปอร์ ทีมหอย ก็ยังพลิกความน่าจะเป็นมาแล้ว

ดังนั้นจึงไม่มีอะไรชัวร์ๆร่อก ถ้าชัวร์เชื่อตามบทความแบบเต็มร้อย

แบบนั้นก็มีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ รู้สึกอัตราจะสองลูกครึ่ง รวยเละ

ไม่สนับสนุนการพนันนะ แล้วก็ไม่พนันด้วย

แต่ถ้าใครแพ้โดนดีดมะกอกละก็ อาจเล่นด้วย

ยืนข้างแมนซิชนะแน่นวลพันเปอร์เซ็ง เอิ้กๆๆ..

Big Shot & Wonder Goals ถ้าจะกล่าวถึงช่วงเวลาที่สำคัญ เราก็มักจะนึกถึง ผู้นำ และผู้เล่นคนสำคัญที่จะนำพาทีมผ่านบททดสอบ ตลอดจนแรงกดดันต่างๆ และผ่านมันไปได้เป็นอย่างดีอย่างกัปตัน Vincent Kompany , Sergio Aguero ที่มักจะลงมานำทีม ในช่วงเวลาที่สำคัญ และมักจะยิงประตูตัดสินชัยชนะในเกมดังกล่าวได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าเกมๆนั้นจะเป็นการพบกับคู่แข่งที่ยากเย็นแค่ไหนก็ตาม

แชมป์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

RSS

© 2024   Created by thaiMCFC.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service

Text Link Ads script error: local_200939.xml is not writable. Please set write permissions on local_200939.xml.